เข้าสู่ยุคทรัมป์ อีกครั้ง / 1,455-1,470
SET คาดอิงทางลง: แรงกดดันจากแนวโน้ม Fund flow ไหลออกจากตลาดหุ้นเอเชียไปสู่สหรัฐ และความกังวลทิศทางดอกเบี้ยขาลงทั่วโลกอาจเริ่มชะลอ
กลยุทธ์การลงทุน
- ส่งออก และ บาทอ่อน: KCE, DELTA, CCET,
HTECH, STA, STGT, NER, TRUBB - ย้ายฐานการผลิต : GPSC, GULF, PIN,
ROJNA, WHA, AMATA - เก็งงบ 3Q24: CPF, MTC, PLANB, SPALL,
TCAP - Defensive: ADVANC, BH, BDMS, CHG, TTW
- ทรัมป์มา ยางพาราและอิเล็กฯช่วยได้: ผลการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการล่าสุดชี้นายโดนัลด์ ทรัมป์ มีจำนวน Electoral Vote ในมือ 291 เสียง เกินกว่าจำนวนที่ต้องการที่ 270 เสียง ทำให้กลายเป็นว่าที่ปธน.สหรัฐคนใหม่ โดยชัยชนะในครั้งนี้ครอบคลุมถึงวุฒิสภาด้วยเช่นกัน ด้วยคะแนนอย่างไม่เป็นทางการที่ 52 เสียง ทำให้พรรค Republicant คุมสภาบน-ล่าง มองเป็นบวกต่อภาพการบริหารงานของรัฐบาล นักลงทุนเริ่มเข้าเก็งกำไรในตลาดหุ้นสหรัฐ ดัชนี S&P500 Nasdag และ Dowjones ปรับตัวขึ้น 2.53% 2.95% และ 3.57% ตามลำดับ ตอบรับนโยบายทางเศรษฐกิจที่เน้นผลักดันแบบ American first ซึ่งเป็นบวกต่อกำลังซื้อภายใน และ บริษัทจดทะเบียน ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นตอบรับประเด็นดังกล่าวเช่นกัน ล่าสุด Dollar index อยู่ที่ระดับ 105.12 จุด กดดันค่าเงินบาทอ่อนค่าสู่ระดับ 34.33 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าสุดในรอบ 2 เดือน กดดัน Fund flow ให้ไหลออกจากตลาดหุ้นเอเชีย รวมถึงไทย แต่ทางฝ่ายมองยังมีหุ้นที่ได้รับประโยชน์ในกลุ่มยางพารา และ ชิ้นส่วนอิเล็กฯ ที่ส่งออกไปยังสหรัฐได้ดีแม้ในยุคปธน.ทรัมป์ และเป็นสินค้าที่มีความคล้ายคลึงกับจีน จึงอาจถูกนำเข้าทดแทน หากทรัมป์เลือกดำนินมาตรการทางภาษีกับสินค้าจีน
- ปธน.เปลี่ยนคนทิศทางการประชุม FOMC อาจเปลี่ยนไป : จับตาการประชุม FOMC ตลาดยังคาดจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ระดับ 4.50-4.75% แต่ทางฝ่ายมองในการประชุมครั้งนี้ต้องพิจารณาถึงทิศทางนโยบายการคลังของนายโดนัลด์ ทรัมป์ไป ด้วย จึงต้องจับตาผลการประชุม รวมถึงความเห็นของคณะกรรมการ มองมีความเป็นไปได้ที่จะเห็นการชะลอการลดดอกเบี้ยเพื่อสร้างความสมดุลระหว่างนโยบายการเงิน-การคลังและ ทำให้ภาพวงจรขาลงของดอกเบี้ยทั่วโลกอาจชะลอตัวลงตาม
ปัจจัยเพิ่มเติม
(+) กกร. ประเมินเศรษฐกิจไทยปี 2567 มีแนวโน้มขยายตัวได้ที่ 2.6-2.8% สูงกว่าประมาณการเดิม จากแรงขับเคลื่อนของการส่งออกที่ได้รับอานิสงส์จากวัฏจักรขาขึ้นของกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ที่ส่งผลให้การส่งออกสามารถเติบโตได้ 2.5-2.9% สูงกว่าประมาณการเดิมที่ 1.5-2.5% ประกอบกับมีปัจจัยหนุนจากการกระตุ้นกำลังซื้อ และการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐ
(-) ผู้อำนวยการสถาบันปิโตรเลียม เผยปริมาณสำรองก๊าซของไทยลดลงอย่างต่อเนื่อง จนเข้าขั้นวิกฤติ และ ไม่มีการพบหรือผลิตแหล่งก๊าซใหม่มา ตั้งแต่ปี 2548 จนอาจทำให้ไทยขาดแคลนก๊าซธรรมชาติในอนาคตภายใน 15 ปี จนอาจทำให้ค่าไฟฟ้าเพิ่มขึ้นตาม
(-) กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐ เตรียมประชุมในวันนี้เพื่อพิจารณาในกรณีที่นาย ทักษิณได้เข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาลว่าขัดต่อกฎหมายหรือไม่
PICKS OF THE DAY
KCE BUY
- เป้าหมาย 38.75 / 39.75 แนวรับ 37.00
- เก็งหุ้นที่มีรายได้อิงสหรัฐฯ: การเลือกตั้งสหรัฐฯทำให้เกิดความคาดหวังการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ มอง KCE จะได้ประโยชน์จากเศรษฐกิจโลกที่คาดว่าจะฟื้นตัว และ KCE มีรายได้ในสหรัฐฯและยุโรป อยู่ 46% และ 21% ตามลำดับ
- KCE เข้าซื้อกิจการเพิ่ม: KCE เข้าลงทุนซื้อ International Circuits Limited (ICL) ในช่วง 4Q67 ซึ่งเป็นผู้จำหน่าย PCB เพื่อรองรับฐานลูกค้าอังกฤษและยุโรปในอนาคต รวมมูลค่าลงทุน 1.0 พันลบ. ซึ่งมีข้อกำหนดว่า ICL จะต้องเข้าซื้อบริษัท Thorncombe street LLP ซึ่งทั้ง 2 เป็นผู้จัดจำหน่ายสินค้าของ KCE อยู่แล้ว จะช่วยให้การบริหารด้านราคาสินค้าทำได้ดีขึ้น กำไรทั้ง 2 บริษัทจะเข้ามาราว 110 ลบ./ปี คาดว่ายังสูงกว่าต้นทุนทางการเงินของดีลนี้ อิงจากอัตราดอกเบี้ยที่ BOE กำหนดที่ 5.0% (ดอกเบี้ยอยู่ในช่วง 50 ลบ./ปี)
- เป้าหมาย 21.50 / 22.00 แนวรับ 20.80
- เก็งงบ 3Q67 กำไรสดใส: ทางฝ่ายคาดกำไรเพิ่มขึ้น y-y จากการเติบโตของธุรกิจยางธรรมชาติ ตามการเพิ่มขึ้นของราคาขายเฉลี่ยยางธรรมชาติ ซึ่งเป็นไปตามแนวโน้มราคาเฉลี่ยยาง SICOM TSR20 ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นใน 4Q67 รวมถึงการเติบโตของธุรกิจถุงมือยาง ตามการฟื้นตัวของอุปสงค์ถุงมือยาง และนโยบายการค้าที่เข้มงวดขึ้น
- คาด 4Q67 ส่งออกเพิ่มขึ้น: จากการการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯที่ผ่านมา ผลสรุปอย่างไม่เป็นทางการ “ทรัมป์” ชนะการเลือกตั้ง ทางฝ่ายคาดหากสหรัฐฯ ขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีน 60% อาจส่งผลให้จีนส่งออกไปยังสหรัฐฯ น้อยลง และสหรัฐฯ มีแนวโน้มนำเข้าสินค้าจากประเทศคู่ค้าอื่นเพิ่มขึ้น ทางฝ่ายมอง STA รับประโยชน์ด้านการส่งออกยางไปยังสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น เพื่อทดแทนสินค้าจากจีน
