Daily Focus: อยู่ในช่วงทดสอบต้านหลัก 1470+- จุด

2024 SET Target: 1470

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งต่อเนื่อง ปิดบวกอีก 11.55 จุด ที่ระดับ 1,468.52 จุด ทดสอบแนวต้าน 1,470+- จุดตามคาด ส่วนมูลค่าการซื้อขายทรงตัวราว 5 หมื่นลบ. ยังคงหนุนจากหุ้นขนาดใหญ่อย่าง DELTA GULF TRUE CPAXT เป็นต้น นักลงทุนต่างชาติยังขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยต่อเนื่องเป็นวันที่ 12 อีก 1.6 พันลบ. ขณะที่สถาบันในประเทศยังเป็นฝ่ายซื้อสุทธิต่อเนื่องเป็นวันที่ 8 และเร่งขึ้นเป็น 3.6 พันลบ. (นักลงทุนต่างชาติ Long Index Futures เร่งขึ้นเป็น 2.8 หมื่นสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index จะแกว่งตัว Sideways หลังปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งและทดสอบแนวต้าน 1,470+- จุด ได้ตามคาด ภาพรวมบรรยากาศการลงทุนดูเป็นกลาง หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯออกมาผสมผสาน โดยเงินเฟ้อ CPI เดือน ก.ย. ออกมาสูงกว่าคาดเล็กน้อยโดย Core +0.3% m-m, +3.3% y-y เร่งตัวขึ้นจากเดือนก่อน ขณะที่ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์เร่งขึ้นเป็น 2.58 แสนตำแหน่ง ซึ่งทำให้ตลาดยังคงประเมินว่า FED น่าจะลดดอกเบี้ยในการประชุม 2 ครั้งที่เหลือปีนี้ครั้งละ 25 bps ขณะที่ Bond Yield และ Dollar Index ย่อตัวลงเล็กน้อย คาดมีโอกาสหนุนเม็ดเงินให้เข้าหาฝั่งเอเชียขึ้นบ้าง ส่วนราคาน้ำมันดิบพลิกมาปรับขึ้นแรงอีกครั้งโดย Brent แตะ US$79-80 ต่อบาร์เรล จากผลกระทบของพายุเฮอร์ริเคนมิลตันรวมถึงตลาดยังจับตาสถานการณ์สงครามในตะวันออกกลาง ด้านปัจจัยในประเทศยังต้องติดตามยังคงเป็นสถานการณ์น้ำท่วมว่าจะลุกลามอีกหรือไม่ แต่เชื่อว่าจะเริ่มทยอยคลี่คลายในช่วงปลาย ต.ค. – ต้น พ.ย. เป็นต้นไป โดยเรายังคงมุมมองเชิงบวกระยะกลาง-ยาวต่อ GDP ที่คาดทยอยฟื้นตัวหนุนจากนโยบายกระตุ้นจากครม. ซึ่งคาดว่าจะเป็นบวกต่อ SET Index ใน 4Q24-2025 ขณะที่ Downside ถูกจำกัดจากเม็ดเงินจากกองทุนวายุภักษ์ 1 ที่ทยอยซื้อหุ้นไทยต่อเนื่อง ส่วนระยะสั้นคาดตลาดจะเริ่มโฟกัสผลประกอบการ 3Q24 บจ.มากขึ้น

กลยุทธ์ : เลือกหุ้นที่คาดแนวโน้มกำไร 3Q24 แข็งแกร่ง // ส่วนที่สะสมในช่วงก่อนหน้ายังถือลงทุนต่อเนื่องระยะกลาง-ยาว

หุ้นเด่นเดือน ต.ค. : AOT, BCH, CBG, CPN, KCG

FSSIA Portfolio: AOT, CHG, CALL, CPN, GPSC, KCG, KTB, MTC, NSL, SHR, TU

หุ้นเด่น Finansia 11 ต.ค. 24 : PR9

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายปี 2025 ที่ 27 บาท
  • เราคาดกำไร 3Q24 ที่ 178 ลบ. +28% q-q, +27% y-y ได้แรงหนุนจากทั้ง High Season หนุนผู้ป่วยไทย รวมถึงผู้ป่วยตะวันออกกลางที่เพิ่มขึ้นหลังขยายตลาดดังกล่าวตั้งแต่กลางปี หนุนสัดส่วนผู้ป่วยต่างชาติปรับขึ้นเป็น 16-17% ต่อรายได้รวม 
  • เราคาดตลาดตะวันออกกลางจะยังเป็นปัจจัยหนุนการเติบโตได้ต่อเนื่องในระยะกลาง-ยาว เราคาดกำไรปี 2024-25 ที่ 671 ลบ. +20% q-q และ 759 ลบ. +13% y-y ตามลำดับ ราคาหุ้นเทรด 2025PER ที่ 23 เท่า
  • แนวรับ 21.30-21 บาท แนวต้าน 22.50//22.90 บาท 

Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนโดยรวมยังผสมผสาน สุทธิแล้วไหลออกจากภูมิภาคบางๆ US$40 ล้าน เม็ดเงินไหลเข้าเกาหลีใต้บางๆ US$51 ล้าน แต่ไหลออกจากอาเซียนนำโดย อินโดนีเซียและไทยประเทศละ US$48-62 ล้าน แต่ไหลเข้าเวียดนาม US$20 ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนคาดว่ามีโอกาสค่อนมาทางไหลเข้าหลังตัวเลขเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ ออกมาสูงกว่าคาดเล็กน้อย ส่วนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์สูงกว่าคาด อย่างไรก็ตามตลาดยังประเมินว่า FED จะลดดอกเบี้ยครั้งละ 25 bps ในการประชุม 2 ครั้งที่เหลือปีนี้ ทำให้ Dollar Index และ Bond Yield สหรัฐฯเริ่มย่อตัวลง

ประเด็นสำคัญวันนี้

(-) กลุ่มอสังหาฯ ยอด Presales 3Q24 กลุ่มฯ คาด -7% q-q, -8% y-y ที่ 6.5 หมื่นลบ. จากการเปิดโครงการใหม่ลดลงอย่างมีนัย ส่งผลให้ 9M24 คิดเป็น 60% ของเป้าทั้งปีที่ 3.3 แสนลบ. คาดมี Downside ราว 15-20% ประเมินกำไร 3Q24 กลุ่มฯลดลง q-q, y-y ตามทิศทางยอดขายและการเร่งทำโปรโมชั่นราคากดดันมาร์จิ้น คงน้ำหนักกลุ่มฯ Neutral Top pick เป็น AP จากแนวโน้มยอดขายและกำไร 3Q24 ดี ราคายัง Underperform” แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 10.80 บาท

(+) BDMS คาดกำไรปกติ 3024 ที่ 4.22 พันลบ. +27% q-q, +9% y-y ทำสถิติสูงสุดใหม่หนุนจากปริมาณผู้ป่วยจากต่างประเทศที่อยู่ในเกณฑ์ดี คาดผลกระทบจำกัดจากแผนประกันสุขภาพแบบร่วมจ่าย คาดรายได้จะโตต่อเนื่องใน 4Q24 จากผู้ป่วยจากต่างประเทศซึ่งจะทำให้รายได้ปี 2024 เกือบถึงเป้าการเติบโตของบริษัทที่ 10% ปรับลดประมาณการกำไรปกติปี 2024-26 ลง 2-3% เพื่อสะท้อนต้นทุนขายที่สูงกว่าคาดเล็กน้อย และคาดกำไรปกติบี 2025 +10% y-y ราคาเป้าหมายปี 2025 ที่ 36.50 บาท แนะนำ “ซื้อ”

(+) KCG คาดกำไรสุทธิ 3024 ที่ 75 ลบ. +35.7% y-y โดยคาดรายได้เพิ่มขึ้น 5.5% y-y จากการออกสินค้าใหม่และอัตราการใช้กำลังผลิตเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ส่วนกำไรที่ลดลง 20% q-q ต่ำกว่าที่เราคาดก่อนหน้า เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้นมากกว่าคาด โดยเฉพาะน้ำมันเนยที่คิดเป็นประมาณ 15% ของตันทุนรวมมีราคาแพงขึ้นกว่า 20% q-q ขณะที่ต้นทุนอื่นที่ปรับลงชดเชยได้ไม่หมด กดดัน Margin ปรับลง q-q อย่างไรก็ตามแนวโน้มกำไร 4Q24 จะโตก้าวกระโดด q-q จาก Peak Season ของธุรกิจ คงประมาณการกำไรสุทธิปี 2024-26 เติบโตเฉลี่ย +16% y-y ราคาเป้าหมาย 13 บาท แนะนำ “ซื้อ”

(0) KTC คาดกำไรสุทธิ 3Q24 ที่ 1.86 พันลบ. +1.7% q-q และทรงตัว y-y ภาพ Operation ค่อนข้างนิ่ง โดยเราคาด loan growth ทรงตัว ขณะที่เราคาด YTD ติดลบ 5.3% ต่ำกว่าเป้าบริษัทปีนี้ที่คาดเติบโต 6-7% ซึ่งดูเหมือนจะท้าทายเป็นอย่างมาก ส่วน loan spread ปรับขึ้นเล็กน้อยจาก loan yield ที่ปรับขึ้นเล็กน้อยขณะที่ต้นทุนการเงินคงที่ คุณภาพสินทรัพย์โดยรวมยังสามารถควบคุมได้ด้วยนโยบาย write-off ที่เร็วขึ้น คาด NPL น่าจะอยู่ที่ 2% ตามเป้าทั้งปี 2024 เราปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2024-26 ลงเล็กน้อยเพื่อสะท้อน credit cost ที่สูงขึ้นจากนโยบาย write-off ที่เร็วขึ้น และปรับใช้ราคาเป้าหมายปี 2025 ที่ 44 บาท แนะนำ “ถือ”

(-) ตลาดดาวโจนส์ ลดลง 57.88 จุด หรือ -0.14% ปิดที่ 42,454.12 จุด หลังสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อและตัวเลขคนว่างงานที่สูงกว่าคาด ขณะที่นักลงทุนจับตารายงานผลประกอบการประจำไตรมาส 3/2567 ของธนาคารรายใหญ่ในวันนี้

(-) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลบ นำโดยหุ้นกลุ่มบริษัทผลิตอาวุธและกลุ่มอุตสาหกรรมหลังจากสหรัฐฯ เปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นเกินคาด และนักลงทุนชะลอการซื้อขายเพื่อรอฝรั่งเศสเปิดเผยงบประมาณประจำปี 2568

(+) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดบวก โดยมีประเด็นภายในภูมิภาคที่น่าจับตาคือการประชุมกระทรวงการคลังของจีนที่จะจัดขึ้นในวันเสาร์นี้ ซึ่งตลาดคาดว่าจะเห็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจีนเพิ่มเติม

(+) ค่าเงินบาท แข็งค่า อยู่ที่บริเวณ 33.44 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ -0.27%

(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 2.61 ดอลลาร์ หรือ 3.56% ปิดที่ 75.85 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังมีรายงานว่าการใช้เชื้อเพลิงในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นอย่างมาก ก่อนที่พายุเฮอร์ริเคนมิลตัน (Milton) จะเคลื่อนตัวผ่านรัฐฟลอริดา นอกจากนี้ราคาน้ำมันยังได้แรงหนุนจากความเสี่ยงด้านอุปทานน้ำมันในตะวันออกกลาง และสัญญาณที่บ่งชี้ว่าอุปสงค์พลังงานจะเพิ่มขึ้นในจีนและสหรัฐฯ ในขณะที่เช้านี้ลบอยู่ที่ระดับ 75.60 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ -0.33%

(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 13.30 ดอลลาร์ หรือ 0.51% ปิดที่ 2,639.30 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้า หลังสหรัฐฯ เปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อและแรงงาน ในขณะที่เช้านี้บวกอยู่ที่ระดับ 2,650.80 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ +0.44%

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 876.26/ –

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

11 ต.ค.สหรัฐ: Core PPI (ก.ย.)
13 ต.ค.จีน: เงินเฟ้อ (ก.ย.), ส่งออก (ก.ย.), New Yuan Loan (ก.ย.)
14 ต.ค.OPEC monthly report
15 ต.ค.แคนนาดา: เงินเฟ้อ (ก.ย.)

จีน: PBoC 1-year MLF Announcement

16 ต.ค.ไทย: ประชุม กนง.
- Advertisement -