Daily Focus: Sideways Up // จับตาจีนกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มหรือไม่
2025 SET Target: 1600
ตลาดหุ้นวานนี้: SET Index แกว่งตัว Sideways ตามคาด โดยระหว่างวันมีจังหวะดีดตัวขึ้นแรง หนุนจากแรงซื้อหุ้นขนาดใหญ่ เช่น ADVANC GULF DELTA CCET เป็นต้น ก่อนจะมีแรงขายทำให้ดัชนีลดช่วงบวกเหลือ 2.30 จุด ที่ระดับ 1,469.72 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.5 หมื่นลบ. สถาบันในประเทศซื้อสุทธิในตลาดหุ้นหนาแน่นขึ้นเป็น 1.2 พันลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิต่อเนื่องใกล้เคียงเดิมอีก 1.7 พันลบ. (แต่ยัง Long Index Futures อีกกว่า 2หมื่นสัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index จะแกว่งตัว Sideways Up ในกรอบ 1,465-1,480 จุด จากบรรยากาศการลงทุนที่ผ่อนคลายมากขึ้น ล่าสุดผลการประชุม FED ลดดอกเบี้ยลง 25 bps สู่ระดับ 4.50-4.75% ตามคาดและภาพรวมถ้อยแถลงไม่มีปัจจัย Surprise โดย FED ยังคงมองบวกต่อภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯตลาดแรงงานที่เริ่มชะลอ ขณะที่เงินเฟ้อยังทยอยขยับลง ส่งผลให้ Dollar Index และ Bond Yield เริ่มชะลอตัวลงหลังจากพุ่งขึ้นรับผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ ส่วนปัจจัยที่ต้องติดตามวันนี้คือสภาประชาชนแห่งชาติจีนว่าจะมีการประกาศนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจตามที่ตลาดคาดหวังหรือไม่อย่างไร ส่วนปัจจัยในประเทศเรายังคงให้น้ำหนักกับการประกาศกำไรบจ. 3Q24 ซึ่งภาพรวมเท่าที่ประกาศออกมาถือว่าค่อนไปในทางต่ำกว่าคาดเล็กน้อย และเริ่มเห็นการปรับประมาณการ EPS ปี 2024-25 ลงบ้างราว 2-3% ซึ่งเป็นอีกปัจจัยกดดันดัชนีจากด้าน Valuation ที่ตึงตัวขึ้นเล็กน้อย ระยะสั้นเรามองดัชนีมีโอกาสชะลอตัว และคาดยังผ่านแนวต้านหลัก 1,500 จุดไม่ง่าย อย่างไรก็ตามเรายังมองโอกาสฟื้นตัวของดัชนีในระยะกลาง-ยาวเข้าหา SET Target ปี 2025 ที่ 1,600 จุด ในช่วง 12 เดือนข้างหน้า จากภาพรวมเศรษฐกิจที่ยังอยู่ในทิศทางทยอยฟื้นตัว และได้แรงหนุนจากทั้งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากรัฐบาล รวมถึงอัตราดอกเบี้ยที่เริ่มขยับลุงบ้าง ขณะที่ Downside คาดยังคงถูกจำกัดจากเม็ดเงินลงทุนของกองทุนวายุภักษ์ 1 ที่ทยอยซื้อหุ้นในช่วงดัชนีย่อตัว
กลยุทธ์ : เลือกหุ้นที่คาดแนวโน้มกำไร 3Q24 แข็งแกร่ง // ส่วนที่สะสมในช่วงก่อนหน้ายังถือลงทุนต่อเนื่องระยะกลาง-ยาว
หุ้นเด่นเดือน พ.ย. : MAGURO, MTC, OSP, SFLEX, VIH
FSSIA Portfolio: AOT, CHG, CALL, CPN, KCG, KTB, MTC, NSL, SFLEX, SHR, TU
หุ้นเด่น Finansia 8 พ.ย. 24 : NSL
- แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายปี 2025 ที่ 43 บาท
- คาดกำไร 3Q24 คาดที่ 135 ลบ. +3% q-q, +84% y-y ทำ New High สวนทางฤดูกาล โดยคาดรายได้โตแกร่ง +3% q-q และ +20% y-y แม้เป็น Low Season หนุนจากสินค้าใหม่ซึ่งได้รับผลตอบรับดีมาก
- บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 2025 โต Double Digit หนุนจากทั้งการออกสินค้าใหม่และโตตามการขยายสาขาของ 7-Eleven ระยะสั้นมี Sentiment บวกจากช็อกโกแลตดูไบของ Bake a Wish ที่ขายดี เราคาดกำไรปี 2024-25 +57% y-y และ +13% y-y ตามลำดับ
- แนวรับ 31//30 บาท แนวต้าน 32.50//34 บาท
ประเด็นสำคัญวันนี้
(+) CPAXT กำไรปกติ 3Q24 ที่ 2.41 พันลบ. +11% q-q, +40% y-y สูงกว่าที่เราคาด 9% จากรายการพิเศษจากค่าใช้จ่ายควบรวมกิจการและ FX Loss และสูงกว่าตลาดคาด 15% รายได้รวมเพิ่มขึ้น 4%y-y หลักๆจากยอดขายที่สูงขึ้น โดย SSSG เป็นบวกได้ แนวโน้ม SSSG เดือน ต.ค. ยังเป็นบวก 1-3% หนุนจากสินค้าในกลุ่ม Fresh Food เป็นหลัก คงประมาณการและราคาเป้าหมาย 42 บาท ยังแนะนำ “ซื้อ”
(0) BJC กำไรปกติ 3Q24 ที่ 883 ลบ. -27% q-q จากปัจจัยฤดูกาล แต่ +32% y-y จากยอดขายที่เพิ่มขึ้น GPM ขยายตัวใกล้เคียงกับเราและตลาดคาด และการคุ้มค่าค่าใช้จ่ายที่ดี SG&A to sales ลดลง เบื้องต้นคาดว่ากำไรปกติ 4Q24 จะเพิ่มขึ้น q-q แต่จะลดลง y-y จาก ค่าใช้จ่ายภาษีที่เพิ่มขึ้น แนวโน้ม SSSG เดือน ต.ค. ยังเป็นบวกได้ต่อเนื่องที่ระดับ 1-2% คงราคาเป้าหมาย 31 บาท ยังแนะนำ “ซื้อ”
(+) TACC กำไรสุทธิ 3Q24 ที่ 61 ลบ. -12% q-q, +18% y-y ทำได้ดี แม้เริ่มเผชิญต้นทุนกาแฟสูงขึ้น โดยกำไรที่ลดลง q-q เพราะเป็น low season ของธุรกิจ และมีค่าใช้จ่ายสูงขึ้นจากผู้บริหารใหม่ และค่าส่งเสริมการตลาด แต่กำไรยังโตได้ดี y-y เพราะไม่มีส่วนแบ่งขาดทุนจาก TCI เราค่อนข้างประทับใจกับอัตรากำไรขั้นต้นที่ยังทรงตัวดี แม้เริ่มรับรู้ต้นทุนกาแฟที่สูงขึ้น คงราคาเป้าหมาย 6.30 บาท ยังแนะนำ “ซื้อ”
(0) SC กำไรสุทธิ 3Q24 ที่ 506 ลบ. -5%q-q, flat y-y หากไม่รวมรายการพิเศษ กำไรปกติ +43%q-q, flat y-y ผลประกอบการเกณฑ์ดีหนุนจากยอดโอนเร่งขึ้นเป็น 5.5 พันลบ. +27%q-q, +4%y-y หลักๆจากแนวราบ จากการรับรู้ Backlog และยอดขายที่เพิ่มขึ้น SG&A ลดลงตามจำนวนโครงการใหม่น้อยลง ขณะที่ GPM อสังหาฯปรับลงจากการแข่งขันสูง แนวโน้มกำไร 4Q24 คาดเร่งขึ้น q-q เป็นระดับสูงสุดของปี คงราคาเป้าหมาย 3.20 บาท ยังแนะนำ “ซื้อ”
(0) CK คาดกำไร 3Q24 ที่ 865 ลบ. +77% q-q, +35%y-y ได้แรงหนุนจากการเติบโตส่วนแบ่งกำไรบริษัทรวม +115%q-q, +24%y-y จากทั้ง BEM ที่เปิดภาคเรียน รวมถึง CKP เป็นฤดูน้ำ และมี FX gain จากโรงไฟฟ้าหลวงพระบาง หลังเงินบาทแข็งค่า ขณะที่ธุรกิจก่อสร้างทรงตัวและ GPM ทรงตัวอยู่ที่ระดับ 7.1% หลักๆจากรถไฟฟ้าม่วงใต้และโรงไฟฟ้าหลวงพระบาง คงประมาณการและราคาเป้าหมาย 27 บาท ยังแนะนำ “ซื้อ”
(0) SYNEX คาดกำไรปกติ 3Q24 ที่ 145 ลบ. +11% q-q, +23% y-y หนุนจากยอดขายที่ยังเติบโตจากกลุ่ม Phone และ commercial แต่หดตัวในอัตราชะลอลงจากกลุ่มสินค้า storage ทั้ง HDD,SSD และ Flash ที่ยังขายได้ดี เราคาด GPM ลดลงเล็กน้อย q-q จาก mixed ของกลุ่ม Communication ขณะที่ SG&A to sales คาดว่ายังรักษาระดับได้ที่ 2.2% แนวโน้ม 4Q24 คาดว่ายอดขายจะยังเติบโตได้ต่อเนื่อง ตามที่บริษัทตั้งเป้ายอดขายไว้ THB40b ในปี 2024 คงราคาเป้าหมาย 17.60 บาท ยังแนะนำ ‘ซื้อ”
(-) SAFE คาดกำไรสุทธิ 3Q24 ที่ 31 ลบ. -32% q-q และ -48% y-y จากจำนวนผู้ป่วยต่างชาติที่ชะลอลงและมีบางประเทศอย่าง จีน อุดหนุนการทำ IVF ในประเทศของตนเอง อีกทั้งยังคาดรายได้จากการให้บริการตรวจโครโมโซมลดลงอย่างมีนัยสำคัญ จากการปรับลดราคาค่าบริการเพราะมีการแข่งขันด้านราคาที่สูงขึ้น และอัตราการฝากครรภ์ที่ลดลง เราปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2024-26 ลง 31-46% ปรับใช้ราคาเป้าหมายปี 2025 ที่ 14.50 บาท ลดคำแนะนำเป็น “ถือ”
(-) GFC คาดกำไรสุทธิ 3Q24 ที่ 16 ลบ. -7.4%q-q และ -21.6%y-y แม้คาดรายได้ +6%q-q แต่ -0.5% y-y แต่ต้นทุนการให้บริการเพิ่มขึ้นจ่ากการเปิดสาขาอุบลฯ ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นลดลง อีกทั้งมียังค่าใช้จ่ายพนักงานสาขาใหม่เพิ่มขึ้น เราปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2024-26 ลง 21-27 ปรับใช้ราคาเป้าหมายปี 2025 ที่ 8.20 บาท ลดคำแนะนำเป็น “ถือ”
(+) ตลาดดาวโจนส์ ลดลง 0.59 จุด หรือ -0.001% ปิดที่ 43,729.34 จุด ส่วนดัชนี S&P500 และ Nasdaq ยังคงปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.25% ตามคาด
(+) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวก โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มทรัพยากร แต่ตลาดหุ้นอังกฤษปรับตัวลงหลังจากธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง แต่คาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อจะสูงขึ้นหลังจากการประกาศงบประมาณฉบับแรกของรัฐบาลใหม่
(+) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดบวก หลังเฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงต่ออีก 25bp เมื่อวานนี้ ขณะที่ภายในภูมิภาค ตลาดยังคงคาดหวังการแถลงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนเพิ่มเติม
(+) ค่าเงินบาท แข็งค่า อยู่ที่บริเวณ 33.99 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ -1.07%
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 67 เซนต์ หรือ 0.93% ปิดที่ 72.36 ดอลลาร์/บาร์เรล ขานรับธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.25% ขณะที่นักลงทุนยังคงประเมินว่านโยบายต่าง ๆ ของโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะส่งผลต่ออุปทานน้ำมันอย่างไร ในขณะที่เช้านี้ลบอยู่ที่ระดับ 72.18 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ -0.25%
(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 29.50 ดอลลาร์ หรือ 1.1% ปิดที่ 2,705.80 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยราคาทองฟื้นตัวหลังจากที่ดิ่งลงอย่างหนักในวันพุธ ขณะที่นักลงทุนรอผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) โดยตลาดทองคำ นิวยอร์กปิดทำการซื้อขายก่อนที่คณะกรรมการเฟดจะแถลงมติการประชุม ในขณะที่เช้านี้บวกอยู่ที่ระดับ 2,716.40 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ +0.39%
SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 880.59/ -0.32%
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
8 พ.ย. | สหรัฐฯ: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคมิชิแกน (พ.ย.) |
9 พ.ย. | จีน: เงินเฟ้อ (ต.ค.) |
12 พ.ย. | อังกฤษ: อัตราการว่างงาน |
13 พ.ย. | สหรัฐ: เงินเฟ้อ (ต.ค.) |
14 พ.ย. | สหรัฐ: Core PPI (ต.ค.) อังกฤษ: GDP growth (3Q24) |