นักลงทุนรอดูการเลือกตั้งในคืนนี้
Market Update
ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนปิดลบ 0.6% ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน ขณะที่นักลงทุนกำลังรอดูผลการเลือกตั้งและประชุม FED ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดบวก 2.7% ตอบรับกลุ่มผู้ส่งออกน้ำมันและชาติพันธมิตรประกาศเลื่อนแผนการปรับเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน
Market Outlook
การเคลื่อนไหวของสินทรัพย์ต่างๆ เมื่อคืนค่อนข้างทรงตัว โดยเฉพาะอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ , Dollar Index ขณะที่ Bitcoin เริ่มปรับลงสะท้อนว่านักลงทุนบางส่วนอาจเชื่อว่า Harris จะขึ้นเป็นประธานาธิบดี ทั้งนี้เมื่อคืน มิได้มีตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญแต่อย่างใด นักลงทุนกำลังรอติดตามการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่กำลังจะเกิดขึ้นในคืนนี้ตามเวลาประเทศไทย ซึ่งอาจใช้เวลาทั้งสัปดาห์กว่าจะทราบผลอย่างเป็นทางการ ข้อมูลล่าสุดจากสำนัก Bloomberg Consensus พบว่าให้น้ำหนักว่า Trump อาจชนะการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี หากเป็นเช่นนั้นจริงอาจไม่ดีกับตลาดหุ้นฝั่งเอเชีย เพราะเม็ดเงินจะไหลกลับสหรัฐฯ กดดันสกุลเอเชียอ่อนค่า รวมถึงนโยบายของทรัมป์มักจะเน้นให้สหรัฐฯเติบโตและไม่สนใจประเทศอื่นๆ ซึ่งอาจกดดันเศรษฐกิจฝั่งเอเชีย สำหรับตลาดหุ้นไทยวานนี้แทบไม่เปลี่ยนแปลง (-0.08%) และปิดตลาดไปพบว่าแต่ละฝั่งของนักลงทุนนั้นซื้อ / ขาย สุทธิในระดับไม่ถึงร้อยล้านบาท จากปกติอยู่ในระดับพันล้านบาท สะท้อนว่านักลงทุนไม่ว่าจะเป็นสถาบันหรือต่างชาติต่างก็รอดูปัจจัยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้งประชุม FED, ผลประกอบการ 3Q24 ปัจจัยติดตามคืนนี้ ได้แก่ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคบริการจากสถาบัน ISM Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ 53.8
วันนี้ประเมิน SET INDEX เคลื่อนไหวในกรอบ 1455 – 1470 การเคลื่อนไหวยังคงจำกัดเพราะเต็มไปด้วยปัจจัยรอคอยต่างๆที่กล่าวไปข้างต้น แต่อย่างไรก็ตามด้วยราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นจะเป็นปัจจัยกระตุ้นตลาดหุ้นไทยได้บ้าง ในเชิงกลยุทธ์การลงทุน ยังแนะนำแค่ Trading ระยะสั้นเช่นเดิม ตลาดหุ้นไทยยังคงขาดปัจจัยสนับสนุนที่ชัดเจนและ Valuation ไม่ถูกมากนักและหาก Trump ชนะการเลือกตั้งความน่าสนใจในตลาดหุ้นไทยจะยิ่งน้อยลง เพราะจะโดนกระทบทั้งเศรษฐกิจและการไหลออกของกระแสเงินลงทุน ระยะสั้นแนะนำหุ้นน้ำมัน (PTTEP) ปัจจัยหนุนราคาน้ำมันดิบปรับขึ้นกลุ่มส่งออก (ITC TU) ปัจจัยหนุนบาทอ่อนค่า กลุ่มท่องเที่ยว (AOT CENTEL MINT) ปัจจัยหนุนฤดูกาลท่องเที่ยว
หุ้นแนะนำซื้อวันนี้
PTTEP (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 181.00 บาท)
รายงานกำไรสุทธิงวด 3Q24 ที่ 1.79 หมื่นล้าน (-1.3%YoY, -25.5%QoQ) ใกล้เคียงกับเราคาด โดยปริมาณการขายที่ 475 KBOED (+1.6%YoY, 6.2%QoQ) ชะลอตัวตามการซ่อมบำรุงโครงการในไทยเป็นหลักในขณะที่ราคาขายเฉลี่ย (ASP) อยู่ที่ 47.1 US$/BOE (-3.2%YoY, +0.1%QoQ) ชะลอตามราคาน้ำมันดิบ โดยไตรมาสถัดไปคาดว่ากำไรทรงตัว เนื่องจากปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นจากทั้งปัจจัยฤดูกาลและการส่งมอบทีค้างส่ง หักล้างกับราคาน้ำมันดิบดูไบที่ปรับตัวลง
CPALL (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 79.00 บาท)
การเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ที่ 3.8% ใน 2Q24 เทียบกับ 4.9% ใน 1Q24 และ 7.9% ใน 2Q23 ผลจากจำนวนลูกค้าต่อสาขาต่อวัน เพิ่มขึ้นเป็น 1,007 คน (+2% YoY) ใน 2Q24 จาก 995 คนใน 2Q23 แล 972 คน ใน 1Q24 ตามแนวโน้มจำนวนลูกค้านักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นและการเพิ่มสินค้าประเภทอาหารพร้อมทานขนม และสินค้าจาก SME ส่วนยอดขายต่อบิลเพิ่มขึ้นทั้ง YoY และทรงตัว QoQ ที่ 85 บาทต่อบิล ใน 2Q24 จาก 84 บาทต่อบิล ใน 2Q23