หวังใจให้ฟื้นต่อ / 1,460-1,475

มุมมองตลาดหุ้นวันนี้

SET ลงก่อนแล้วช้อนขึ้นมา : มอง Sentiment ลบภายนอกจะเข้ามากดดันดัชนีลงในช่วงต้น ก่อนจะฟื้นตัวในระหว่างวันด้วยแรงหนุนจากกลุ่มท่องเที่ยว และอสังหาฯ ซึ่งมีปัจจัยบวกเฉพาะเข้ามา ปัจจัยลบที่จะกดดันตลาดในช่วงต้นนำ โดย 1) การปรับตัวลงของหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีสหรัฐ หลัง Microsoft และ Meta ให้ข้อมูลว่าในระยะถัดไปบริษัทอาจมีรายจ่ายในส่วนของ AI เพิ่มตั้งแต่ 4Q67 เป็นต้นไป จึงทำให้นักลงทุนระมัดระวังในการเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้นกลุ่มนี้ สร้าง Sentiment ลบให้หุ้นกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กฯ ซึ่งอยู่ในห่วงโซ่อุปทานเดียวกัน 2) ตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐเดือน ก.ย. ขยายตัวมากกว่าคาด โดย Core PCE ขยายตัว 2.7%y-y มากกว่าคาดที่ 2.6%y-y ขณะที่ PCE ขยายตัว 2.1%y-y น้อยลงกว่าเดือนก่อนที่ 2.3%y-y สะท้อนภาพการชะลอตัวของราคาพลังงานและอาหาร สอดคล้องกับทิศทางราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ปรับตัวลง 16.3% ในช่วงเดือน ก.ค.-ก.ย. ขณะที่ราคาสินค้าอื่นยังเห็นภาพการชะลอตัวลงน้อยเมื่อเทียบกับ Core PCE ต้นปี ซึ่งอยู่ที่ 2.8%y-y ตลาดอาจเริ่มกังวลต่อทิศทางการประชุม FOMC ในสัปดาห์หน้า และกดดัน Sentiment การลงทุนในระยะสั้น ด้านปัจจัยบวกที่จะเข้ามาหนุนได้แก่ 1) ความหวังมาตรการกระตุ้นภาคอสังหา โดยรมต.คลังเตรียมหารือกับสมาคมธนาคารไทย เพื่อหารือมาตรการช่วยเหลือประชาชนในภาคอสังหาเพิ่มเติม เช่น การพักดอกเบี้ย หรือขยายระยะเวลาชำระหนี้ถึง 80 ปี และอาจขยายเป็น 85 ปีสำหรับข้าราชการ รวมถึงมาตรการ LTV และเตรียมชงมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำในชื่อ ซื้อ-แต่ง-ซ่อม-สร้างวงเงิน 5 หมื่นล้านบาทเข้าที่ประชุมครม.สัปดาห์หน้า สร้างแรงหนุนให้กลุ่มอสังหาฯ 2) ภาพการท่องเที่ยวไทยช่วง 4Q67 ที่เป็น High Season คาดจะหนุนหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวและเกี่ยวเนื่องให้ทยอยฟื้นตัวคืนนี้ติดตาม ตัวเลขภาคแรงงาน+PMI ภาคการผลิตและบริการสหรัฐในเดือน ต.ค. ส่วนสัปดาห์หน้าติดตามการประชุม FOMC การเลือกตั้งสหรัฐCPI ไทยเดือน ต.ค. ดุลการค้า และตัวเลขเงินเฟ้อ จีน ในเดือน ต.ค.

กลยุทธ์การลงทุน: 1) ท่องเที่ยวและเกี่ยวเนื่อง:AAV, AOT, AU, BA, ICHI, BTS, ERW, CENTEL, SHR, CPALL, CPAXT, CRC, CPN, SPA 2) อสังหา : AP, SIRI, SPALL, ORI 3) เก็งงบ 3Q67: CPF, TU, BTG, ITC, BCH, BDMS และ 4) ดอกเบี้ยไทยยังไม่ลง: BBL, KBANK, KTB

ปัจจัยบวก

  • รองอธิบดีกรมการค้าภายใน แจ้งว่าปัจจุบันยังไม่มีปัจจัยที่ส่งผลกระทบ จนเป็นเหตุให้ต้องมีการปรับราคาจำหน่ายน้ำมันถั่วเหลือง จึงได้ให้ผู้ผลิตน้ำมันถั่วเหลืองระงับการปรับขึ้นราคาจำหน่ายไว้ก่อน เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนและช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนผู้บริโภค
  • สศค. เผยว่า ภาวะเศรษฐกิจไทยในเดือนก.ย.67 ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากภาคการท่องเที่ยวและภาคการส่งออกสินค้าที่ยังขยายตัว แต่ยังกังวลภาพการบริโภคสินค้าคงทน และการลงทุนภาคเอกชนยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เผยฐานะของกองทุนในปัจจุบันติดลบไม่ถึงแสนล้านบาท หลังสภาพคล่องเริ่มดีขึนในเดือน ส.ค.67 โดยมีรายรับราว 7,000-9,000 ล้านบาท/เดือน คาดว่าจะชำระหนี้รวมของกองทุนเสร็จ สิ้นภายในปี 2571
  • ศูนย์วิจัยกรุงไทยคาดว่า รถไฟฟ้าสายสีสัมตะวันตกจะเป็นปัจจัยสนับสนุนสำคัญ ทำให้ยอดขายที่อยู่อาศัยในทำเลบางขุนนนท์ -ศูนย์วัฒนธรรมฯปรับตัวสูงขึ้นจากปีละ 5,450 ยูนิต เป็นปีละ 6,800 ยูนิต

ปัจจัยลบ

  • สภาทองคำโลก เผยสภาพเศรษฐกิจโลกทำให้ความต้องการทองคำในช่วงเทศกาล ดิวาลี (Diwali) และ ดุชเซห์รา (Dussehra) ต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 2563 และลดลงจากระดับต้นปีที่ระดับ 761 ตัน
  • ธปท. เปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐกิจไทยเดือน ก.ย.67 ชะลอลงจากเดือนก่อนหน้าตามการส่งออกสินค้าและการบริโภคภาคเอกชน ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนทรงตัว ส่วนรายรับจากนักท่องเที่ยว และการใช้จ่ายภาครัฐขยายตัว ทั้งรายจ่ายประจำ และรายจ่ายลงทุน
  • BOJ ส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยอีก แต่ยังไม่มีการกำหนดช่วงเวลาที่ปรับขึ้นล่วงหน้า แต่จะเป็นการพิจารณาข้อมูลทางเศรษฐกิจในแต่ละครั้งที่มีการจัดประชุม คาดค่าเงินเยนจะแข็งค่ากดดันภาพรวมเศรษฐกิจญี่ปุ่น
  • รมว.พลังงาน เผยเตรียมเร่งจัดตั้งระบบสำรองน้ำมันแห่งชาติเพื่อให้เป็นระบบสำรองน้ำมันเชิงยุทธศาสตร์ (SPR) เพื่อสร้างเสถียรภาพด้านราคาน้ำมัน รวมไปถึงก๊าซธรรมชาติ ภายในประเทศ ผ่านการกำหนดราคาน้ำมันเองระหว่างรัฐและเอกชน อาจกดดันห้นพลังงานปลายน้ำ

PICKS OF THE DAY

CPAXT BUY

  • เป้าหมาย 34.50 / 35.00 แนวรับ 33.00
  • คาดรายได้เติบโตทุกธุรกิจใน 3Q67: บริษัทระบุรายได้ใน 3Q67 ทั้ง Makro และ Lotus’s ในไทยและมาเลเซียมีแนวโน้มเติบโตขึ้นอยู่ที่ 127,114 ลบ. +0.12% q-q, +6.4% y-y และมีการเติบโตของยอดขายทั้ง Makro และ Lotus’s อยู่ในระดับ Low single-digit (1-3%) เทียบ 3Q66 และ GPM ในส่วนของ Lotus’s ในไทยและต่างประเทศดีขึ้นกว่า 3Q66 คาดว่า +20 bps และ +200 bps ตามลำดับ ส่งผลให้ทางฝ่ายคาดการณ์กำไรปกติที่ไม่รวมขาดทุนจากค่าเงินใน 3Q67 ที่ 2,378 ลบ.+9.3% q-q, +41.8% y-y.
  • Synergy จากการควบรวม: บริษัทคาดว่าการควบรวมบริษัท Ek-chai distribution ที่เกิดขึ้นนั้นจะทำให้บริษัทใหม่มีการ Synergy กันที่ประมาณ5,000 ลบ. เพิ่มเข้ามาในส่วนของยอดขายของปี 2568-2569 (2 ปีรวมกัน 5,000 ลบ.)

ERW BUY

  • เป้าหมาย 4.10 / 4.20 แนวรับ 3.90
  • ลุ้นรายได้เติบโต 4Q24 จาก HOP INNไทย-ญี่ปุ่น : ทางฝ่ายคาดรายได้โรงแรมกลุ่มบัดเจ็ทภายใต้แบรนด์ HOP INN ในไทยและญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น รับอานิสงส์จากช่วง High Season การท่องเที่ยว ประกอบกับการเปิด HOP INN ในไทยเพิ่มอีก 2 แห่ง (จ.สงขลาและพะเยา) โดยเริ่มเปิดให้บริการ 4Q24 นี้
  • ERW เตรียม Spin-off “ฮ็อป อินน์” 2030: ERW แจ้งข่าวผ่าน SET ดึง Lapis Hospitality Pte. Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทที่บริหารจัดการโดยกองทุน Lombard Asia V, L.P. เข้ามาซื้อหุ้นเพิ่มทุนบริษัทลูกอย่าง บจ.เอราวัณ ฮ็อป อินน์ (EHI) ที่ทำธุรกิจโรงแรมภายใต้แบรนด์ HOP INN คิดเป็นมูลค่าราว 700 ล้านบาท เพื่อนำไปขยายสาขาโรงแรมในไทยและต่างประเทศ รวมถึงเตรียมความพร้อมในการ Spin-off EHI เข้าตลาดฯ ภายในปี 2030 ทางฝ่ายคาดหาก EHI เข้าตลาดฯ ส่งผลให้ Valuation เพิ่มขึ้นตามการเติบโตของธุรกิจ ส่งผลให้ ERW ได้รับประโยชน์จากดีลนี้
- Advertisement -