บล.พาย:
BBIK: Bluebik Group PCL
กำไรทำจุดสูงสุดใหม่อีกครั้ง
เราคงคำแนะนำ “ถือ”ที่มูลค่าพื้นฐาน 46 บาท (จาก 44 บาท) จากการ roll over ราคาเป้าหมายไปปี 25 BBIK คาดแนวโน้ม AI และ Cloud ช่วยหนุนงานในระยะ 3 – 5 ปีข้างหน้า โดยปี 25 บริษัทคาดการณ์รายได้เติบโต 25-30%YoY เทียบกับประมาณการของเราที่เติบโต 18%YoY เรายังคงมีมุมมองในเชิงอนุรักษ์นิยม เนื่องจาก BBIK เน้นเพิ่มประสิทธิภาพของพนักงาน ฝั่ง ORBIT ยังมีโอกาสได้รับงานต่อเนื่องจากเครือ OR ส่วนผลประกอบการงวด 4Q24E คาดว่าเติบโตทั้ง +%YoY และ +%QoQ ทำ จุดสูงสุดใหม่ เนื่องจากปัจจัยฤดูกาลและ Backlog ที่ยังทรงตัวในระดับสูง ณ ระดับราคาปัจจุบัน เทียบเท่ากับ 23.5xPE’25E หรือคิดเป็นที่ PEG 0.98 เท่า เทียบกับการเติบโตของกำไรเฉลี่ย (CAGR) 2 ปีข้างหน้าที่ 23%
การประชุมนักวิเคราะห์
- BBIK คาดว่า กระแส AI และ Cloud computing ช่วยหนุนงานใหม่ในช่วง 3-5 ปีข้างหน้า โดยมีงานที่เกี่ยวข้องกับ AI ถึง 50% (โดยปัจจุบัน มีงานที่เกี่ยวข้องกับ AI ประมาณ 20% ของรายได้)
- BBIK คาดการณ์รายได้เติบโต 25 – 30% ในปี 2025E เทียบกับประมาณการของเราที่ +18%YoY เรายังคงมีมุมมองในเชิงอนุรักษ์นิยม เนื่องจากจำนวนบุคลากรในอุตสาหกรรมมีจำกัด
- ORBIT ยังมีโอกาสได้รับงานต่อเนื่อง จากกลุ่มธุรกิจ EV, และระบบ CRM ต่างๆ ของเครือ OR (Backlog ของ JV มักจะเพิ่มขึ้นช่วงไตรมาส 4 หรือ 1หลัจากมีการอนุมัติงบประมาณประจำปีของบริษัท)
- ให้ความสำคัญการเติบโตจากเพิ่มประสิทธิภาพของพนักงานเป็นหลักคงประมาณการกำไรปี 24/25E ยังคงมีมุมมองเชิงบวกในระยะยาว
- โดยเรายังคงประมาณการกำไรในปี 24/25 ที่ 296 ล้านบาท (+9%YoY) และ 375 ล้านบาท (+27%) ตามลำดับ โดยกำไร 9M24 ที่ 198 ล้านบาท หรือคิดเป็น 67% ของประมาณการกำไรของเรา
- แนวโน้มไตรมาสถัดไป คาดว่ากำไรจะทำจุดสูงสุดใหม่ เนื่องจาก 1.เข้าสู่ฤดูกาลส่งมอบงานใน 2H24 2.ปริมาณของ backlog ที่อยู่ระดับสูงงวด 3Q24 ที่ 1.2 พันล้านบาท หากคิดเฉพาะ Backlog ที่คาดว่าจะรับรู้ในปี 24 อยู่ที่ 499 ล้านบาท (+24%YoY) เป็นปัจจัยหนุนการรับรู้รายได้ ติดตามตัวเลข backlog ในระยะถัดไป เพื่อประเมินผลประกอบการ
- เรายังคงมีมุมมองเชิงบวกในระยะยาว เนื่องจากเป็นธุรกิจที่อยู่ใน Digital Transformation Trend ยังคงเติบโตต่อเนื่อง Mordor intelligence คาดไทยเติบโตเฉลี่ย (CAGR) 8% จนถึงปี 2029 และ BBIK มีความสามารถในการแข่งขันที่จะช่วยหนุนการเติบโต จากประวัติการทำงานและความชำนาญ ที่มากขึ้นในอุตสาหกรรม
คงคำแนะนำ “ถือ”
ที่มูลค่าพื้นฐาน 46.00 บาทต่อหุ้น คำนวณด้วย วิธีคิดลดกระแสเงินสด (DCF) ด้วย WACC: 11.9%, TG: 5% เทียบเท่ากับ 23.5xPE’25E หรือคิดเป็นที่ PEG 0.98 เท่า เทียบกับการเติบโตของกำไรเฉลี่ย (CAGR) 2 ปีข้างหน้าที่ 23%
Sensitivity analysis
- รายได้ปี 2025 เติบโต 18% > ราคาเป้าหมาย 46 บาท (สมมุติฐานเรา)
- รายได้ปี 2025 เติบโต 25% -> ราคาเป้าหมาย 48.5 บาท
- รายได้ปี 2025 เติบโต 30% -→ ราคาเป้าหมาย 51 บาท