Daily Focus: ปัจจัยภายนอกกดดัน // แต่ Downside ของ SET ถูกจำกัดด้วย VAYU1

2024 SET Target: 1470

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งกว่าคาด ปิดบวกได้ 15.83 จุด ที่ระดับ 1,464.66 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.3 หมื่นลบ. โดยได้แรงหนุนจากการเริ่มลงทุนของกองทุนวายุภักษ์ 1 สะท้อนจากสถาบันในประเทศซื้อสุทธิในตลาดหุ้นเร่งขึ้นเป็น 3.4 พันลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติยังขายสุทธิต่ออีก 1.7 พันลบ. (แต่พลิกมา Long Index Futures 3.7 พันสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index จะแกว่งตัว Sideways to Sideways Down ในกรอบ 1,450-1,470 จุด จากบรรยากาศการลงทุนที่เป็นลบจากสถานการณ์สงครามในตะวันออกกลางที่ตึงเครียดขึ้น หลังล่าสุดอิหร่านโจมตีอิสราเอลด้วย Missile ขณะที่อิสราเอลเตรียมตอบโต้ส่งผลให้มีแรงขายสินทรัพย์เสี่ยงเข้าหาสินทรัพย์เสี่ยงต่ำและปลอดภัยอย่างทองคำ พันธบัตรรวมถึงราคาน้ำมันดิบที่ปรับขึ้น ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯออกมาผสมผสานโดย ISM ภาคการผลิตเดือน ก.ย. ออกมาทรงตัวจากเดือนก่อนที่ 47.2 ต่ำกว่าคาด และต่ำกว่าระดับ 50 ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 ขณะที่ Job Openings ออกมา 8.04 ล้านตำแหน่ง สูงกว่าเดือนก่อนและสูงกว่าคาด ซึ่งทำให้ยังต้องติดตามตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนและการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือน ก.ย. ในคืนนี้และคืนวันศุกร์ว่าจะมีทิศทางอย่างไร รวมถึงสถานการณ์ประท้วงงานที่ท่าเรือฝั่งตะวันออก หากยึดเยื้อยาวนานอาจส่งผลต่อการค้าและเงินเฟ้อสหรัฐฯเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม เรายังมองการพักตัวของ SET Index จะไม่รุนแรงโดยมีเม็ดเงินใหม่จากกองทุนวายุภักษ์ 1 ที่คอยรองรับ โดยปัจจุบันเม็ดเงินส่วนใหญ่พักอยู่พันธบัตรระยะสั้น ขณะที่ความคาดหวังเชิงบวก ต่อนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจจากรัฐบาลที่จะทยอยออกมาทั้งระยะสั้นและระยะยาว รวมถึงแนวโน้มเศรษฐกิจไทยใน 2H24-2025 ที่คาดฟื้นตัวต่อเนื่อง คาดยังหนุนให้ดัชนีทยอยไต่ระดับขึ้นได้ โดยเรายังมองกลุ่ม Domestic Play ยังดูน่าสนใจกว่า Global Play

กลยุทธ์ : เน้นลงทุนหุ้น Domestic Play ที่มีแนวโน้มกำไร 2H24-2025 แข็งแกร่ง // ส่วนที่สะสมในช่วงก่อนหน้ายังถือลงทุนต่อเนื่องระยะกลาง-ยาว

หุ้นเด่นเดือน ก.ย.: BDMS, CPALL, ICHI, MTC, NSL

FSSIA Portfolio: AOT, CHG, CPALL, CPN, GPSC, KCG, KTB, MTC, NSL, SHR, TU

หุ้นเด่น Finansia 2 ต.ค. 24 : ICHI

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 19 บาท
  • แนวโน้มกำไร 3Q24 คาดยังโตได้แข็งแกร่ง เบื้องต้นประเมินที่ 380 ลบ. +8% q-q, +16% y-y สวนทางฤดูกาล และดีกว่าโทนที่ได้รับจากประชุมนักวิเคราะห์ในช่วงก่อนหน้า หนุนจากยอดขายชาเขียวที่ยังดีหนุนอัตราการใช้กำลังการผลิตให้ยังเต็มระดับ 80% ขณะที่ค่าใช้จ่ายลดลงทำให้ Margin ยังดี
  • Sentiment ดูดีขึ้นหลังกำไร 2H24 ที่คาดยังโตต่อ เราคาดกำไรปี 2024 ทื่ 1.35 พันลบ. +23% y-y ราคาหุ้นปัจจุบันเทรดที่ระดับ 2024PER เพียง 15 เท่า ต่ำเป็นอันดับต้นๆของกลุ่มเครื่องดื่ม และคาดให้ Dividend Yield ทั้งปีสูงราว 7% ช่วยจำกัด Downside 
  • แนวรับ 16//15.50 บาท แนวต้าน 17//7.50 บาท

Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนในภูมิภาคเริ่มผสมผสานหลังจากไหลออกหนาแน่นช่วงก่อนหน้า สุทธิแล้วไหลออกเล็กน้อย US$194 ล้าน โดยกระจุกตัวที่ไต้หวัน US$211 ล้าน ส่วนฝั่งอาเซียนเม็ดเงินไหลเข้าอินโดนีเซียและเวียดนามประเทศละ US$28-33 ล้าน ส่วนมีเพียงไทยที่ไหลออก US$53 ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนคาดว่ายังค่อนไปในทิศทางไหลออก โดยสถานการณ์สงครามในตะวันออกกลางตึงเครียดขึ้น หลังอิหร่านยิง Missile โจมตีอิสราเอล เม็ดเงินไหลเข้าหาสินทรัพย์ปลอดภัยรวมถึงน้ำมัน

ประเด็นสำคัญวันนี้

(+) ITC คาดกำไรสุทธิ 3Q24 ที่ 1 พันลบ. +9% q-q; +70% y-y แม้จะเผชิญค่าเงินบาทแข็งค่า และรับรู้ค่าเสื่อมสายการผลิตใหม่เต็มไตรมาส แต่บริษัทได้ทำ Hedging ครอบคลุมไว้ทั้งหมด จึงคาดสามารถบริหารอัตรากำไรขั้นต้นให้ยังทรงตัวสูงใกล้เคียง 2Q24 เป็นนิวไฮที่ 30% โดยคาดรายได้รวมจะเติบโตได้ตามเป้าที่ +15% y-y และทรงตัว q-q ล่าสุดมีคำสั่งซื้อล่วงหน้าราว 50% ของเป้ารายได้ใน 4Q24 แล้ว และบริษัทยังตั้งเป้ารายได้ใน 4Q24 จะเติบโตต่อเนื่อง q-q และจะเป็นจดสงสดของปีนี้ เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรสทธิปี 2024-25 ขึ้น 23% และ 13% เป็น 3.9 พันลบ. +73% y-y และ 4.2 พันลบ. +6% y-y ตามลำดับ ปรับใช้ราคาเป้าหมายเป็นปี 2025 ที่ 30 บาท คงคำแนะนำ “ซื้อ”

(+) BAM ได้ใบอนุญาตประกอบธุรกิจ AMC ของ Ari-AMC จาก ธปท. แล้ว โดย Ari-AMC จะได้รับการเพิ่มทุนเป็น 1 พันลบ. ใน 4Q24 และรับโอนหนี้ก้อนแรกจาก ธ. ออมสิน คิดเป็นมูลหนี้ราว 3 หมื่นลบ. เราคาดจะต้องใช้เงินลงทุน 1.8 พันลบ. แบ่งเป็นหนี้ที่มีหลักประกัน 70% และหนี้ที่ไม่มีหลักประกัน 30% เราคาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่ 4Q24 เป็นต้นไป เบื้องต้นประเมินว่า Ari-AMC มี upside ต่อประมาณการกำไรสุทธิราว 5-8% ในปี 2025-26 สำหรับ JV AMC 50:50 กับ KBANK ยังอยู่ระหว่างการขอใบอนุญาต และคาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ภายใน 1Q25 คาดมี upside ต่อประมาณการกำไรราว 2-4% ในปี 2025 เรายังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2024-26 +11.8% CAGR คงราคาเป้าหมาย 11 บาท Div. yield 5-6% ต่อปี คงคำแนะนำ “ซื้อ”

(-) กลุ่มเรือ ข่าวแรงงานสหรัฐนัดหยุดงาน 1 ต.ค. เวลา 12.01 น. หลังจากไม่สามารถตกลงเงื่อนไขค่าแรงและสวัสดิการได้ The Conference Board ประเมินว่าการหยุดงาน 1 สัปดาห์ อาจทำให้สหรัฐสูญเสียเงิน $3,780 ล้าน ปัจจุบันก.แรงงานเตรียมพูดคุมทั้ง 2 ฝ่าย สายเรือต่างๆ เริ่มประกาศหยุดรับสินค้าบางประเภทแล้วและผู้นำเข้าหลายรายเริ่มชะลอการสั่งสินค้าไป 2 สัปดาห์ พอดีกับช่วงนี้เป็น Golden week ของจีน การสั่งซื้อ-นำเข้าสินค้าของจีนจะหยุดไป 7 วัน ค่าระวางเรือในเอเชียปรับลง ต้องติดตามว่าหลัง Golden week จีนจะกลับมาค้าขายคึกคักหรือไม่ กลุ่มเรือยังไม่น่าสนใจ

(+) หุ้นเป้าหมายกองทุนวายุภักษ์ 1 ระบุให้ผลตอบแทน 3-9% ระยะเวลาลงทุน 10 ปี เราคัดเลือกหุ้นที่คาดว่าจะเป็นเป้าหมายโดยอ้างอิง หุ้นที่มี ESG Rating A ขึ้นไปสำหรับ SET100 และ AA ขึ้นไป สำหรับหุ้นนอก SET100 โดยเน้นหุ้นที่มี Dividend Yield ราว 3% หรือสูงกว่า หรือหุ้นเติบโตดี (Dividend Yield อาจไม่ถึง 3%) ได้แก่ ADVANC AP BAM BBL BCH BDMS BJC CALL CPN HMPRO ICHI INTUCH KBANK KTB MEGA MINT OSP SC SIRI TISCO WHA WHAUP PR9 DIF 3BBIF TFFIF AIMIRT CPNREIT LHHOTEL LHSC WHAIR

(-) ตลาดดาวโจนส์ ลดลง 173.18 จุด หรือ -0.41% ปิดที่ 42,156.97 จุด เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง หลังจากมีรายงานว่าอิหร่านยิงขีปนาวุธถล่มอิสราเอล

(-) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลบ เนื่องจากนักลงทุนเทขายสินทรัพย์เสี่ยงท่ามกลางความ วิตกเกี่ยวกับการที่อิหร่านวางแผนโจมตีอิสราเอล ซึ่งหลังจากปิดตลาดยุโรป อิหร่านได้ยิงขีปนาวุธหลายสิบลูกโจมตีอิสราเอลเพื่อตอบโต้ต่อการสังหารประชาชนในฉนวนกาซา รวมทั้งผู้นำของกลุ่มฮามาสและฮิซบอลเลาะห์

(-) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดลบ ตามทิศทางของลาดสหรัฐฯ วานนี้ ท่ามกลางสถานการณ์ความตึงเครียดในฝั่งตะวันออกกลาง

(-) ค่าเงินบาท อ่อนค่า อยู่ที่บริเวณ 32.53 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ +0.34%

(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 1.66 ดอลลาร์ หรือ 2.44% ปิดที่ 69.83 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากอิหร่านได้ยิงขีปนาวุธโจมตีอิสราเอล เพื่อตอบโต้อิสราเอลที่ใช้ปฏิบัติการสังหารผู้นำกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ ซึ่งเป็นพันธมิตรของ อิหร่าน ในขณะที่เช้านี้บวกอยู่ที่ระดับ 70.71 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ +1.26%

(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 30.90 ดอลลาร์ หรือ 1.16% ปิดที่ 2,690.30 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง หลังจากอิหร่านเปิดฉากยิงขีปนาวุธถล่มอิสราเอล ในขณะที่เช้านี้ลบอยู่ที่ระดับ 2,680.30 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ -0.37%

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 874.82/ +0.33%

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

2 ต.คประชุมกลุ่ม OPEC+
3 ต.คสหรัฐ: ISM Services PMI (ก.ย.)
4 ต.คđH]G: Non-Farm Payrolls (ก.ย.), Unemployment rate (ก.ย.)
7 ต.ค.ไทย: เงินเฟ้อ (ก.ย.)
9 ต.ค.ăS: FOMC Minutes
- Advertisement -