WEH ปิดขายหุ้นกู้ครั้งที่ 2/2567 กระแสตอบรับดี นักลงทุนสถาบัน และ รายใหญ่ให้การตอบรับ 600 ล้านบาท เชื่อมั่นในแผนการดำเนินงาน กระแสเงินสดแข็งแกร่ง ไม่ผันผวนตามภาวะเศรษฐกิจ ชูศักยภาพการสร้างเติบโตต่อเนื่อง พร้อมพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าใหม่ตามแผน ธุรกิจระยะ 5 ปี มุ่งเพิ่มรายได้แตะระดับ 13,000 ล้านบาทต่อปี
นายณัฐพศิน เชฎฐ์อุดมลาภ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด หรือ WEH ผู้ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลม อันดับ 1 ของไทย เปิดเผยว่า จากที่บริษัทฯ ได้เสนอขายหุ้นกู้ครั้งที่ 2/2567 ให้แก่นักลงทุนรายใหญ่ และนักลงทุนสถาบัน มียอดจองรวมทั้งสิ้น 600 ล้านบาท จากความเชื่อมั่นในแผนการดำเนินธุรกิจที่มั่นคง ไม่ผันผวนตามภาวะเศรษฐกิจ ด้วยกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง และ มีโอกาสการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในอนาคต
“บริษัทฯ ขอขอบคุณนักลงทุนที่ให้การตอบรับจองซื้อหุ้นกู้ WEH ด้วยกระแสตอบรับที่ดีเสมอมา ตั้งแต่การเสนอขายหุ้นกู้ครั้งแรก จนถึงหุ้นกู้รุ่นปัจจุบันที่ได้ทำการเสนอขายเป็นรุ่นที่ 4 ซึ่งบริษัทฯ ได้ดูแลผลตอบแทนได้ดีสม่ำเสมอ ไม่เคยมีประวัติผิดนัดชำระ ส่วนการระดมทุนในครั้งนี้จะเป็นการต่อยอดแผนการดำเนินงาน โดยบริษัทฯเตรียมขยายกิจการ เข้าลงทุนในโครงการใหม่ที่มีศักยภาพ รวมถึงการให้กู้ยืมเงินหรือชำระหนี้ภายในกลุ่มบริษัท และ เป็นเงินทุนหมุนเวียน มุ่งสร้างผลประกอบการแข็งแกร่ง”
สำหรับหุ้นกู้ชุดนี้ มีอายุ 2 ปี 6 เดือน ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2570 ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ อัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 7.15 ต่อปี กำหนดชำระดอกเบี้ยทุก 3 เดือน
ทั้งนี้ บริษัทฯ อยู่ระหว่างเดินหน้าตามแผนการขยายธุรกิจ โดยมุ่งเน้นสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องในอุตสาหกรรมที่บริษัทฯ เป็นผู้นำและมีความเชี่ยวชาญ มีแผนการลงทุนในโรงไฟฟ้าแห่งใหม่รวมอย่างน้อย 10 โครงการ โดยเฉพาะโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม และโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ที่มีศักยภาพ ตามแผนขยายธุรกิจระยะ 5 ปี ที่มุ่งเป้าเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าเป็น 1,500 เมกะวัตต์ จากปัจจุบัน 717 เมกะวัตต์ เพื่อเพิ่มรายได้ไปที่ระดับ13,000 ล้านบาทต่อปี จากปัจจุบันปีละกว่า 10,000 ล้านบาท
สำหรับ WEH เป็นผู้บุกเบิกการผลิตไฟฟ้าพลังงานลมเชิงพาณิชย์รายแรกของไทย ที่มีโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมจำนวน 8 โครงการ ซึ่งมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) ระยะยาวกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) โดยยังมี 6 โครงการที่ได้รับเงินส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้า (Adder) ระดับ 3.5 บาท ต่อ กิโลวัตต์ (KW) ไปจนถึงปี 2570 – 2572 ภายใต้การบริหารจัดการ และการดำเนินงานในระดับสากล เมื่อรวมกับประสบการณ์ในฐานะผู้บุกเบิกอุตสาหกรรมพลังงานลม ทำให้บริษัทฯ มีจุดเด่น ด้านผลประกอบการที่แข็งแกร่งต่อเนื่อง