KS Daily View 28.10.2024 >>> วันนี้ตามตัวเลขส่งออก คาดชะลอตัวเหลือ 3% YoY กรอบ SET ที่ 1,450 – 1,470 จุด แนะนำ AMATA, MTC
Theme การลงทุนสัปดาห์นี้: ตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ คาดว่าจะผันผวนในกรอบ 1,440 – 1,475 จุด เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ แข็งแกร่ง ส่งผลให้คาดการณ์การลดดอกเบี้ยของเฟด จะเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไปที่ 25bps ต่ำกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้าที่ 50bps ประกอบกับความเสี่ยงที่ Trump อาจชนะการเลือกตั้ง ทำให้ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ และค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม: 1) ตัวเลขส่งออกไทยเดือน ก.ย. คาดชะลอตัวเหลือ 3% YoY จาก 7% YoY เดือนก่อน 2) การประชุม BOJ คาดคงดอกเบี้ยที่ 0.25% อาจกดดันเงินเยนอ่อนค่า 3) GDP สหรัฐฯ Q3 คาดทรงตัวที่ 3% 4) ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐฯ คาดชะลอลงเหลือ 1.25 แสนตำแหน่ง จาก 2.54 แสนตำแหน่ง แต่อัตราว่างงานทรงตัว 4.1% และ 5) ดัชนี ISM ภาคการผลิต คาดฟื้นตัวเป็น 47.7 จุด จาก 47.2 จุด รวมถึงติดตามผลประกอบการ GLOBAL, HMPRO, SCGP, SCC และ ADVANC กลยุทธ์การลงทุนแนะนำเก็งกำไรในหุ้น AMATA (กลุ่มนิคมฯ ได้ประโยชน์หาก Trump ชนะ), ITC (กลุ่มอาหาร ได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทอ่อน), MTC และ SAK (คาดผลประกอบการ Q3 เร่งตัว) และ SYNEX (ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายและกระแสเปลี่ยนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์)
แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศวันนี้: ตลาดหุ้นไทยปิดที่ระดับ 1,463.42 จุด กลับมาปิดบวกได้หลังจากปรับตัวลงมา 4 วันติดต่อกันราว 40 จุด โดยมี DELTA, หุ้นในกลุ่ม Healthcare และ Finance ที่คอยหนุนดัชนี นักลงทุนต่างชาติและนักลงทุนสถาบันยังขายสุทธิต่อเนื่อง กอปรกับการที่อิสราเอลได้โจมตีอิหร่านในช่วงสุดสัปดาห์ได้เพิ่มความเสี่ยงให้กับตลาดมากขึ้น แม้ราคาน้ำมันจะปรับตัวลงก็ตาม มอง SET Sideway ที่กรอบ 1,450 – 1,470
ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:
- บางกอกโพสต์ รายงานรัฐบาลไทยเตรียมขยายอายุเกษียณทั้งภาครัฐและเอกชนเป็น 65 ปี เนื่องจากการพัฒนาด้านการแพทย์ทำให้คนอายุยืนขึ้น พร้อมกับเสนอให้เพิ่มเงินสมทบประกันสังคมจากทั้งลูกจ้าง นายจ้าง และรัฐ รวมถึงขยายสิทธิประโยชน์ให้ครอบคลุมแรงงานต่างด้าวอีก 2 ล้านคน โดยปัจจุบันอายุเกษียณของข้าราชการอยู่ที่ 60 ปี ส่วนภาคเอกชนอยู่ระหว่าง 55-60 ปี
- ราคาน้ำมันร่วงลงราว 4% เช้านี้ หลังการโจมตีของอิสราเอลต่ออิหร่านหลีกเลี่ยงการโจมตีแหล่งผลิตน้ำมัน โดยราคาน้ำมัน Brent ลดลงต่ำกว่า 73 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และ WTI ลดลงใกล้ 68 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เนื่องจากการโจมตีมีขอบเขตจำกัดกว่าที่คาดและอิหร่านยืนยันว่าอุตสาหกรรมน้ำมันยังดำเนินการตามปกติ อย่างไรก็ตามตลาดยังคงระมัดระวังความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกกลางที่อาจยกระดับความรุนแรงได้ทุกเมื่อ
- จีนเตรียมประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ในการประชุมสภาประชาชนแห่งชาติจีน (NPC) ระหว่างวันที่ 4-8 พฤศจิกายนนี้ โดยรองรัฐมนตรีคลังเหลียว หมิน เผยว่ามาตรการจะมุ่งเน้นการกระตุ้นการบริโภคและความต้องการภายในประเทศ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจ พร้อมย้ำว่ามาตรการชุดนี้จะมีขนาดค่อนข้างใหญ่และจะมีการประสานนโยบายการเงินควบคู่ไปกับการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ
- ผลสำรวจล่าสุดจาก Emerson College พบว่าโดนัลด์ ทรัมป์ และรองประธานาธิบดีคามาลา แฮร์ริส มีคะแนนนิยมเท่ากันที่ 49% จากผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งในสหรัฐฯ ก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดี โดยประเด็นที่ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งให้ความสำคัญมากที่สุดคือเศรษฐกิจ (45%) ตามด้วยการเข้าเมือง (14%) ภัยคุกคามต่อประชาธิปไตย (14%) และประเด็นอื่นๆ ทั้งนี้ผลสำรวจมีความคลาดเคลื่อน +/-3%
- ญี่ปุ่นกำลังเผชิญกับความไม่มั่นคงทางการเมือง หลังพรรคLDP และพรรคร่วมรัฐบาลได้ที่นั่งรวม 215 ที่นั่ง ไม่ถึง 233 ที่นั่งที่จำเป็นต้องมีเพื่อครองเสียงข้างมากในสภา เป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2009 เนื่องจากประชาชนไม่พอใจกรณีสมาชิกพรรคแอบนำเงินบริจาคไปใช้ส่วนตัว ส่งผลให้เงินเยนอ่อนค่าลงต่ำสุดในรอบ 3 เดือนและตลาดหุ้นมีแนวโน้มลดลง ขณะที่พรรคฝ่ายค้าน CDP ได้ที่นั่งเพิ่มขึ้นเป็น 148 ที่นั่ง และประกาศพร้อมจัดตั้งรัฐบาล
Daily pick
AMATA : ราคาพื้นฐาน 33.50
เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ AMATA จาก Backlog ที่ทำ All time high ต่อเนื่องที่ 19.4 พันล้านบาทใน 3Q24 เพิ่มจาก 16.9 พันล้านบาทใน 2Q24 โดย Backlog มีความแข็งแกร่งจากการที่ลูกค้าต้องวางเงินมัดจำสูง 20-30% สะท้อนผ่านเงินมัดจำในงบดุล 2Q24 ที่สูงถึง 8.8 พันล้านบาท เราคาดงบ 3Q24 จะขายที่ดินได้ 957 ไร่ และโอนรับรู้รายได้ 452 ไร่ ส่งผลให้กำไรโต 100% YoY นอกจากนี้ความต้องการที่ดินอุตสาหกรรมที่สูงกว่าอุปทานมากจากการย้ายฐานการผลิตของจีนและไต้หวัน ทำให้ AMATA สามารถขึ้นราคาที่ดินได้ 10-15% ซึ่งจะเป็น Upside ต่อ GPM ในอนาคต และหากบริษัทโอน Backlog ได้แข็งแกร่งจะช่วยลด Discount rate ของ NAV และเพิ่ม Upside ในอนาคต
MTC : ราคาพื้นฐาน 55.50
เรามีมุมมองเชิงบวกต่อผลประกอบการ MTC ใน 3Q24 ที่คาดว่าจะเติบโตทั้ง YoY และ QoQ จากการเติบโตของสินเชื่อที่คาดสูงกว่า 15% YoY และอัตราดอกเบี้ยที่มีโอกาสปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากจำนวนวันที่มากกว่าใน 2Q24 ด้าน Cost to income คาดเติบโตน้อยกว่า loan growth เนื่องจากเปิดสาขาเพียง 51 สาขาใน 3Q24 เทียบกับ 1Q-2Q24 ที่เปิด 251 และ 192 สาขา สำหรับ Asset quality คาดว่า NPL จะคงที่หรือลดลงเล็กน้อย ขณะที่สำรองยังปรับเพิ่มสูงขึ้น นอกจากนี้ยังได้ Sentiment เชิงบวกจากแนวโน้มดอกเบี้ยขาลง
รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ
วันจันทร์ ติดตามรายงานตัวเลขส่งออกจากกระทรวงพาณิชย์ (TH MOC Export) เดือน ก.ย. ตลาดคาดการณ์ที่ 3.0% YoY ชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้าที่ +7.0% YoY และตัวเลขนำเข้า (TH MOC Import) ตลาดคาดการณ์ที่ 6.0% YoY ชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้าที่ +8.9% YoY
วันอังคาร ติดตามตัวเลขตำแหน่งงานว่างเปิดใหม่ในสหรัฐฯ (JOLTS Job openings) เดือน ก.ย. เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 8.04 ล้านตำแหน่ง
วันพุธ ติดตามประมาณการของ GDP ใน 3Q24 ของยุโรปครั้งที่แรกเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าที่ 0.6% YoY ต่อด้วยประมาณการของ GDP ใน 3Q24 ของสหรัฐฯ ตลาดคาดการณ์ที่ 3.0%YoY ทรงตัวจากครั้งก่อนหน้า
วันพฤหัสฯ ติดตามรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของจีน (NBS PMI) เดือน ต.ค. เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 49.8 จุด ในส่วนของประเทศไทยติดตามตัวเลขส่งออก (Export) ของ ธปท. เดือน ก.ย. เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 11.4% YoY และตัวเลขนำเข้า (Import) เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 8.5% YoY ต่อด้วยนโยบายการเงินของธนาคารญี่ปุ่นโดยตลาดคาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ 0.25% และปิดท้ายด้วยรายงานดัชนีราคาการใช้จ่ายด้านการบริโภคส่วนบุคคล (PCE Price Index) เดือน ก.ย. ตลาดคาดการณ์ที่ 2.1% YoY ชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้าที่ 2.2% YoY
วันศุกร์ ติดตามตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตของจีน (Caixin Manufacturing PMI) เดือน ต.ค. เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 49.3 จุด ในส่วนของสหรัฐฯ มีการรายงาน การจ้างงานนอกภาคการเกษตร (Nonfarm payrolls) เดือน ต.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 1.35 แสนตำแหน่งชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้าที่ 2.54 แสนตำแหน่ง ต่อด้วยตัวเลขอัตราการว่างงาน (Unemployment rate) เดือน ต.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 4.1% ทรงตัวจากเดือนก่อนหน้า และปิดท้ายด้วย ตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตของสหรัฐฯ (ISM Manufacturing PMI)เดือน ต.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 47.6 จุดปรับตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 47.2 จุด