Daily Focus: ชะลอตัวต่อเนื่อง ถ่วงโดยกลุ่มเทคโนโลยี

2024 SET Target: 1470

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับตัวขึ้นระหว่างวันได้ดีเช่นเดิม ก่อนจะมีแรงขายโดยเฉพาะหุ้นขนาดกลาง-เล็กออกมากดดัน ทำให้ดัชนีย้อนลงมาปิดลบ 5.07 จุด ที่ระดับ 1,465.03 จุด กลับลงมาต่ำกว่าระดับ 1,470+- จุด อีกครั้ง มูลค่าการซื้อขายหนาแน่นขึ้นเป็น 6.5 หมื่นลบ. กลุ่มพลังงานถ่วงดัชนี ขณะที่ DELTA ยังเป็นตัวที่ประคอง นักลงทุนต่างชาติยังขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยต่อเนื่องเป็นวันที่ 14 อีก 2.5 พันลบ. ขณะที่สถาบันในประเทศซื้อสุทธิต่อเนื่องเป็น วันที่ 10 อีก 2 พันลบ. (สถานะใน Index Futures แต่ละกลุ่มค่อนข้างเบาบาง Long-Short ฝั่งละ 1.2-2.9 พันสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index จะแกว่งตัวลงหาระดับ 1,455-1,460 จุด ถ่วงจากบรรยากาศการลงทุนต่างประเทศที่เป็นลบ หลังมีการ Take Profit ระยะสั้นในฝั่งของสหรัฐฯ หลังจากพุ่งทำ New High ในช่วงก่อนหน้า แม้กำไรของธนาคารในสหรัฐฯส่วนใหญ่จะออกมาดีกว่าคาด แต่กลุ่มเทคโนโลยีถ่วงตลาดหลัง ASML ออกมาเตือนว่ายอดขายอาจลดลงปีหน้าโดยเฉพาะจากจีน คาดว่ากลุ่มอิเล็กทรอสิกส์และ ICT ของบ้านเราจะปรับตัวลงตาม โดยให้จับตา DELTA ที่หนุนตลาดอย่างโดดเด่นในช่วงก่อนหน้าว่าจะชะลอตัวแรงมากน้อยเพียงใด ส่วนการประชุมครม.วานนี้ยังเน้นเรื่องการฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังน้ำท่วม ซึ่งภาพรวมไม่ได้สร้าง Surprise กับตลาด ส่วนปัจจัยที่ต้องติดตามวันนี้คือการประชุมกนง. เราคาดยังคงดอกเบี้ยที่ 2.5% แต่ปัจจัยหลักที่ต้องจับตาคือเสี่ยงโหวตว่าจะแตกเพิ่มเติมจากรอบก่อนที่ 6 ต่อ 1 หรือไม่รวมถึงถ้อยคำใน Statement โดยหากมีท่าทีอ่อนลงและเปิดช่องในการลดดอกเบี้ยในอนาคตเชื่อว่าเร็วสุดอาจเห็นการลดดอกเบี้ย 25 bps ในเดือน ธ.ค. ส่วนระยะนี้ภาพรวมตลาดขาดปัจจัยใหม่ เราคาดว่าโฟกัสหลักจะอยู่ที่ผลประกอบการ 3Q24 บจ.ว่าจะทยอยฟื้นตัวได้ตามภาพ GDP หรือมากน้อยเพียงใด หากออกมาไม่แย่กว่าคาดคาดยังเป็นปัจจัยหนุนให้ SET Index ทยอยไต่ระดับขึ้นได้ต่อเนื่องใน 4Q24-2025 ขณะที่ Downside ถูกจำกัดจากเม็ดเงินจากกองทุนวายุภักษ์ 1

กลยุทธ์ : เลือกหุ้นที่คาดแนวโน้มกำไร 3Q24 แข็งแกร่ง // ส่วนที่สะสมในช่วงก่อนหน้ายังถือลงทุนต่อเนื่องระยะกลาง-ยาว

หุ้นเด่นเดือน ต.ค. : AOT, BCH, CBG, CPN, KCG

FSSIA Portfolio: AOT, CHG, CPALL, CPN, GPSC, KCG, KTB, MTC, NSL, SHR, TU

หุ้นเด่น Finansia 16 ต.ค. 24 : BBL

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายปี 2025 ที่ 184 บาท
  • เราคาดว่า BBL จะเป็นหนึ่งในธนาคารที่ได้ประโยชน์มากที่สุดจากการลงทุนรอบใหม่ตามภาวะเศรษฐกิจที่เร่งตัวจากนโยบายของรัฐบาล รวมถึงงบประมาณที่ไม่ล่าช้าเหมือนปีก่อน และเราคาดว่ากนง.จะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมวันนี้ 
  • ด้านกำไร 3Q24 คาดทรงตัว q-q y-y ที่ 1.15 หมื่นลบ. จุดเด่นของ BBL คือ Valuation ที่ยังถูกมาก ปัจจุบันเทรด PBV เพียง 0.55 เท่า ต่ำสุดในกลุ่มธนาคาร และให้ Dividend Yield เกือบ 5% ต่อปี 
  • แนวรับ 153//148 บาท แนวต้าน 157//159.50 บาท 

Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาคสุทธิหนาแน่นและเร่งตัวขึ้นเป็น US$1,199 ล้าน โดยเม็ดเงินไหลเข้ากระจุกตัวที่ไต้หวัน US$1,067 ล้าน ตามด้วยเกาหลีใต้ US$192 ล้าน ส่วนฝั่งอาเซียนเม็ดเงินผสมผสาน ไหลเข้าอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ประเทศละ US$11-22 ล้าน แต่ไหลออกจากเวียดนามและสูงสุดที่ไทย US$71 ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนคาดว่าจะพลิกมาไหลออกตาม Sentiment ลบจากฝั่งสหรัฐฯที่มีแรงขายสินทรัพย์เสี่ยงลดความร้อนแรงหลังทำ New High ในช่วงก่อนหน้า

ประเด็นสำคัญวันนี้

(+) TISCO กำไรสุทธิ 3Q24 ใกล้เคียงเราและตลาดคาด 1.71 พันลบ. -2.0% q-q, -8.6% y-y ทำให้กำไร 9M24 -6% Y-Y คิดเป็น 75% ของคาดการณ์ทั้งปี ภาพรวมสินเชื่อ 3Q24 หดตัวและต่ำกว่าเป้าของ TISCO มาก โดยสินเชื่อที่ลดลงมาจากทุกกลุ่ม ส่วน NPL ratio ทรงตัวที่ 2.44% สอดคล้องกับ guidance ที่ธนาคารให้ไว้ คุณภาพสินทรัพย์เป็นไปตามคาด เรายังคงประมาณการกำไร 2024-25 ลดลง 5% y-y และ 1% y-y ตามลำดับ จากสินเชื่อรวมที่ไม่ได้เติบโตมากตามพอร์ตสินเชื่อ Hire purchase ที่มีสัดส่วน 60% ของสินเชื่อรวม ในขณะที่ปีหน้า สินเชื่อ Corporate ขนาดใหญ่มีแนวโน้มเติบโตได้ดีกว่า อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นเทรดที่ PBV 1.8x ใกล้เคียงค่าเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลัง และใกล้เคียงเป้าของเราที่ 98 บาท แม้ upside จำกัด แต่ยังหวัง Div. yield 8.1%-8.4% ต่อปีได้ จึงยังแนะนำ “ถือรับปันผล”

(0) NAT ราคาหุ้นที่ร่วงแรงวานนี้ สวนทางกำไร 3Q24 ที่แม้จะต่ำกว่า 1Q-2Q24 ซึ่งเป็นกำไรที่สูงกว่าปกติมาก แต่ไม่ถือว่าแย่มาก เราคาดกำไร 3Q24 47 ลบ. -14% q-q แต่ +47% y-y ภาพงานประมูลกลุ่มเทคฯ เริ่มดีขึ้นหลังหลังงบประมาณ 2568 ผ่านสภาเป็นที่เรียบร้อย ลูกค้าของ NAT คือ NT ซึ่งมีงานประมูลออกมาเป็นระยะ จุดแข็งของ NAT คือการเป็น Titanium partner ของ DELL อาศัย DELL ในการรุกงานต่างๆ เราอยู่ระหว่างการปรับประมาณการ ราคาหุ้นซื้อขาย ที่ 2024E P/E ประมาณ 7-8x ใกล้เคียงกลุ่ม SI

(+) PKN (IPO) เป็นผู้ผลิต จัดหา และจำหน่ายสินค้าประเภทสินค้าลิขสิทธิ์และสินค้าพรีเมียม ที่ให้กับลูกค้ากลุ่มธุรกิจ (B2B) (79% ของรายได้) และกลุ่มค้าปลีกภายใต้แบรนด์ “IGNITE” (B2C) (21% ของรายได้) รวมถึงการให้คำแนะนำกับลูกค้าทั้งด้านการนำเสนอรูปแบบผลิตภัณฑ์ เราชอบ PKN เนื่องจาก 1) อยู่ในอุตสาหกรรมที่กำลังเติบโต 2) ทีมผู้บริหารมีประสบการณ์ 3) กลุ่ม License ของบริษัทเป็นที่นิยม 4) การเข้าสู่ตลาด Art toy เราคาดกำไรสุทธิปี 2024-26 เติบโตเฉลี่ย 48.4% CAGR ปัจจุบันคาดว่ามีงานที่ยังไม่ส่งมอบใน 2H24 ราว 99 ลบ. บริษัทมีแผนขยายช่องทางการจัดจำหน่าย สร้าง Brand awareness ขยายธุรกิจ Art toy อัตรากำไรขั้นต้นมีแนวโน้มดีขึ้นจากการขยายกลุ่ม B2C ประเมินราคาเหมาะสมปี 2025 ที่ 5.10 บาท (PE 14.6x) (FSS เป็นผู้ร่วมจัดจำหน่ายหุ้น IPO ของ PKN)

(-) ตลาดดาวโจนส์ ลดลง 324.80 จุด หรือ -0.75% ปิดที่ 42,740.42 จุด โดยถูกกดดันจากหุ้นกลุ่มพลังงานที่ดิ่งลง 3% ตามราคาน้ำมันและดัชนี Nasdaq ร่วงลง 1% เนื่องจากหุ้นชิปปรับตัวลงจากความวิตกด้านอุปสงค์

(-) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลบ โดยเป็นการปรับตัวลงวันเดียวมากที่สุดในรอบกว่า 2 สัปดาห์ เนื่องจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลง หลังมีรายงานว่าบริษัทเอเอสเอ็มแอล (ASML) ซึ่งเป็นบริษัทผลิตชิปคาดการณ์ยอดขายประจำปีที่น่าผิดหวัง

(+) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดบวก สอดคล้องกับทิศทางของตลาดสหรัฐฯ วานนี้ นำโดยตลาดนิกเกอิที่เปิดบวกอยู่ 1.2%

(-) ค่าเงินบาท อ่อนค่า อยู่ที่บริเวณ 33.31 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ +0.49%

(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 1.73 ดอลลาร์ หรือ 2.29% ปิดที่ 73.83 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากที่ประชุมประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ประกาศปรับลดตัวเลขคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันทั้งในปีนี้และปีหน้า ในขณะที่เช้านี้บวกอยู่ที่ระดับ 71.01 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ +0.61%

(-) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 13.30 ดอลลาร์ หรือ 0.50% ปิดที่ 2,678.90 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยได้ปัจจัยบวกจากการร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวลดลง 0.08% เหลือ 4.03% ในขณะที่เช้านี้อยู่ที่ระดับ 2,676.40 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ -0.09%

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 884.59/ +0.46%

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

15-21 ต.ค.ไทย: กลุ่มธนาคารประกาศงบ 3Q24
16 ต.ค.ไทย: ประชุม กนง.

ฟิลิปปินส์: ธนาคารกลางประชุม

17 ต.ค.ญี่ปุ่น: ดุลการค้า (ก.ย.)

ยูโรโซน: ECB ประชุม, อัตราเงินเฟ้อเดือน ก.ย.

18 ต.ค.จีน: GDP 3Q24, ยอดค้าปลีก (ก.ย.)

มาเลเซีย: GDP 3Q24

21 ต.ค.จีน: อัตราดอกเบี้ย 1 ปีและ 5 ปี
- Advertisement -