Daily Focus: ผ่าน 1,470 จุดอีกครั้ง เป้าหมายถัดไปคือ 1,500 จุด
2025 SET Target: 1600
ตลาดหุ้นวานนี้: SET Index ปรับตัวขึ้นโดดเด่นกว่าคาดมาก ปิดบวกถึง 18.72 จุด ที่ระดับ 1,481.67 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่หนาแน่นขึ้นเป็น 3.9 หมื่นลบ. ทะลุผ่านแนวต้าน 1,470 จุด ได้อีกครั้ง โดยมีแรงซื้อหนุนหุ้นขนาดใหญ่อย่าง DELTA ADVANC PTTEP AOT PTT เป็นต้น สถาบันในประเทศและนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นฝ่ายละ 1.4-1.6 พันลบ. (ต่างชาติ Long Index Futures สูงถึง 3 หมื่นสัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index มีโอกาสแกว่ง Sideways Up ต่อเนื่อง หลังจากปรับตัวขึ้นโดดเด่นวานนี้ และทะลุผ่านแนวต้านหลักระยะสั้น 1,470+- จุด ได้อีกครั้ง ทำให้ภาพทางเทคนิคเป็นบวก โดยมีเป้าหมายหลักรอบนี้ขึ้นทดสอบบริเวณ 1,500+- จุด อย่างไรก็ตามคาดกรอบการบวกวันนี้จะไม่ร้อนแรงเท่ากับเมื่อวานและคาดตลาดยังรอจับตาผลการเลือกตั้งสหรัฐฯว่าใครจะเป็นผู้ชนะซึ่งสูสีกันอย่างมาก ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯยังออกมาแข็งแกร่งกว่าคาด โดย ISM ภาคบริการเดือน ต.ค. เร่งขึ้นสุระดับ 56 อย่างไรก็ตามด้าน Dollar Index และ Bond Yield สหรัฐฯ กลับย่อตัวลง อาจส่งผลให้เม็ดเงินพลิกกลับมาไหลเข้าเอเชียในระยะสั้น ส่วนการประชุม FED ปลายสัปดาห์นี้ค่อนข้างแน่นอนว่าจะลดดอกเบี้ยอีก 25 bps เหลือ 4.50-4.75% แต่โฟกัสคือถ้อยแถลงของประธาน FED ว่าจะส่งสัญญาณอย่างไรต่อแนวโน้มเศรษฐกิจและนโยบายการเงินในระยะถัดไป ส่วนปัจจัยในประเทศ ตลาดยังรอดูการประกาศกำไรบจ.3Q24 ว่าจะต่ำกว่าตลาดคาดและสร้าง Downside ต่อ EPS ของ SET ปี 2024-25 หรือไม่ ตัวเลขเศรษฐกิจมีเงินเฟ้อเดือน ต.ค. ตลาดคาด Headline +0.94% Y-y Core +0.79% y-y เข้าหาขอบล่างของกรอบเงินเฟ้อเป้าหมาย 1-3% ระยะสั้นมองดัชนียังเคลื่อนไหวจำกัด แต่ยังคงมุมมองการฟื้นตัวของดัชนีในระยะกลาง-ยาว มีโอกาสลุ้นทยอยฟื้นตัวเข้าหาก SET Target ปี 2025 ที่ 1,600 จุด ในช่วง 12 เดือนข้างหน้า จากภาพรวมเศรษฐกิจที่ทยอยฟื้นตัวต่อเนื่อง หนุนจากทั้งดอกเบี้ยที่เริ่มขยับลงและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากครม. ขณะที่ Downside คาดยังคงถูกจำกัดจากเม็ดเงินลงทุนของกองทุนวายุภักษ์ 1 ที่คาดทยอยซือหุ้นในช่วงดัชนีย่อตัว
กลยุทธ์ : เลือกหุ้นที่คาดแนวโน้มกำไร 3Q24 แข็งแกร่ง // ส่วนที่สะสมในช่วงก่อนหน้ายังถือลงทุนต่อเนื่องระยะกลาง-ยาว
หุ้นเด่นเดือน พ.ย. : MAGURO, MTC, OSP, SFLEX, VIH
FSSIA Portfolio: AOT, CHG, CALL, CPN, KCG, KTB, MTC, NSL, SFLEX, SHR, TU
หุ้นเด่น Finansia 6 พ.ย. 24 : CPALL
- แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายปี 2025 ที่ 83 บาท
- คาดกำไรปกติ 3Q24 แข็งแกร่งที่ 5.7 พันลบ. –8% q-q, +29% y-y หนุนจาก SSSG ที่คาดเป็นบวก 3% ทั้ง 7-eleven Makro และ Lotus’s ขณะที่ Margin คาดยังอยู่ในระดับที่ดีต่อเนื่อง
- เราคาดกำไรปกติปี 2024-25 ที่ 2.45 หมื่นลบ. +35% y-y และ 2.77 หมื่นลบ. +13% y-y ตามลำดับ ได้อานิสงส์จากเศรษฐกิจไทยที่ทยอยฟื้นตัวและกระทบจำกัดจากความเสี่ยงของผลการเลือกตั้งสหรัฐฯที่สู่สี ขณะที่ Valuation ยังน่าสนใจ เทรด 2025PER 21 เท่า
- แนวรับ 64-63.50 บาท แนวต้าน 66.50-67//68 บาท
Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนโดยรวมยังผสมผสานสุทธิแล้วไหลเข้าบางๆ US$32 ล้าน เม็ดเงินพลิกมาไหลเข้าไต้หวัน US$196 ล้าน แต่ไหลออกจากเกาหลีใต้ US$181 ล้าน ส่วนอาเซียนยังไหลเข้าไทยและอินโดนีเซีย แต่ไหลออกจากฟิลิปปินส์ เวียดนาม แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่ายังผสมผสานรอดูผลการเลือกตั้งสหรัฐฯวันนี้ แต่มีโอกาสค่อนมาในทิศทางไหลเข้ามากขึ้นหลัง Dollar Index และ Bond Yield สหรัฐฯเริ่มอ่อนตัวลง
ประเด็นสำคัญวันนี้
(0) ITC กำไรปกติ 3Q24 ที่ 1 พันลบ. -8% 9-9, +58% y-y ใกล้เคียงคาด ตามทิศทางรายได้ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 29.8% ใกล้เคียงไตรมาสก่อน ล่าสุดมีคำสั่งซื้อล่วงหน้าใน 4Q24 ไปแล้ว 80-90% ของเป้ารายได้ใน 4Q24 หากทำได้ตามเป้ารายได้ 4Q24 จะสูงสุดของปีเบื้องต้นมองกำไร 4Q24 อาจทำได้ทรงตัวหรืออ่อนลงเล็กน้อย q-q ได้ แต่ยังคงมุมมองบวกระยะกลางยาว คงราคาเป้าหมาย 30 บาท ยังแนะนำ “ซื้อ”
(0) DOHOME กำไรสุทธิ 3Q24 ที่ 77 ลบ.-60% q-q, 15% y-y ใกล้เคียงคาด หลักๆ มาจากรายได้ที่ลดลง อัตรากำไรขั้นต้นของเหล็กที่ลดลง และดอกเบี้ยจ่ายที่สูงขึ้น SSSG ติดลบ 4.5%y-y จากภาวะน้ำท่วมในหลายพื้นที่และเป็น low season แนวโน้ม SSSG 40TD คาดจะกลับเป็นบวก 3-4% y-y จากการซ่อมแซมบ้านหลังน้ำลด การเปิดจ่ายงบประมาณภาครัฐและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ คงประมาณการและราคาเป้าหมาย 10.50 บาท ยังคำแนะนำ “ถือ”
(-) THANI กำไรสุทธิ 3Q24 ที่ 80 ลบ. -68% ทั้ง q-q และ y-y ต่ำกว่าทั้งเราและตลาดคาด 69% จาก ECL ที่สูงกว่าคาด คุณภาพสินทรัพย์แย่ลงอย่างมีนัยฯ NPL ratio 3Q24 ปรับตัวขึ้นมา ที่ 3.80% เราอยู่ระหว่างทบกวนประมาณการกำไรสุทธิ ราคาเป้าหมาย และคำแนะนำถือ
(0) EPG แนวโน้มผลการดำเนินงานใน 2QFY25 (ก.ค.-ก.ย. 2024) ยังไม่สดใส แม้ว่ารายได้จะฟื้นตัวอ่อนๆ แต่กำไรสุทธิจะถูกกดดันจากการตั้งสำรองผลขาดทุนทางเครดิตของบริษัทร่วมในแอฟริกาใต้ต่อเนื่องจากไตรมาสก่อน และค่าใช้จ่ายพิเศษในการปิดบริษัทในสหรัฐรวมประมาณ 290 ลบ. และขาดทุน FX จากบาทแข็ง ทำให้คาดกำไรสุทธิ 3Q24 อยู่ที่ 68 ลบ. -73% q-q, -84% y-y คงประมาณการและราคาเป้าหมาย 6 บาท ยังแนะนำ “ซื้อ”
(-) ORI คาดกำไรปกติ 3Q24 ที่ 234 ลบ. -2% q-q, -62% y-y ต่ำกว่าที่เราและตลาดเคยคาด ว่าจะฟื้นตัวได้ q-q สาเหตุจากการเลื่อนโอนคอนโด JV และแนวราบอ่อนแอ รายได้บริการและโรงแรมคาดชะลอตัวทั้ง q-q, y-y จาก Low Season และโรงแรมบางแห่งปิด renovate ประมาณการทั้งปีของเราที่ 1.4 พันลบ. มี Downside ราว 30% ทำให้กำไรปกติจบปี 2024 มีโอกาส -50% y-y ที่ 1 พันลบ.+- คงคำแนะนำ “ขาย”
(0) MPJ เทรดวันแรก เป็นผู้ให้บริการขนส่งสินค้าแบบครบวงจร ทั้งทางบก ทางทะเล และอากาศ อยู่บนทำเลที่ตั้งสะดวกใกล้เคียงท่าเรือแหลมฉบัง และขนส่งสินค้าไปยังเส้นทางหลักสู่บริเวณลาดกระบังที่เป็นจุดศูนย์กลางในการรับส่งสินค้าเพื่อกระจายไปทั่วประเทศ จุดเด่นคือการให้บริการลานตู้คอนเทนเนอร์ให้กับกลุ่มสายเรือระดับโลก และยังเป็นพันธมิตรร่วมทุนกับสายเรือ OOCL รายใหญ่ของจีน คาดกำไรสุทธิปี 2024-26 +27% y-y CAGR เราประเมินราคาเป้าหมายปี 2025 ที่ 8 บาท (Finansia เป็นผู้จัดจำหน่าย)
(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 427.28 จุด หรือ +1.02% ปิดที่ 42,221.88 จุด หลังสหรัฐฯ เปิดเผยดัชนีภาคบริการที่สูงเกินคาด ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจยังคงแข็งแกร่ง อย่างไรก็ดี นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายเพื่อรับมือกับความผันผวนของตลาดในสัปดาห์นี้ เนื่องจากความไม่แน่นอนของผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ
(+) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวกเล็กน้อย นำโดยการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่ม อุตสาหกรรม ขณะที่นักลงทุนประเมินการเปิดเผยผลประกอบการที่ซบเซา และจับตาผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่เป็นไปอย่างสูสี
(+) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดบวก สอดคล้องกับทิศทางของตลาดสหรัฐฯ โดยมีประเด็นที่ตลาดจับตามอง อาทิ ผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ และแถลงการผลการประชุมนโยบายทางการเงินของ BoJ
(+) ค่าเงินบาท แข็งค่า อยู่ที่บริเวณ 33.59 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ -0.51%
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 52 เซนต์ หรือ 0.73% ปิดที่ 71.99 ดอลลาร์/บาร์เรล ขานรับการคาดการณ์ที่ว่าพายุโซนร้อนราฟาเอล (Rafael) อาจจะส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำมันในอ่าวเม็กซิโก นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้แรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงท่ามกลางความไม่แน่นอนของผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในขณะที่เช้านี้ลบอยู่ที่ระดับ 71.94 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ -0.07%
(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 3.50 ดอลลาร์ หรือ 0.13% ปิดที่ 2,749.70 ดอลลาร์/ออนซ์ ขณะที่นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายเพื่อเตรียมรับมือกับสถานการณ์ตึงเครียดด้านการเมืองในสหรัฐฯ หลังจากโพลล่าสุดบ่งชี้ว่าคะแนนของโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครจากพรรครีพับลิกัน และคามาลา แฮร์ริส คู่แข่งจากพรรคเดโมแครต สูสีกันอย่างมาก ในขณะที่เช้านี้ลบอยู่ที่ระดับ 2,746.80 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ -0.11%
SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 886.91/ -0.19%
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
6 พ.ย. | ไทย: เงินเฟ้อ (ต.ค.) |
7 พ.ย. | จีน: ส่งออก (ต.ค.) อังกฤษ: ประชุม BoE สหรัฐ: ประชุม Fed , Initial Jobless Claims (พ.ย./02), ผลเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ |
8 พ.ย. | สหรัฐฯ: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคมิชิแกน (พ.ย.) |
9 พ.ย. | จีน: เงินเฟ้อ (ต.ค.) |