Daily Focus: ทั้งปัจจัยภายนอกและในยังไม่เอื้อให้ SET ฟื้นตัวระยะสั้น

2025 SET Target: 1600

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับตัวลงต่อเนื่อง และแรงกว่าที่ประเมิน ปิดลบอีก 8.22 จุด รั่นแรงในหุ้นนาดกลาง-เล็กที่ปรับตัวขึ้นเด่นในช่วงก่อนหน้าหลายด้ว ขณะที่ DELTA ADVANC ยังช่วยพยุงดัชนี สถาบันในประเทศและนักลงทุนต่างชาติยังขายสุทธิในตลาดหุ้นต่อเนื่อง แต่บางลงเหลือ 757 ลบ.และ 270 ลบ. ตามลำดับ (ต่างชาติพลิกมา Long Index Futures เล็กน้อย 3.4 พันสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index จะยังคงแกว่งตัว Sideways to Sideways Down โดยยังคงถูกกดดันจากบรรยากาศการลงทุนในฝั่งเอเชียที่ยังค่อนไปในทางลบ จากความกังวลที่ทรัมป์กลับมาเป็นประธานาธิบดีทำให้เม็ดเงินไหลออกจากฝั่งเอเชียเข้าหาสหรัฐฯ ต่อเนื่อง สะท้อนผ่าน Dollar Index ที่ยังพุ่งขึ้นต่อเนื่องกดดันบาทอ่อนค่าแตะ 34.50 บาท/ดอลลาร์ โดยเรามองดัชนีมีโอกาสทยอยย่อตัวลงและทดสอบแนวรับหลักบริเวณ 1,440+- จุด อีกครั้ง นอกจากนี้ปัจจัยในประเทศยังมีแรงกดดันจากภาพรวมกำไรบจ. 3Q24 เท่าที่ประกาศออกมาแล้วต่ำกว่าที่ตลาดคาดราว 15% และเริ่มเห็นตลาดทยอยปรับลดประมาณการ EPS ปี 2024-25 ลง 3-5% จากช่วง 2 สัปดาห์ก่อนเหลือราว 87 บาท และ 98 บาท ทำให้ในเชิง Valuation มีความดึงตัวมากขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยกดดันให้ดัชนีพักตัวระยะสั้นและคาดยังไม่ผ่านแนวต้าน 1,470 และ 1,500 จุด อย่างไรก็ตาม เรายังมองโอกาสฟื้นตัวของดัชนีในระยะกลาง-ยาวจากภาพเศรษฐกิจที่ทยอยฟื้นตัวใน 4Q24-2025 รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐที่จะทยอยออกมาในระยะถัดไป รวมถึงโอกาสที่อาจเห็นกนง.ลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมในปีหน้าจะเป็น Upside โดยยังให้ SET Target ปี 2025 ที่ 1,600 จุด ขณะที่ Downside คาดว่ายังถูกจำกัดจากเม็ดเงินลงทุนของกองทุนวายุภักษ์ 1

กลยุทธ์ : เลือกหุ้นที่คาดแนวโน้มกำไร 3Q24 แข็งแกร่ง // ส่วนที่สะสมในช่วงก่อนหน้ายังถือลงทุนต่อเนื่องระยะกลาง-ยาว

หุ้นเด่นเดือน พ.ย. : MAGURO, MTC, OSP, SFLEX, VIH

FSSIA Portfolio: AOT, CHG, CALL, CPN, ITC, KCG, KTB, MTC, NSL, SFLEX, SHR

หุ้นเด่น Finansia 12 พ.ย. 24 : BDMS

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายปี 2025 ที่ 36.50 บาท
  • คาดกำไรปกติ 3Q24 ที่ 4.22 พันลบ. +27% q-q, +9% y-y ทำสถิติสูงสุดใหม่ หนุนจากปริมาณผู้ป่วยจากต่างประเทศที่อยู่ในเกณฑ์ดี คาดผลกระทบจำกัดจากแผนประกันสุขภาพแบบร่วมจ่าย 
  • คาดรายได้จะโตต่อเนื่องใน 4Q24 จากผู้ป่วยจากต่างประเทศซึ่งจะทำให้รายได้ปี 2024 เกือบถึงเป้าการเติบโตของบริษัทที่ 10% เราคาดกำไรปี 2024-25 เติบโตเฉลี่ย +11% ต่อปี ราคาหุ้นปรับลงทำให้เทรด 2025PER เพียง 23.9 เท่า 
  • แนวรับ 26-25.50 บาท แนวต้าน 27.50-28 บาท

Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนโดยรวมยังคงไหลออกจากภูมิภาคสุทธิต่อเนื่องอีก US$229 ล้าน เม็ดเงินไหลออกสูงสุดที่เกาหลีใต้ US$404 ล้าน ส่วนอาเซียนเม็ดเงินยังออกทุกประเทศและสูงสุดที่อินโดนีเซีย US$97 ล้าน มีเพียงไต้หวันที่เม็ดเงินพลิกมาไหลเข้า US$345 ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่ายังค่อนไปในทิศทางไหลออกจาก Dollar Index ที่ยังแข็งค่าขึ้นและเม็ดเงินยังไหลเข้าหาสหรัฐฯ โดยยังได้อานิสงส์จาก Post-Election Rally

ประเด็นสำคัญวันนี้

(+) BA กำไรปกติ 3Q24 ที่ 909 ลุบ. +33% q-q, +12% y-y เป็นไตรมาส 3 ที่ดีที่สุดตามคาด หลักๆ มาจากทั้งปริมาณผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นและค่าโดยสารที่ปรับขึ้น แนวโน้ม 4Q24 แม้จะเป็น Low season ของเกาะสมุย แต่จะกลับมาเป็นกำไรเมื่อเทียบกับขาดทุนใน 4Q23 กำไรปกติ 9M24 คิดเป็น 97% ของประมาณการทั้งปีของเรา ซึ่งเป็น upside จากประมาณการกำไรปกติปี 2024 ที่ 3.5 พันลบ. คงราคาเป้าหมาย 30 บาท แนะนำ “ซื้อ”

(+) CKP กำไรปกติ 3Q24 ที่ 1,191 ลบ. +1500% q-q, +17% y-y ดีกว่าเราและตลาดคาด 20-40% หลักๆมาจาก FX gain ของโรงไฟฟ้าหลาวพระบางสูงกว่าคาด ส่วนโรงไฟฟ้าไซยะบุรีมีกำไรลดลงตามคาด เนื่องจากหยุดผลิต 17 วัน หากหัก FX gain จะมีกำไรปกติ 585 ลบ -40%y-y แต่เพิ่มขึ้นจาก 149 ลบ.ใน 2Q24 จาก Peak season แนวโน้มกำไรสุทธิ 4Q24 จะลดลง q-q จาก FX gain ที่จะหายไป ส่วนกำไรปกติคาดทรงตัว q-q เพราะโรงไฟฟ้าไซยะบุรีผ่าน Peak ไปแล้ว คงประมาณการและราคาเป้าหมาย 4.35 บาท แนะนำ “ซื้อ”

(-) JPARK กำไรสุทธิ 3Q24 ที่ 91 ลบ. มาจากรายได้ให้เช่าช่วงพื้นที่อาคารจอดรถเพื่อนำไปพัฒนาเป็นพื้นที่เชิงพาณิชย์ จึงทำให้บริษัทมีกำไรจากส่วนต่างสัญญาเช่า-ให้เช่าช่วงพื้นที่ 95 ลบ. ซึ่งเป็นรายการที่เกิดขึ้นไม่ประจำ หากตัดรายการพิเศษนี้ จะเป็นกำไรปก 15 ลบ. -40% q-q, -30% y-y เนื่องจากต้นทุนการให้บริการที่สูงขึ้นจากทั้งรายได้ CIPS ลดลงและเริ่มรับรู้ค่าเสื่อมอาคารที่จอดรถพระนั่งเกล้า จากกำไร 3Q24 ผิดคาด เราอยู่ระหว่างทบทวนประมาณการใหม่

(0) SNNP กำไรสุทธิ 3Q24 ที่ 163 ลบ. +1% q-q, +2% y-y ใกล้เคียงคาด ไม่ตื่นเต้น เพราะหนุนด้วยอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงขึ้น และการควบคุมค่าใช้จ่าย ขณะที่รายได้ไม่สดใส บริษัทยังให้วิวว่าแนวโน้มรายได้ใน 4Q24 จะเติบโตได้มากขึ้น ตามปัจจัยฤดูกาล และคาดเห็นรายได้และการบริหารลูกหนี้การค้าที่มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นได้ต่อเนื่อง เราคาดกำไร 4Q24 จะขยับขึ้นเป็นจุดสูงสุดของปีนี้ได้ตามเดิม ราคาเป้าหมาย 15 บาท แนะนำ “ซื้อ”

(0) ICHI กำไรสุทธิ 3Q24 ที่ 357 ลบ. -6% q-q, +9% y-y ต่ำกว่าคาดเล็กน้อยราว 3.5% ไม่แย่ แต่ไม่ตื่นเต้น และประกาศปันผลระหว่างกาล 0.6 บาท/หุ้น Yield ครึ่งปี 3.6% หากไม่รวมกำไรขายเครื่องจักรใน 2Q24 พบว่ากำไรปกติ 3Q24 โตเล็กน้อย +1% q-q, +9% y-y คาดกำไรปกติ 4Q24 จะอ่อนลง q-q เพราะเป็น Low season คงประมาณการกำไรและราคาเป้าหมาย 21 บาท แนะนำ “ซื้อ”

(0) MOSHI กำไรสุทธิ 3Q24 ที่ 108 ลบ. +33% q-q และ +30% y-y ตามคาด หลักๆ ที่เพิ่มขึ้นมาจาก SSSG ที่พลิกกลับเป็นบวก 5.7% y-y จากติดลบ 8.5% ใน 2Q24 และเปิดสาขาไหม่ 8 แห่งใน 3Q24 รวมมีสาขาร้าน MOSHI ทั้งหมด 153 สาขา แนวโน้ม 4Q24 เป็น High season ของธุรกิจ กำไรสุทธิ 9M24 คิดเป็น 79% ของประมาณการทั้งปี 2024 ของเราที่ 451 ลบ.+12%y-y ซึ่งเห็น potential upside จากประมาณการของเรา ราคาเป้าหมาย 50 บาท แนะนำ “ถือ”

(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 304.14 จุด หรือ +0.69% ปิดที่ 44,293.13 จุด เนื่องจากตลาดยังคงขานรับชัยชนะของโดนัลด์ ทรัมป์ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐฯ ในวันพุธนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้แนวโน้มเงินเฟ้อและทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)

(+) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวก และปรับตัวขึ้นมากที่สุดในรอบ 6 สัปดาห์ โดยหุ้นกลุ่มกลาโหมนำตลาด ปรับตัวขึ้นจากแนวโน้มการใช้จ่ายด้านการทหารที่เพิ่มขึ้นในยุโรป เมื่อโดนัลด์ ทรัมป์ขึ้นมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ ขณะที่นักลงทุนรอดูการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญในสัปดาห์นี้

(0) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดผสม โดยนักลงทุนยังคงระมัดระวัง หลังดัชนี Dow Jones ปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดต่อเนื่อง จากผลการเลือกตั้งสหรัฐในสัปดาห์ที่ผ่านมา

(-) ค่าเงินบาท อ่อนค่า อยู่ที่บริเวณ 34.53 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ +0.86%

(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 2.34 ดอลลาร์ หรือ 3.32% ปิดที่ 68.04 ดอลลาร์/บาร์เรล เป็นการปรับตัวลงติดต่อกัน 2 วันทำการ เนื่องจากนักลงทุนยังคงผิดหวังกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนซึ่งเป็นประเทศที่ใช้น้ำมันมากเป็นอันดับสองของโลก รวมทั้งความกังวลเกี่ยวกับอุปทานน้ำมันที่มีแนวโน้มสูงขึ้นในปี 2568 ในขณะที่เช้านี้บวกอยู่ที่ระดับ 68.21 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ +0.25%

(-) ราคาทองคำ COMEX ลดลง 77.10 ดอลลาร์ หรือ 2.86% ปิดที่ 2,617.70 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยตลาดถูกกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ รวมทั้งการที่นักลงทุนกังวลว่าชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีของโดนัลด์ ทรัมป์ อาจส่งผลให้นโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เผชิญกับความไม่แน่นอน ในขณะที่เช้านี้บวกอยู่ที่ระดับ 2,629.50 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ +0.45%

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 871.97/ -0.56%

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

12 พ.ย.อังกฤษ: อัตราการว่างงาน
13 พ.ย.สหรัฐ: เงินเฟ้อ (ต.ค.)
14 พ.ย.สหรัฐ: Core PPI (ต.ค.)
15 พ.ย.จีน: Retail Sale (ต.ค.)

ญี่ปุ่น: GDP growth rate (3Q24)

สหรัฐ: Fed Chair Powell Speech

อังกฤษ: GDP growth rate (3Q24)

18 พ.ย.ไทย: GDP growth rate (3Q24)
- Advertisement -