Daily Focus: ลุ้นฟื้นตัวทดสอบต้าน 1,470 / / Earnings Play

2024 SET Target: 1470

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index แกว่ง Sideways ตามคาด โดยระหว่างวันมีการรีบาวด์ แต่ Upside ยังจำกัดตามคาด ก่อนอ่อนตัวลงปิดบวกเพียง 2.78 จุด ที่ 1,463.42 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่บางลงเหลือ 4.1 หมื่นลบ. กลุ่มที่ปรับตัวหนุนตลาด ได้แก่ การแพทย์ ไฟแนนซ์อิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น สถาบันในประเทศและนักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิในตลาดหุ้น ต่อเนื่องแต่บางลงเหลือ 360 ลบ.และ 39 ลบ. ตามลำดับ (สถานะสุทธิใน Index Futures เบาบางไม่มีนัยยะ)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index แกว่ง Sideways Up ในกรอบ 1,460- 1,470 จุด โดยมีโอกาสทดสอบกรอบบน ซึ่งเป็นแนวต้านหลัก หนุนจากบรรยากาศการลงทุนที่ผ่อนคลายขึ้นบ้าง หลังการตอบโตของอิสราเอลต่ออิหร่านไม่ได้รุนแรง และไม่ได้โจมตีสถานที่ตั้งด้านน้ำมันและนิวเคลียร์ ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงแรง 4% โดย Brent ปรับลงสระดับ US$73 ต่อบาร์เรล อย่างไรก็ตาม สัปดาห์นี้มีตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญหลายตัวที่ต้องติดตาม ทั้ง GDP 3Q24 ของสหรัฐฯและยูโรโซน PMI จีน และโดยเฉพาะตัวเลขการจ้างงานและเงินเฟ้อ PCE สหรัฐฯ นอกจากนี้ตลาดยังจับตาการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯวันที่ 5 พ.ย. หลังคะแนนนิยมของทรัมป์-แฮร์ริส สูสีกันอย่างมาก ส่วนปัจจัยในประเทศวันนี้ติดตามตัวเลขส่งออกเดือน ก.ย. (ตลาดคาด +2.9% y-y) ขณะที่โฟกัสหลักยังอยู่ที่การทยอยคาดการณ์และประกาศกำไรบจ. 3Q24 ในช่วง 2-3 สัปดาห์ข้างหน้า ซึ่งหากไม่ได้ออกมาต่ำกว่าคาดอย่างมีนัยยะและไม่ทำให้เกิด Downside ต่อ EPS ของ SET ปี 2024-25 เรายังเชื่อว่าดัชนีจะทยอยฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง โดยหากประเมินจาก Earnings Yield Gap ปัจจุบันที่ยังกว้างราว 4.3% สูงกว่าค่าเฉลี่ยที่ราว 3.7-3.8% สะท้อนถึง Upside ของดัชนีในปีหน้าอีกราว 100+- จุด ในระยะกลาง-ยาว ซึ่งใกล้เคียงกับ SET Target เบื้องต้นในปี 2025 ที่ 1,600+- จุด เรายังมองเป็นบวกต่อหุ้นในกลุ่ม Domestic Play โดยเฉพาะภาคการบริโภค ได้แก่ ไฟแนนซ์ ค้าปลีก อาหารเครื่องดื่ม เป็นต้น ซึ่งจะได้อานิสงส์จากทั้งดอกเบี้ยที่ขยับลงและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากครม. ขณะที่ Downside ยังคงถูกจำกัดจากเม็ดเงินลงทุนของกองทุนวายุภักษ์

กลยุทธ์ : เลือกหุ้นที่คาดแนวโน้มกำไร 3Q24 แข็งแกร่ง // ส่วนที่สะสมในช่วงก่อนหน้ายังถือลงทุนต่อเนื่องระยะกลาง-ยาว

หุ้นเด่นเดือน ต.ค. : AOT, BCH, CBG, CPN, KCG

FSSIA Portfolio: AOT, CHG, CPALL, CPN, GPSC, KCG, KTB, MTC, NSL, SHR, TU

หุ้นเด่น Finansia 28 ต.ค. 24 : AAV

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายปี 2025 ที่ 3.40 บาท
  • เราคาดกำไรสุทธิ 3Q24 ที่ 3.5 พันลบ. +40x q-q, และพลิกจากขาดทุนปีก่อน หนุนจาก FX Gain ราว 4 พันลบ. หากไม่รวมรายการพิเศษ กำไรปกติคาดที่ 257 ลบ. ยังมีกำไรทรงตัวจากไตรมาสก่อนได้แม้เป็น Lowest Season หนุนจากปริมาณผู้โดยสารที่เพิ่ม 
  • โมเมนตัมกำไรปกติ 4Q24 คาดเร่งตัวขึ้นอย่างมีนัยยะหนุนจาก High Season ของการท่องเที่ยว และได้แรงหนุนจากจำนวนเครื่องบินที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังได้อานิสงส์จากราคาน้ำมันที่ขยับลง เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรปกติปี 2024-25 ขึ้น 6-9% เป็น 2.6 พันลบ. +22x y-y และ 2.85 พันลบ. +10% y-y ตามลำดับ 
  • แนวรับ 2.70-2.66 บาท แนวต้าน 2.86//2.96 บาท

Fund Flow : เมื่อวันศุกร์กระแสเงินทุนผสมผสาน สุทธิแล้วพลิกมาไหลเข้าภูมิภาค US$224 ล้าน กระจุกตัวที่ไต้หวัน US$539 ล้าน หนุนจากแรงซื้อกลุ่มเทคโนโลยี แต่ไหลออกจากเกาหลีใต้ US$259 ล้าน ส่วนฝั่งอาเซียนเม็ดเงินส่วนใหญ่ยังไหลออกบางๆ แต่สูงสุดที่อินโดนีเซีย US$39 ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่าจะยังค่อนไปในทิศทางไหลเข้าและยังกระจุกตัวที่กลุ่มเทคโนโลยี แต่ปริมาณคาดไม่หนาแน่น เนื่องจากมีตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญที่ต้องติดตามทั่วโลกหลายตัวในสัปดาห์นี้

ประเด็นสำคัญวันนี้

(0) DELTA กำไรสุทธิ 3Q24 ที่ 5.9 พันลบ. -10% q-q, +9% y-y ใกล้เคียงคาด ส่วนกำไรปกติอยู่ที่ 6.2 พันลบ. +4% q-q, +23% y-y ต่ำกว่าคาด 5% โดยรวมดูดี เพราะรายได้เติบโต q-q และ y-y ได้ทั้งสกุล USD และบาท และมีอัตรากำไรขั้นต้นดีกว่าคาด แนวโน้มกำไรน่าจะอ่อนตัวลง q-q ตามฤดูกาล ยกเว้นว่าจะมีการกลับรายการสำรองสินค้าก้อนใหญ่อีก คงคาดกำไรปี 2024-25 เท่าเดิม +16%//+28% y-y ตามลำดับ ในเชิงพื้นฐานยังมองว่าแพง แต่หากรับความเสี่ยงได้ ควรเก็งกำไรด้วยความระมัดระวัง

(+) WHA คาดกำไรสุทธิ 3Q24 ที่ 951 ลบ -26% q-q, +53% y-y ตามยอดโอนที่ดินที่คาด ว่าจะมีการโอน 370 ไร่ เทียบกับ 620 ไร่ใน 2Q24 และ 289 ไร่ใน 3Q23 แนวโน้ม 4Q24 สดใส ยอดโอนที่ดินมักจะกระจุกตัวในช่วงปลายปี และยังมีกำไรจากการขายสินทรัพย์เข้ากองทรัสต์ WHAIR เราคงคาดกำไรปี 2024 ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 4.8 พันลบ. +9% y-y และมีโอกาสสูงที่ยอดขายที่ดินปี 2024 จะทะลุเป้า 2,500 ไร่ ทั้งนี้ เราคาดกำไรปี 2024-26 โดเฉลี่ย 9% CAGR ราคาเป้าหมาย 6.40 บาท คงคำแนะนำ “ซื้อ”

(+) MTC คาดกำไรสุทธิ 3Q24 ที่ 1.51 พันลบ. +5% q-q, +18% y-y หนุนด้วยการเติบโตของ NII ช่วยหักล้างผลกระทบจากคาดการณ์ค่าใช้จ่ายดำเนินงานและสำรอง ECLs ที่เพิ่มขึ้น คาดสินเชื่อเติบโตต่อเนื่อง 4.5% q-q, 16.6% y-y หนุนด้วยสินเชื่อที่มีหลักประกัน ส่วนคาดการณ์ Spread บวก 7bp มาที่ 13.6% ภาพรวมคุณภาพสินทรัพย์ยังเห็นการบริหารจัดการเชิงรุก แม้ยังเห็นมูลหนี้ NPLs เพิ่มขึ้นบ้าง แต่จากฐานสินเชื่อที่เติบโตต่อเนื่อง คงคาดกำไรสุทธิปี 2024-26 และราคาเป้าหมาย 62 บาท คำแนะนำ “ซื้อ”

(0) DOHOME คาดกำไรสทธิ 3024 ที่ 73 ลบ. -62% q-q จากปัจจัยฤดูกาล และ -19% y-y จาก SSSG ติดลบ 5% y-y และค่าใช้จ่ายดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันราคาเหล็กที่ปรับขึ้น ยังกดดันอัตรากำไรขั้นต้น เราปรับลดประมาณการกำไรปกติปี 2024-26 ลง 19-35% เพื่อสะท้อน SSSG ที่ต่ำกว่าคาดจากกำลังซื้อที่ยังอ่อนแอ และ SG&A ที่เพิ่มขึ้นมากกว่าคาด ราคาเป้าหมาย 10.50 บาท Upside จำกัด ลดคำแนะนำเป็น “ถือ”

(0) CPF เข้าซื้อหุ้น 65% ในบริษัท Newburgh Foods ทำธุรกิจแปรรูปไก่ใน UK มูลค่า 591ลบ. เรามองเป็นบวกต่อดีลนี้ แต่ไม่กระทบในเชิงตัวเลขอย่างมีนัยสำคัญ เพราะกำไรของ Newburgh คิดเป็นสัดส่วนที่ต่ำกว่า 1% ของกำไรสุทธิรวมของ CPF แต่มองบวกต่อการขยายตัวของธุรกิจใน UK โดยเป็นการต่อยอดของ CPF จากเดิมที่ลงทุนใน Westbridge ที่ทำธุรกิจจัดจำหน่ายเนื้อสัตว์และอาหารสำเร็จรูปใน UK และ Europe ขณะที่มูลค่าเข้าลงทุนคิดเป็น PE ที่ 12x ถือว่าไม่แพง คงประมาณการและราคาเป้าหมาย 28 บาท ยังแนะนำ “ซื้อ”

(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 2.78 จุด หรือ +0.19% ปิดที่ 1,463.42 จุด มูลค่าซื้อขาย 41,356.97 ล้านบาท แต่ดัชนี Nasdaq ปิดบวก โดยได้แรงหนุนจากหุ้นขนาดใหญ่ ขณะที่นักลงทุนรอการเปิดเผยผลประกอบการรายไตรมาสจากบริษัทรายใหญ่ที่สุดหลายแห่งในสัปดาห์หน้า

(-) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลบ โดยถูกกดดันจากการเปิดเผยผลประกอบการที่อ่อนแอของบริษัทรถยนต์ อาทิ เมอร์เซเดส-เบนซ์ และวาเลโอ ซึ่งส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน

(+) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดบวก นำโดยตลาดนิกเกอิ หลังพรรครัฐบาลแพ้การเลือกตั้งสภาล่างเป็นครั้งแรกในรอบ 15 ปี

(0) ค่าเงินบาท ทรงตัว อยู่ที่บริเวณ 33.67 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ -0.07%

(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX พุ่งขึ้น 1.59 ดอลลาร์ หรือ 2.27% ปิดที่ 71.78 ดอลลาร์/บาร์เรล ขณะที่นักลงทุนประเมินสถานการณ์ความขัดแย้งที่กำลังดำเนินอยู่ในตะวันออกกลาง รวมถึงการเลือกตั้งในสหรัฐฯ ที่จะมีขึ้นในเดือนหน้า ในขณะที่เช้านี้ลบแรงอยู่ที่ระดับ 68.80 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ -4.15%

(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 5.70 ดอลลาร์ หรือ 0.21% ปิดที่ 2,754.60 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยฟื้นตัวขึ้นจากแรงขายทำกำไร ขณะที่ความตึงเครียดในตะวันออกกลางและความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการเลือกตั้งในสหรัฐได้ช่วยหนุนราคาทองคำในฐานะที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย ในขณะที่เช้านี้ลบอยู่ที่ระดับ 2,746.50 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ -0.29%

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 889.78/ -0.45%

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

28 ต.ค.ไทย: นำเข้า-ส่งออก (ก.ย.)
29 ต.ค.สหรัฐ: JOLTs Job Openings (ก.ย.)
30 ต.ค.สหรัฐ: GDP growth rate q-q Adv (Q3)

ยูโรโซน: GDP growth rate (Q3)

31 ต.ค.สหรัฐ: Core PCE Price Index (ก.ย.)

ญี่ปุ่น: ประชุม BoJ

จีน: NBS Manufacturing PMI (ต.ค.)

ยูโรโซน: Inflation Rate (ต.ค.)

- Advertisement -