บล.พาย:

TU: Thai Union Group PCL

3Q24 ทูน่ากระป๋องกับอาหารสัตว์ยังดีอยู่

TU งวด 3Q24 มีกำไรสุทธิ 1,400 ล้านบาท (+16%YoY,+15%QoQ) เติบโตจากของธุรกิจอาหารทะเลแปรรูป (Ambient Seafood) ที่มีคำสั่งซื้อจากตลาดตะวันออกกลางกลับเข้ามา รวมถึงอาหารสัตว์เลี้ยง (Pet Care) ที่ยังเติบโตดี ขณะที่ธุรกิจอาหารแช่แข็ง (Frozen Seafood) ยังคงลดลง สำหรับแนวโน้มในช่วง 4Q24 คาดว่ารายได้ยังเห็นการเติบโตได้จากปีก่อน แต่ด้วยผลกระทบจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ทำให้บริษัทมีการปรับเป้าการเติบโตทั้งปีเป็น 3-4% ต่ำกว่าเดิมเล็กน้อย และทำให้เราปรับกำไรทั้งปีลงมาอยู่ที่ 5,208 ล้านบาท โดยในวันจันทร์หน้า TU จะมีการแถลงแผนธุรกิจในอนาคต เราจึงมองว่าเป็นปัจจัยบวกในระยะยาวทำให้ยังคงแนะนำ “ซื้อ” เช่นเดิม

3Q24 กำไรสุทธิ 1,400 ล้านบาท (+16%YoY, +15%QoQ)

  • TU มีกำไรสุทธิ 3Q24 ที่ 1,400 ล้านบาท (+16%YoY, +15%QoQ) แต่ถ้าไม่รวมรายการพิเศษที่เป็นผลขาดทุนประมาณ 75 ล้านบาทจะมีกำไรปกติที่ระดับ 1,476 ล้านบาท (-2%YoY, +2%QoQ)
  • รายได้ที่ 34,840 ล้านบาท (+3%YoY, -1%QoQ) ต่ำกว่าคาดเล็กน้อย เพราะธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงมีการเติบโตน้อยกว่าที่คาด (แต่ยังโตดีเมื่อเทียบกับปีก่อน) ส่วนธุรกิจอาหารแปรรูป (Ambient Seafood) ที่มีคำสั่งซื้อจากตลาดตะวันออกกลางเข้ามา แต่ธุรกิจอาหารแช่แข็ง (Frozen Seafood) ลดลงทั้งเมื่อเทียบกับปีก่อนและไตรมาสก่อนหน้าจากผลกระทบของความต้องการที่ลดลงในตลาดสหรัฐฯ แม้รายได้จากธุรกิจอาหารสัตว์ (กุ้ง) จะเพิ่มขึ้นก็ตาม
  • กำไรขั้นต้นที่ 19.5% ดีขึ้นจาก 18.4% ใน 3Q23 และ 18.5% ใน 2Q24 ได้รับผลดีจากต้นทุนปลาทูน่าที่อ่อนตัวลง และการกลับรายการสินค้าคงเหลือ แต่ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่ 4,693 ล้านบาท (+16%YoY, +2%QoQ) เพิ่มขึ้นมากจากค่าใช้จ่ายในการตลาดและที่ปรึกษาในการปรับโครงสร้าง ทั้งนี้การกลับรายการสินค้าคงเหลือ และค่าที่ปรึกษามีมูลค่าใกล้เคียงกันที่ระดับ 200 ล้านบาท จึงทำให้ไม่กระทบกับกำไรจากการดำเนินงานแต่อย่างใด
  • ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมที่ 275 ล้านบาท (+54%QoQ) และพลิกจากที่รับรู้ขาดทุน 179 ล้านบาทใน 3Q23 หลังไม่ต้องรวมส่วนแบ่งจาก Red Lobster เข้ามา (3Q23 รับรู้ 490 ล้านบาท)
  • ส่วนภาษีจ่ายที่ 208 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 54%QoQ แต่พลิกจากที่รับรู้รายได้ภาษี 140 ล้านบาทในปีก่อน

4Q24 คาดรายได้กลับมาโต QoQ

ภาพรวมช่วง 4Q24 คาดว่าจะเห็นรายได้กลับมาจากโตเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า จากธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงแต่ด้วยผลกระทบของค่าเงินบาท และปัญหาการขาดแคลนตู้สินค้า ทำให้ทางบริษัทมีการปรับลดเป้าการเติบโตจาก 4-5% เป็น 3-4% และเพิ่มสัดส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อรายได้เป็น 12.5-13% จากการมีค่าใช้จ่ายในการปรับโครงสร้างบริษัท (รายละเอียดจะมีการให้ข้อมูลเพิ่มใน วันจันทร์ที่ 11 พ.ย.) แต่ปรับกำไรขั้นต้นขึ้นเป็น 18.5-19% จาก 18-18.5% เราจึงมีการปรับประมาณการกำไรปี 24 เล็กน้อยมาอยู่ที่ 5,208 ล้านบาท สำหรับความเสี่ยงจากการที่บริษัทลูกของ TU ถูกฟ้องกรณีทำสัญญาค้ำประกันให้ Red Lobster มูลค่ากว่า 65 ล้านเหรียญฯ ทางผู้บริหารมองว่าจะต้องใช้เวลา อีก 2-3 ปี จึงจะได้ข้อสรุป ทำให้ระยะสั้นอาจจะเป็นปัจจัยกดดันได้

คงคำแนะนำ “ซื้อ” เช่นเดิม

จากผลประกอบการที่ออกมา รวมถึงแนวโน้มในช่วง 4Q24 คาดว่าจะเห็นรายได้กลับมาโตจาก 3Q24 เราจึงยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” เช่นเดิมแต่ประเมินมูลค่าพื้นฐานได้ใหม่ที่ 17.6 บาท (16XPER’24E)

- Advertisement -