กนง.ตัดสินใจปรับลดดอกเบี้ย มองบวกกับกลุ่มอสังหาและการเงิน

Market Update

ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนปิดบวก 0.79% ได้แรงหนุนจากการเปิดเผยผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนที่แข็งแกร่งของหุ้นในกลุ่มการเงิน ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดลบ 0.04% หลังจากที่ก่อนหน้าปรับลงแรงกว่า 4% เพราะคาดการณ์ว่าอุปสงค์น้ำมันจะเติบโตช้าลง

Market Outlook

เมื่อวานที่ผ่านมา ผลประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินมีมติปรับลดดอกเบี้ย 0.25% ด้วยเสียง 5 : 2 ซึ่งถือว่าผิดไปจากที่เราและตลาดคาดการณ์ไว้ โดย 2 เสียงที่เห็นว่าควรคงดอกเบี้ยเพราะมองระดับดอกเบี้ยเดิม (2.5%) เหมาะสมกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจแล้ว ทั้งนี้คณะกรรมการประเมินว่าเศรษฐกิจไทยในภาพรวมขยายตัวใกล้เคียงกับที่ประเมินไว้ ขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปทยอยกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายในช่วงปลายปี 24 ด้านกระบวนการปรับลดสัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อรายได้มีแนวโน้มจะเกิดขึ้นต่อเนื่อง ทั้งนี้คณะกรรมการที่เห็นควรปรับลดดอกเบี้ยเพราะมองว่าจะช่วยบรรเทาภาระหนี้ได้บ้าง โดยไม่เป็นอุปสรรคต่อกระบวนการปรับลดสัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อรายได้ภายใต้บริบทที่สินเชื่อมีแนวโน้มขยายตัวชะลอลง โดยคณะกรรมการคาดการณ์เศรษฐกิจไทยปี 25 ขยายตัว 2.9%YoY ถูกปรับลงจากครั้งก่อนที่ 3%YoY โดยปรับการลงทุนภาคเอกชนลงเหลือขยายตัว 2.9%YoY จากประมาณการเดิมที่ 3.2%YoY พร้อมกับปรับมูลค่าส่งออกขยายตัว 2%YoY จากเดิมที่คาดการณ์ 2.6%YoY สถิติย้อนหลังการปรับลดดอกเบี้ยกับตลาดหุ้นไทยพบว่ามีทั้งปรับลงและปรับขึ้น หากประเมินในช่วงการปรับลดดอกเบี้ยปีปลายปี 2011 พบว่า ในช่วงนั้นระดับ Earnings Yield Gap อยู่ในช่วง +1SD (บ่งชี้ว่าหุ้นไทยยังมี Valuation ไม่แพง) และเป็นช่วงที่หุ้นไทยกำลังฟื้นจากภาวะน้ำท่วมใหญ่ จึงทำให้หุ้นไทยปรับขึ้นได้ ส่วนอีกรอบธนาคารแห่งประเทศไทยปรับลดดอกเบี้ยในช่วง ส.ค.2019 ซึ่งในช่วงนั้น Earnings Yield Gap อยู่ในช่วงใกล้เคียง +1SD อย่างไรก็ตาม ในช่วงนั้นเศรษฐกิจไทยเผชิญกับความกังวลเรื่องสงครามการค้า ทำให้หลังปรับลดดอกเบี้ยตลาดหุ้นไทยจึงปรับตัวลง สำหรับรอบปัจจุบันพบว่า Earnings Yield Gap อยู่ในช่วงค่าเฉลี่ย (บ่งชี้ว่าหุ้นไทยไม่ถูกมากนัก) การปรับขึ้นจึงมิได้คาดหวัง Upside ที่ไกลมากนัก ทั้งนี้ห้นที่ให้ผลตอบแทนเป็นบวกหลังปรับลดดอกเบี้ย 1 เดือน ได้แก่ (AP QH MINT LH CPN) และ 3 เดือน ได้แก่ (AP SIRI HMRPO SPALI) สำหรับปัจจัยติดตามคืนนี้ได้แก่ยอดค้าปลีกของสหรัฐฯ Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ 0.3%MoM

วันนี้ประเมิน SET INDEX เคลื่อนไหวในกรอบ 1475 – 1490 เชิงกลยุทธ์การลงทุนยังแนะมองฝั่งทำกำไรมากกว่าจากการที่ดัชนีตอบรับปัจจัยบวกต่างๆไปมาก และเริ่มมีระดับ Valuation ไม่ถูก อย่างไรก็ตามนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงแนะเก็งกำไรในกลุ่มอสังหาฯ (AP SPALI) กลุ่มการเงิน (MTC SAWAD) โรงไฟฟ้า (BGRIM GPSC GULF) หุ้นที่มีหนี้สูง (CPALL) ส่งออก (TU ITC) ปัจจัยบวกเงินบาทอ่อนค่า

หุ้นแนะนำซื้อวันนี้

CPN (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 89.00 บาท)

ภาพรวมการเปิดศูนย์การค้าใหม่ในช่วง 1-2 ปีอาจจะมีไม่มากนัก โดยมีความชัดเจนแล้วคือการเปิด Community mall ที่ถนนเทพรัตน ในปี 24 และเซ็นทรัลกระบี่ที่จะเปิด ต.ค. 25 และโครงการดุลิตเซ็นทรัลพาร์คที่จะทยอยเปิดในช่วง 2H25 (สำนักงานและห้าง) ซึ่งทางบริษัทมองว่าด้วยการเปิดที่ค่อนข้างมากในช่วงที่ผ่านมา ทำให้การหาพื้นที่ใหม่เริ่มยากขึ้น จึงมีการกลับมาปรับปรุงศูนย์ที่มีในปัจจุบัน ซึ่งจะทำให้มีการเปลี่ยนแปลงร้านค้าในศูนย์และส่งให้สามารถปรับค่าเช่าเพิ่มขึ้นได้ ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างปรับปรุงเซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ และเซ็นทรัลรัตนาธิเบศน์

TU (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 18.30 บาท)

คาดผลประกอบการงวด 3Q24 มีกำไรสุทธิ 1,303 ล้านบาท (+8%YoY,+7%QoQ) ปัจจัยบวกหลักยังคงมาจากการเติบโตของธุรกิจอาหารทะเลแปรรูป (Ambient Seafood) ที่มีความต้องการเพิ่มขึ้นจากตลาดตะวันออกกลาง และอาหารสัตว์เลี้ยง (Pet Care) แม้ว่าธุรกิจอาหารแช่แข็ง (Frozen Seafood) ยังคงลดลงจากความต้องการที่ชะลอตัวโดยเฉพาะตลาดสหรัฐฯ

- Advertisement -