Daily Focus: ไม่หลุดแนวรับ 1,440+- จุด ภาพรวมยังไม่เป็นลบ
2025 SET Target: 1600
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ฟื้นตัวขึ้นผิดจากที่เราคาดว่าจะซึมตัวลงต่อ ดัชนีปิดบวกครั้งแรกในรอบ 4 วันทำการ 6.40 จุด ที่ระดับ 1,451.47 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.5 หมื่นลบ. และยังยืนเหนือแนวรับหลักระยะสั้นบริเวณ 1,440 จุดได้ ตลาดได้แรงหนุนจากการปรับขึ้นของกลุ่มการแพทย์ อิเล็กทรอนิกส์ ไฟแนนซ์ อาหาร เป็นต้น ส่วนกลุ่มที่ถ่วง คือ ปิโตรเคมี พลังงานสถาบันในประเทศยังขายสุทธิในตลาดหุ้นบางๆ 41 ลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 166 ลบ. (แต่พลิกมา Long Index Futures หนาแน่น 1 หมื่นสัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index จะยังคงแกว่งตัว Sideways to Sideways Up ลุ้น ฟื้นตัวระยะสั้นหลังไม่หลุดแนวรับ 1,440+- จุด ขณะที่บรรยากาศการลงทุนแม้จะยังไม่มีปัจจัยบวกอย่างชัดเจน แต่เริ่มผ่อนคลายขึ้นบ้างหลังจากตอบรับผลการเลือกตั้งสหรัฐฯในช่วงกว่าสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่วนตัวเลขเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯเมื่อคืนออกมาตามคาด ทำให้ตลาดยังคาดหวัง ว่า FED จะยังลดดอกเบี้ยได้อีกค 25 bps ลงมาที่ 4.25-4.50% ในเดือน ธ.ค. ด้วยความน่าจะเป็นราว 80% ส่วนปัจจัยในประเทศ หลังจากมีปัจจัยลบจากภาพรวมกำไรบจ. 3Q24 ที่ต่ำกว่าคาด โดยเฉพาะกลุ่ม Global-Related Sector เช่น พลังงาน ปิโตรเคมี เป็นตัน แต่กลุ่ม Domestic หลักๆ อย่าง ค้าปลีก อาหาร การแพทย์ โดยรวมถือว่าภาพรวมยังทำได้ดี ทำให้เราเชื่อว่าตลาดจะเริ่มคลายกังวลกับประเด็นดังกล่าวบ้าง หลังจากตอบรับเชิงลบต่อการทยอยปรับลดประมาณการ EPS ปี 2024-25 ลงราว 3-4% จากช่วง 2 สัปดาห์ก่อนไปพอสมควรแล้ว เราคาดตลาดจะรอดูทรัมป์ว่าจะ Implement นโยบายตามที่หาเสียงได้มากน้อยและรวดเร็วเพียงใด ส่วนปัจจัยในประเทศลุ้นครม.กระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม โดยจะประชุมวันที่ 19 พ.ย. นี้ หนุนภาพรวมเศรษฐกิจทยอยฟื้นตัว 4Q24-2025 รวมถึงโอกาสที่อาจเห็นกนง.ลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมในปีหน้า ซึ่งจะเป็น Upside โดยยังให้ SET Target ปี 2025 ที่ 1,600 จุด ขณะที่ Downside คาดว่ายัง ถูกจำกัดจากเม็ดเงินลงทุนของกองทุนวายุภักษ์ 1
กลยุทธ์ : เลือกหุ้นที่คาดแนวโน้มกำไร 3Q24 แข็งแกร่ง // ส่วนที่สะสมในช่วงก่อนหน้ายังถือลงทุนต่อเนื่องระยะกลาง-ยาว
หุ้นเด่นเดือน พ.ย. : MAGURO, MTC, OSP, SFLEX, VIH
FSSIA Portfolio : AOT, CHG, CPALL, CPN, ITC, KCG, KTB, MTC, NSL, SFLEX, SHR
หุ้นเด่น Finansia 14 พ.ย. 24 : CPALL
- แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายปี 2025 ที่ 83 บาท
- CPALL รายงานกำไรสุทธิ 5.6 พันลบ. -10% q-q, +27% y-y หากไม่รวมรายการค่าใช้จ่ายครั้งเดียว จะมีกำไรปกติ 6.2 พันลบ. +1% q-q, +45% y-y ดีกว่าเราคาด 5% และตลาดคาด 9% หนุนจากทั้งยอดขายและ GPM ที่สูงขึ้นของทั้ง 3 ธุรกิจ
- กำไรปกติ 9M24 คิดเป็น 75% ของประมาณการทั้งปี ซึ่งอาจทำให้ประมาณการปี 2024 ที่ 2.45 หมื่นลบ. +35% มี Upside เล็กน้อย แนวโน้ม SSSG 4QTD ยังเป็นบวกได้ 1-3% ราคาหุ้นที่ชะลอตัวในช่วงก่อนหน้าเป็นจังหวะในการเข้าลงทุน
- แนวรับ 62.50//61 บาท แนวต้าน 64-64.50//65.25 บาท
Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนโดยรวมยังคงไหลออกจากภูมิภาคสุทธิหนาแน่นต่อเนื่องอีก US$1,868 ล้าน ยังคงสูงสุดที่ไต้หวัน US$1,350 ล้าน ตามด้วยเกาหลีใต้ US$451 ส่วนอาเซียนเม็ดเงินไหลออกสูงสุดที่อินโดนีเซีย US$44 ล้าน และมีเพียงไทยที่ยังเห็นการไหลเข้าบางๆ US$5 ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่ายังค่อนไปในทิศทางไหลออกแต่เบาบางลงภาพรวม Dollar Index และ Bond Yield ที่ยังขยับขึ้นยังกดดันตลาดหุ้นเอเชีย
ประเด็นสำคัญวันนี้
(+) SFLEX กำไร 3Q24 น่าประทับใจ ทำ new high 76 ลบ. ตามคาด +17% q-q, +57% y-y แม้กำไรจะตามคาด แต่อัตรากำไรขันต้นดีกว่าคาดอย่างน่าประทับใจ กำไรที่ดีมาจากอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงที่สุดในรอบกว่า 6 ปีที่ 26.1% และบ.ร่วมในเวียดนามทำผลงานได้ดีมากแนวโน้ม 4Q24 สดใส ประมาณการของเรามี upside ราว 10% ราคาเป้าหมาย 5.10 บาท ยังแนะนำ “ซื้อ”
(+) CRC กำไรปกติที่ 1.76 พันลบ. +9% q-q, +33% y-y ดีกว่าที่เราคาด 22% จาก GPM และรายได้อื่นที่ดีกว่าคาด กำไรปกติ 9M24 คิดเป็น 69% ของประมาณการทั้งปี เรายังคงประมาณการกำไรปกติ 2024 +8% y-y จาก 4Q24 ที่จะเข้าสู่ช่วง High season แนวโน้ม SSSG 4QTD ยังติดลบ 1-2% แต่ขึ้น -3% ใน 3Q24 คงประมาณการและราคาเป้าหมาย 42 บาท ยังแนะนำ “ซื้อ”
(+) MAGURO กำไรสุทธิ 3Q24 ที่ 29 ลบ. +127% q-q, +54% y-y ดีกว่าคาดมาก มาจากรายได้และอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีกว่าคาด รายได้รวมทำนิวไฮ SSSG พลิกเป็นบวก 0.5% แนวโน้มกำไร 4Q24 จะเร่งขึ้นต่อจาก high season, รับรู้สาขาที่เปิดใหม่ เราอยู่ระหว่างปรับเพิ่มประมาณการกำไร ราคาเป้าหมายปัจจุบัน 22 บาท ยังแนะนำ “ซื้อ”
(0) OSP ขาดทุนสุทธิ 3Q24 ที่ 361 ลบ. หากไม่รวมรายการพิเศษจะมีกำไรปกติ 672 ลบ. -27% q-q, +20% y-y ดีกว่าคาด 8% แต่โดยรวมไม่ได้สดใสนัก กำไรปกติ 9M24 +53% y-y คิดเป็น 82% ของประมาณการทั้งปี ทั้งนี้อยู่ระหว่างการติดตามแผนการพลิกฟื้น market share คาดหวังกลับมาฟื้นตั้งแต่ พ.ย. เป็นต้นไป
(0) MASTER กำไรสุทธิ 3Q24 ที่ 109 ลบ. +25% q-q, +9.6% y-y ต่ำกว่าคาด 8% มาจากอัตรากำไรขั้นต้นที่ต่ำกว่าคาดและภาษีที่สูงกว่าคาด ส่วนรายได้และส่วนแบ่งกำไรฟื้นตัวดี แนวโน้มกำไร 4Q24 จะเติบโตต่อเนื่อง และจะเป็นจุดสูงสุดของปีนี้ จากช่วง Peak season
(0) KCG กำไรสุทธิ 3Q24 ที่ 77 ลบ. -19% q-q, +39% y-y หนุนจากรายได้เพิ่มขึ้นหลังผ่าน low season ใน Q2 แต่อัตรากำไรขันต้นถูกกดดันจากต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับขึ้นตามคาด แนวโน้มกำไร 4Q24 จะเร่งขึ้นจากช่วง Festive Season คงประมาณการและราคาเป้าหมาย 13 บาท ยังแนะนำ “ซื้อ”
(0) SAWAD กำไรสุทธิ 3024 ที่ 1,301 ลบ. -6% y-y, +9% q-q ตามตลาดคาด คุณภาพสินทรัพย์โดยรวมทรงตัวจาก NPL, ratio ที่ขึ้นเล็กน้อย การตั้งสำร่องใกล้เคียงเดิม รวมถึงผลขาดทุนรถยุดที่น่าจะน้อยลง ขณะที่ NIM ลดลง และสินเชื่อหดตัว รวมถึงความระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อใหม่ ทำให้ขาดปัจจัยกระตุ้นในช่วงสั้นๆ คงประมาณการและราคาเป้าหมาย 37บาท ยังแนะนำ “ถือ”
(-) HANA กำไรปกติ 3Q24 ที่ 52 ลบ. -89% q-q, -92% y-y ต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ต่ำกว่าคาดมาก อัตรากำไรขั้นตันลดลงต่ำสุดในรอบ 12 ปี แนวโน้มกำไร 4Q24 น่าจะดีขึ้น หลังค่าเงินบาทผันผวนน้อยลงและอัตรากำไรขันต้นจะกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง ขณะที่ภาพรวมคำสั่งซื้อ น่าจะกลับมาฟื้นในปี 2025 เราอยู่ระหว่างทบทวนประมาณการ หลังได้รับข้อมูลเพิ่มเติมจากผู้บริหาร
(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 47.21 จุด หรือ +0.11% ปิดที่ 43,958.19 จุดหลังสหรัฐฯ เปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ที่สอดคล้องกับการคาดการณ์ ซึ่งทำให้นักลงทุนมีความมั่นใจมากขึ้นว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลด อัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า
(-) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลบ โดยดัชนี STOXX 600 ปิดที่ระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือนหลังถูกกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ แม้หุ้นกลุ่มพลังงานบวก ขึ้นก็ตาม ขณะที่นักลงทุนยังคงมุ่งความสนใจไปที่การเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ซึ่งอาจเปลี่ยนแปลงการคาดการณ์เกี่ยวกับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)
(0) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดผสม หลังรายงานเงินเฟ้อสหรัฐฯ ที่ออกมาตามคาด หนุนความคาดหวังในการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดต่อไป
(-) ค่าเงินบาทอ่อนค่า อยู่ที่บริเวณ 34.89 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ +0.16%
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 31 เซนต์ หรือ 0.46% ปิดที่ 68.43 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยได้ปัจจัยหนุนจากแรงซื้อเพื่อชดเชยการขายชอร์ต (short covering) หลังจากราคาน้ำมันเคลื่อนไหวที่ระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 2 สัปดาห์ใน วันอังคารที่ผ่านมา อันเนื่องมาจากการที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ปรับลดคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันโลกทั้งในในปีนี้และปีหน้า ในขณะที่เช้านี้ลบอยู่ที่ระดับ 68.26 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ -0.25%
(-) ราคาทองคำ COMEX ลดลง 19.80 ดอลลาร์ หรือ 0.76% ปิดที่ 2,586.50 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นการปิดในแดนลบติดต่อกันวันที่ 4 เนื่องจากแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์และการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรยังคงเป็นปัจจัยฉุดตลาด ในขณะที่เช้านี้ลบอยู่ที่ระดับ 2,576.80 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ -0.38%
SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 868.52/ -0.23%
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
14 พ.ย. | สหรัฐ: Core PPI (ต.ค.) |
15 พ.ย. | จีน: Retail Sale (ต.ค.) ญี่ปุ่น: GDP growth rate (3Q24) สหรัฐ: Fed Chair Powell Speech อังกฤษ: GDP growth rate (3Q24) |
18 พ.ย. | ไทย: GDP growth rate (3Q24) |
19 พ.ย. | แคนนาดา: เงินเฟ้อ (ต.ค.) |
20 พ.ย. | อังกฤษ: เงินเฟ้อ (ต.ค.) จีน: Loan Prime rate 1y |