บล.พาย:
TU: Thai Union Group PCL
กลยุทธ์ 2030 มุ่งรายได้ 7,000 ล้านเหรียญฯ
TU ประกาศแผนกลยุทธ์ในการมุ่งไปสู่ปี 2030 มีเป้าหมายเพื่อสร้าง (ETA) ที่ระดับ 7-800 ส้านเหรียญ จากแนวโน้ม ณ สิ้นปี 24 ที่ระดับ 3.9 พันล้านเหรียญฯ และ 400 ล้านเหรียญฯ ตามลำดับ โดยมี 2 โครงการ ได้แก่ โปรเจกส์โซน่าร์ ที่จะดำเนินการในกลุ่มบริษัท TU มุ่งเน้นการลดต้นทุนเพื่อสร้างรากฐานการเติบโตในระยะยาวและโปรเจกต์ เทลวินด์ ที่เน้นเรื่องการเติบโตด้านรายได้ในกลุ่มธุรกิจอาหาร สัตว์เลี้ยง การประกาศกลยุทธ์ครั้งนี้เรามองว่าถือเป็นความชัดเจนถึงภาพการเติบโตในอนาคตของบริษัท ทำให้เรายังคงแนะนำ “ซื้อ” เช่นเดิม
ประกาศกลยุทธ์ปี 2030 Turning the Tides
- วานนี้ (11 พ.ย.24) TU มีการประกาศถึงกลยุทธ์มุ่งสู่ปี 2030 เพื่อแสดงภาพความชัดเจนของการขยายธุรกิจในอนาคต โดยมองว่าปัจจุบันโลกมีความเปลี่ยนแปลงค่อนข้างมาก ทั้งในเชิงภูมิรัฐศาสตร์และความต้องการของผู้บริโภค รวมถึงการมองหาโอกาสใหม่ๆจากท้องทะเล เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมาย การมีสุขภาพที่ดี และท้องทะเลที่อุดมสมบูรณ์ โดยผ่านการดำเนินการ 2 โปรเจกต์ ได้แก่
- โปรเจกต์โซนาร์ (Project Sonar) มีระยะเวลา 2 ปี เป็นการสร้างฐานการเติบโตในระยะยาวผ่านการปรับปรุงโครงสร้างในด้านการจัดซื้อการผลิตและการปรับเปลี่ยนเข้าสู่ดิจิทัล โดยเมื่อดำเนินการเสร็จสิ้นในปี 26 จะลดต้นทุนเฉลี่ยลงได้ปีละกว่า 75 ล้านเหรียญฯ
- โปรเจกต์ เทลวินด์ (Project Tailwind) มีระยะเวลา 3 ปีเป็นการปรับปรุงเพื่อสร้างการเติบโตของธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง ที่จะเน้น ทั้งการหาตลาดใหม่ การเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตและการจัดซื้อ มีเป้าหมายเพิ่มกำไรจากการดำเนินงานปีละ 50 ล้านเหรียญฯ
- เป้าหมายสำคัญของ 2 กลยุทธ์คือเมื่อเทียบกับปี 24 คือ
1.รายได้ที่ระดับ 7,000 ล้านเหรียญฯ แบ่งเป็นการเติบโตจากธุรกิจเดิมประมาณ 6,000 ล้านเหรียญฯ และการเข้าซื้อกิจการ (M&A) อีกประมาณ 1,000 ล้านเหรียญฯ (ทั้งจาก TU และ ITC) จากประมาณ 3,900 ล้านเหรียญฯ
2.การเพิ่มสัดส่วนยอดขายธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงและธุรกิจผลิตภัณฑ์เพิ่มมูลค่าเป็น 25-30% จาก 15%
3.เพิ่มกำไรขั้นต้นเป็น 21-23% จาก 19% 4. กำไรจากการดำเนินงานที่ 8%จาก 5.6% และกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) 7-800 ล้านเหรียญฯ จากสิ้นปี 24 ที่ประมาณ 400 ล้านเหรียญฯ
เป้าหมายท้าทาย ถ้าทำได้จะเห็นการเติบโตอย่างมาก
เป้าหมายการเติบโตดังกลาวถ้าดูในส่วนของรายได้ จากธุรกิจปัจจุบันจะเป็นการเติบโตเฉลี่ยปีละ 7% เรามองว่าเป็นความท้าทายมากเพราะการเติบโตในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา (13-23) ส่วนใหญ่การเติบโตจะน้อยกว่า 7% โดยการเติบโตสูงสุดอยู่ที่ระดับ 10% (ปี 22) อย่างไรก็ตาม ด้วยแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงที่ยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก ทำให้เป้าการเติบโตดังกล่าวยังมีความเป็นไปได้อยู่ ซึ่งหากทำได้จะทำให้ผลประกอบการของ TU เติบโตได้อย่างมากจากปัจจุบัน สำหรับค่าใช้จ่ายคาดว่าจะเข้ามาเพิ่มไตรมาสละประมาณ 5 ล้านเหรียญฯ เริ่มเห็นตั้งแต่ 3Q24 ที่ผ่านมา (รวมทั้งโครงการประมาณ 60 ล้านเหรียญฯ)
คงคำแนะนำ “ซื้อ” เช่นเดิม
จากแผนดังกล่าวเรามองว่า TU ยังมีศักยภาพในการเติบโตได้อย่างมากเราจึงยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” เช่นเดิม และประเมินมูลค่าพื้นฐานที่ 17.3 บาท (16XPER’24E)