ORN โชว์งบ Q3/67 โตสวนตลาดอสังหาฯ รายได้ 439.78 ล้านบาท โตแรง 115% กำไรพุ่ง 31.56%
ORN เผยงบไตรมาส 3 ปี 2567 กวาดรายได้ 439.78 ล้านบาท โตแรง 115% กำไรสุทธิ 56.65 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31.56 % ขณะที่งวด 9 เดือน ปี 2567 รายได้รวม 818.47 ล้านบาท กำไรสุทธิ 64.76 ล้านบาท โตสวนกระแสตลาดอสังหาฯ ชะลอ สะท้อนความสำเร็จกลยุทธ์พัฒนาโครงการตอบโจทย์ลูกค้าชาวไทย-ต่างชาติครอบคลุม ชูจุดเด่นทำเลศักยภาพ ราคาเข้าถึงได้ สอดคล้องกับความเจริญเมืองเชียงใหม่ ดันยอดโอนโตแรง หนุน Backlog แตะ 1,382 ล้านบาท มุ่งมั่นพัฒนาโครงการแนวราบ-แนวสูงตอบโจทย์ความต้องการทุกไลฟ์สไตล์ ยืนหยัดความเป็นผู้นำตลาดอสังหาฯ เชียงใหม่ ที่ต่างชาติและคนในพื้นที่ให้ความไว้ใจ ด้านโรงเรียนนานาชาติ Mill Hill International School Thailand คืบหน้าแล้วกว่า 50% พร้อมเปิดเรียน ก.ย. 2568
นายปรีดิกร บูรณุปกรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อรสิริน โฮลดิ้ง จํากัด (มหาชน) หรือ ORN เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2567 บริษัทมีรายได้รวม 439.78 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้ 204.51 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 235.27 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 115% และมีกำไรสุทธิ 56.65 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 43.05 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 31.56 %
ขณะที่ผลประกอบการงวด 9 เดือน ปี 2567 บริษัทมีรายได้รวม 818.47 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 64.76 ล้านบาท โดยผลประกอบการโดยรวมของบริษัทยังคงอยู่ในระดับที่ดีอย่างต่อเนื่อง มาจากยอดโอนกรรมสิทธิ์จากโครงการที่อยู่ระหว่างขาย แบ่งสัดส่วนเป็นโครงการแนวสูง จำนวน 490.49 ล้านบาท ได้แก่ โครงการ ดิแอสตร้า สกายริเวอร์,เดอะเน็กซ์ รวมโชค-ซิตี้ฮอลล์,อะไรซ์ มหิดล และโครงการแนวราบจำนวน 324.79 ล้านบาท ได้แก่ โครงการฮาบิแทท ซุปเปอร์ไฮเวย์,ฮาบิแทท วงแหวน-สันกำแพง,บีลีฟ วงแหวน-สันกำแพง,อรสิรินวิลล์ โชตนา,อรสิรินวิลล์ ท่ารั้ว ฯลฯ
ทั้งนี้ บริษัทมีต้นทุนการจัดจำหน่ายและบริหารเพิ่มขึ้น จากการเพิ่มช่องทางการขายโครงการบ้าน-คอนโด เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติ ซึ่งคาดว่าจะมียอดขายปรับตัวเพิ่มขึ้นอีก ในช่วงไตรมาส 4/2567
อย่างไรก็ตาม บริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) ณ วันที่ 30 กันยายน 2567 มูลค่ารวมประมาณ 1,382 ล้านบาท ซึ่งสามารถทยอยรับรู้รายได้เข้ามาเพิ่มในช่วงไตรมาส 4/2567 เป็นต้นไป
“บริษัทมีผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง สามารถสร้างยอดขายเพิ่มขึ้นสวนทางกับสภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ชะลอตัว สะท้อนถึงศักยภาพในการดำเนินงาน จากการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าชาวไทยและต่างชาติได้อย่างครอบคลุม ผ่านการเลือกทำเลที่ตั้งโครงการในจุดยุทธศาสตร์ที่เหมาะสม ราคาที่สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้หลากหลายระดับ ประกอบกับจังหวัดเชียงใหม่เป็นจังหวัดที่มีความพร้อมทางด้านเศรษฐกิจและ มีโอกาสการเติบโตได้มากในอนาคต ทำให้ชาวไทยและชาวต่างชาติที่ต้องการที่อยู่อาศัยระยะยาวและบ้านพักตากอากาศในเชียงใหม่ให้ความสนใจเพิ่มขึ้น ตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดอสังหาฯ เชียงใหม่ ที่ต่างชาติและคนในพื้นที่ให้ความไว้วางใจ” นายปรีดิกร กล่าว
ด้าน โรงเรียน Mill Hill International School Thailand อยู่ระหว่างจัดกิจกรรมแนะนำหลักสูตรการเรียนการสอน โดยมีกระแสตอบรับที่ดีจากกลุ่มผู้ปกครองชาวไทยและต่างชาติ ปัจจุบันดำเนินการก่อสร้างคืบหน้าแล้วกว่า 50% คาดการณ์ดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จภายในไตรมาส 1/2568 และเปิดดำเนินการได้ภายในเดือนกันยายน 2568