UAC เสิร์ฟข่าวดี โชว์กำไรเฉพาะกิจการ Q3 พุ่ง 700% สูงสุดเป็นประวัติการณ์ อานิสงส์บุ๊กเงินปันผลจากบริษัทร่วม “BBGI-BI” 439.50 ล้านบาท บอร์ดไฟเขียวปันผลระหว่างกาล 0.25 บาทต่อหุ้น กำหนดจ่าย 6 ธ.ค. นี้
บมจ.ยูเอซี โกลบอล (UAC) ประกาศผลการดำเนินงานงบการเงินรวม 9M/2567 โกยรายได้ 1,645.95 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.75% (YoY) พร้อมรับทรัพย์ปันผลระหว่างกาลจากBBGI-BI จำนวน 439.50 ล้านบาท ดันกำไรงบการเงินเฉพาะกิจการ Q3/2567 แตะ 431.15ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 700.60% ทะยานสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ล่าสุดบอร์ดไฟเขียวเคาะจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล ในอัตราหุ้นละ 0.25 บาทต่อหุ้น เตรียมจ่ายปันผล 6 ธ.ค. นี้
นายชัชพล ประสพโชค ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูเอซี โกลบอล จำกัด (มหาชน) หรือ “UAC” เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจาก ผลการดำเนินงาน 9 เดือน (1 ม.ค. – 30 ก.ย. 2567) ในอัตราหุ้นละ 0.25 บาท รวมเป็นเงินที่จ่ายจำนวน 166.90 ล้านบาท ทั้งนี้บริษัทฯ กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 22 พ.ย. 2567 และกำหนดจ่ายในวันที่ 6 ธ.ค. 2567 ซึ่งคาดว่าจากผลการดำเนินงานทั้งปี 2567 นี้ UAC จะสามารถจ่ายปันผลเพิ่มเติม ได้อีกตามข้อกำหนด ปันผลไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิของงบกิจการ และ ณ สิ้นไตรมาสสาม บริษัทมีสภาพคล่องกว่า 700 ล้านบาท รองรับการชำระคือหุ้นกู้ในกลางปี 2568
สำหรับผลการดำเนินงานตามงบการเงินเฉพาะกิจการ Q3/2567 และ 9M/2567 บริษัทฯ มีกำไรเพิ่มขึ้น 377.30 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 700.60% (YoY) และเพิ่มขึ้น 277.22ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 122.36% ตามลำดับ เป็นผลมาจากการได้รับเงินปันผลระหว่างกาลจากบริษัทร่วม BBGI-BI ซึ่ง UAC ได้รับปันผลในอัตราหุ้นละ 520.426288 บาท รวมเป็นเงิน 439.50 ล้านบาท ส่งผลให้งบการเงินเฉพาะกิจการมีกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ส่วนผลการดำเนินงานรวมสำหรับงวด 9M/2567 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและบริการ 1,645.95 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.75% (YoY) จากรายได้กลุ่มธุรกิจ Trading มีรายได้รวม1,387.77 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 301.32 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 27.73% (YoY) รายได้กลุ่มธุรกิจManufacturing – Energy มีรายได้รวม 122.39 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.50 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น2.94% (YoY) และรายได้กลุ่มธุรกิจ Manufacturing – Petroleum มีรายได้รวม 135.79 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 82.33 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 154.00% (YoY) ส่วนค่าใช้จ่ายจากการขายและบริหารที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจำนวน 89.52 ล้านบาท เป็นผลจากการตั้งสำรองด้อยค่าของสินทรัพย์ที่ไม่ใช่สินทรัพย์ทางการเงินของโรงงาน PPP (UAC) และโรงไฟฟ้าเสาเถียร (UACE)รวมจำนวน 63.34 ล้านบาท เนื่องจากโรงงานดังกล่าวได้รับวัตถุดิบที่ไม่เพียงพอต่อการผลิต ส่งผลให้บริษัทฯ มีกำไรส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัท 66.85 ล้านบาท และ EBITDAจำนวน 200.14 ล้านบาท และรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนในบริษัทร่วมอย่างต่อเนื่อง จำนวน 62.55 ล้านบาท