นายสง่า บุญสงเคราะห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โมชิ โมชิ รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ MOSHI

MOSHI” ประกาศงบงวด 9 เดือนปี 67 ผลงานนิวไฮ ทำรายได้ 2,076.47 ล้านบาท กำไรโต 23.8% เผยแนวโน้มโค้งสุดท้ายของปีโดดเด่น หลังเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นธุรกิจ มั่นใจรายได้ปีนี้เติบโต 20% ตามเป้า 

บมจ. โมชิ โมชิ รีเทล คอร์ปอเรชั่น’ หรือ MOSHI ตอกย้ำความเป็นผู้นำในธุรกิจร้านค้าปลีกสินค้าไลฟ์สไตล์รายใหญ่ของประเทศไทย เปิดผลงานไตรมาส 3/2567 ทำรายได้รวม 739.74 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 108.14 ล้านบาท หนุนผลงานงวด 9M/2567 นิวไฮ มีรายได้รวม2,076.47 ล้านบาท เติบโต 18.7% และกำไรสุทธิ 314.74 ล้านบาท เติบโต 23.8% งัด 2 กลยุทธ์ แก้ปัญหาสินค้าขาดสต็อก ยกทัพสินค้าใหม่หนุน SSSG เติบโต พร้อมมองแนวโน้มโค้งสุดท้ายของปีโดดเด่น หลังเข้าสู่ช่วงไฮซีซันธุรกิจ จัดเต็มสินค้าและกิจกรรมการตลาด และเตรียมเปิดสาขาใหม่เพิ่มเติมอีก 6 สาขา ผลักดันเป้าหมายรายได้ปีนี้เติบโต 20%

นายสง่า บุญสงเคราะห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โมชิ โมชิ รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (บริษัทฯ) หรือ MOSHI ผู้นำในธุรกิจร้านค้าปลีกสินค้าไลฟ์สไตล์รายใหญ่ของประเทศไทย เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2567 (กรกฎาคม-กันยายน) บริษัทฯ มีรายได้จากการดำเนินงาน 735.77 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้ 585.09 ล้านบาท นับว่าเป็นผลการดำเนินงานที่ทำได้สูงสุดเมื่อเทียบกับไตรมาสอื่นๆ ของปี แม้ว่าจะเป็นช่วง low season ของธุรกิจ โดยเป็นผลเติบโตจากการเพิ่มสินค้าใหม่ๆกว่า 3,000 รายการ รวมถึงการเพิ่มขึ้นของยอดขายสินค้าลิขสิทธิ์และความนิยมของผลิตภัณฑ์กล่องสุ่ม และการขยายสาขาใหม่อีก 8 สาขา นอกจากนี้ ยังเริ่มรับรู้รายได้จากการร่วมทุน (JV) เพื่อจัด Exhibition ของ Hello Kitty และ Sanrio Characters เข้ามาไตรมาสแรกคิดเป็นรายได้ไม่เกิน 1% ของยอดรายได้รวม ด้านกำไรสุทธิทำได้ 108.14 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29.8% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 83.30 ล้านบาท ซึ่งสามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง แม้จะมีผลกดดันจากการบันทึกขาดทุนจากการร่วมทุนJV ซึ่งเป็นรายการพิเศษในไตรมาส การร่วมทุนครั้งนี้ เป็นโครงการระยะสั้นที่มุ่งเน้นการศึกษาโอกาสทางธุรกิจใหม่และขยายฐานลูกค้าไปสู่กลุ่มคนวัยทำงานที่เป็นแฟนคลับ Hello Kitty ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าใหม่ที่มีศักยภาพ นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้ขยายระยะเวลาการจัดงานออกไปให้ครอบคลุมช่วงเทศกาลในปลายปี เพื่อช่วยดึงยอดขายในทั้งส่วนของ Ticketing, Merchandising และ Profit Sharing เป็นต้น

ขณะที่ผลการดำเนินงานในงวด 9 เดือนแรกของปี 2567 (มกราคม-กันยายน) บริษัทฯ มีรายได้รวม 2,076.47 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้รวม 1,749.75 ล้านบาท และสามารถทำกำไรสุทธิได้ 314.74 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 254.24 ล้านบาท แม้จะเข้าสู่ช่วง Low Season ของธุรกิจ แต่บริษัทฯ ยังสามารถรักษาผลประกอบการให้อยู่ในระดับที่ดี นับเป็นการทำผลงานทั้งรายได้และกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์ (New High) โดยสัดส่วนรายได้จากการขายในงวด 9 เดือนแรก ธุรกิจค้าปลีกอยู่ที่ 82.1% เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่รายได้ธุรกิจค้าส่งอยู่ที่ 16.0% ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามการขยายสาขาร้านค้าปลีกเพิ่มขึ้น และรายได้จากช่องทาง Online และช่องทางอื่นๆอยู่ที่ 1.9% เพิ่มขึ้นกว่า 200% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเติบโตหลักมาจากความสำเร็จในการขายสินค้าลิขสิทธิ์ โดยเฉพาะคอลเลกชัน K-pop ที่ได้รับความนิยมสูง

 สำหรับยอดขายจากสาขาเดิม (SSSG) ในไตรมาส 3/2567 มีอัตราเติบโตที่ดีถึง 5.7% โดยบริษัทมีการเปลี่ยนแปลงบรรยากาศและการตกแต่งภายในร้านให้สวยงามมากขึ้นและลูกค้ามีประสบการณ์ที่ดีในการช้อปมากขึ้น รวมไปถึงการเพิ่มสินค้ากลุ่ม High value เช่น น้ำหอม ก้านหอม และกล่อมสุ่ม Art toy ซึ่งได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดีจากกลุ่มลูกค้า นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้แก้ไขปัญหาสินค้าขาดสต็อก ส่งผลให้สถานการณ์กลับเข้าสู่ภาวะปกติตั้งแต่ช่วงเดือนกรกฎาคมเป็นต้น และเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาดังกล่าวอีกในอนาคต บริษัทฯ จึงได้ดำเนินการดังนี้ 1.) เพิ่มความใกล้ชิดในการทำงานร่วมกับผู้ผลิต เพื่อให้สามารถคาดการณ์และจัดการปัญหาได้อย่างรวดเร็ว และ 2.) ศึกษาและแสวงหาช่องทางเพิ่มเติมในการหาผู้ผลิตรายใหม่ เพื่อกระจายความเสี่ยงและเพิ่มความหลากหลายของแหล่งผลิตสินค้า

อย่างไรก็ตาม ถือเป็นการสะท้อนได้จากการเติบโตในช่วงที่ผ่านมา ที่บริษัทฯ สามารถออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งคอลเลกชันที่คอลแลปส์ร่วมกับศิลปินไทย Butterclub และโปรเจกต์คอลแลปส์ “Moshi Moshi x TEN & CANELE”โดยมีเป้าหมายในการขยายฐานลูกค้ากลุ่มแฟนคลับทั้งในไทยและต่างประเทศ ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามจากฐานลูกค้าเก่าและใหม่ โดย MOSHI ได้พัฒนาสินค้าให้มีความหลากหลายมากขึ้น และตอบโจทย์การใช้งานในปัจจุบัน พร้อมนำเสนอสินค้าไลฟ์สไตล์คุณภาพดีในราคาที่เข้าถึงได้ ผสานกับการออกแบบที่น่ารัก และโดดเด่น เป็นเอกลักษณ์แบบเฉพาะตัวในแบบฉบับของ Moshi Moshi

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MOSHI กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับแผนการตลาดในไตรมาส 4/67 ที่เข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจค้าปลีกสินค้าไลฟ์สไตล์ บริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นการขยายฐานลูกค้าใหม่ ผ่านช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ โดยเตรียมพร้อมสินค้าใหม่ไม่ต่ำกว่า 4 คอลเลกชันลิขสิทธิ์ เพื่อเพิ่มความหลากหลายภายในร้านโดยให้ความสำคัญกับความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก พร้อมจัดกิจกรรมการตลาดและการสื่อสารโดยมุ่งเน้นไปที่เทรนด์สมัยใหม่ ให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ นอกจากนี้ ยังมีการจัดแคมเปญส่งท้ายปีเพื่อกระตุ้นยอดขายและขยายฐานลูกค้าต่างชาติ โดยเตรียมจัดกิจกรรมรูปแบบใหม่ที่ยิ่งใหญ่ขึ้น สอดรับกับการเติบโตของบริษัทฯ และเพื่อสนับสนุนให้รายได้ปี 2567 เติบโต 20% ตามเป้าหมายที่วางไว้

ณ สิ้นไตรมาส 3/2567 บริษัทฯ มีสาขาค้าปลีกและค้าส่งที่เปิดดำเนินการแล้วทั้งสิ้น 158 สาขา แบ่งเป็น ร้านค้าปลีกแบรนด์ Moshi Moshi จำนวน 147 สาขา, ร้านค้าปลีกแบรนด์ Moshi Moshi รูปแบบ Standalone จำนวน 4 สาขา, ร้านค้าส่งแบรนด์ Moshi Moshi จำนวน 2 สาขา, ร้าน Garlic 3 สาขา, ร้านค้าส่ง Giant 1 สาขา และร้านค้าส่ง The OK Station 1 สาขา นอกเหนือจากนี้ ในช่วงที่เหลือของปี บริษัทฯ เตรียมเปิดสาขาใหม่เพิ่มเติมอีก 6 สาขา ในทำเลที่มีศักยภาพ เช่น Lotus จ.ยะลา, Big-C จ.ปัตตานี, Robinsonจ.ราชบุรี เป็นต้น รวมทั้งสาขา Standalone ในกรุงเทพอีก 1 แห่ง

- Advertisement -