คุณเอกฤกษ์ แสงเสรีดำรง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท มากุโระ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MAGURO

“MAGURO” โตไม่หยุด งบไตรมาส 3 ทำสถิติสูงสุด รายได้พุ่ง 33% และกำไรโต 54% รับอานิสงส์ร้านฮิโตริกวาดรายได้ไตรมาสนี้ 105 ลบ. ปีนี้ขยายแรง เปิดร้านเพิ่มเกินเป้า รวมทั้งปี 38 ร้าน มั่นใจรายได้โต 30% ตามเป้า 

  • เดือนหน้าเปิด 2 แบรนด์ใหม่ อาโอกิ ทงคัตสึจากญี่ปุ่น กระแสตอบรับแรง และร้านสไตล์ All Day Dining รองรับกลุ่มลูกค้าพรีเมียมแมส
  • ย้ำฐานลูกค้าสมาชิกเหนียวแน่น 210,000 ราย

“MAGURO” ผู้นำร้านอาหารสไตล์ญี่ปุ่นและเกาหลีระดับพรีเมียม-แมส เปิดงบโชว์ผลงานไตรมาส 3/2567 ทำสถิติสูงสุดตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท กวาดรายได้ 355.7 ล้านบาท พุ่ง 33% Y-o-Y และ 11% Q-o-Q และกำไรสุทธิทำสถิติแรงไม่แพ้กัน 29 ล้านบาท โต 127% Q-o-Q และ 54% Y-o-Y ขณะที่ในช่วง 9 เดือนแรก บริษัทฯกวาด รายได้ 974 ล้านบาท โต 27% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน หลังขยายร้านเกินเป้าเป็น 13 ร้าน รวมเป็น 32 ร้าน พร้อมเตรียมต้อนรับแบรนด์น้องใหม่อาโอกิทงคัตสึจากญี่ปุ่นปลายปีนี้ พร้อมจ่อเปิดร้านอาหารรูปแบบใหม่รับ อานิสงส์ดีมานด์พุ่ง ด้าน “เอกฤกษ์ แสงเสรีดำรง” ซีอีโอ เผยบริษัทฯ เดินตามหลักปรัชญา “Give More” ให้มากกว่าที่ขอ มั่นใจรายได้ปีนี้เติบโตตามเป้า 30%

คุณอกฤกษ์ แสงเสรีดำรง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท มากุโระ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MAGURO เปิดเผยว่า “ผลการดำเนินงานของ MAGURO ในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้รายได้รวมอยู่ที่

355.7 ล้านบาท เติบโต 33% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนและเพิ่มขึ้น 11% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ และ ขณะที่งบ 9 เดือนแรกของปี 2567 มีรายได้รวมที่ 976 ลบ. ขยายตัว 27% มากกว่ารายได้รวมใน 9 เดือนแรกของ ปีก่อน โดยรายได้ที่เพิ่มขึ้นมาจากสาขาที่เปิดใหม่  7 สาขา ด้านกำไรสุทธิในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้อยู่ที่ 29 ล้านบาท เติบโต 127% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ปีก่อน และกำไรสุทธิ 9 เดือนแรก เติบโต 6.2% เป็น 62 ล้านบาท โดยการ เติบโตดังกล่าว บริษัทฯได้รับอานิสงส์จากแผนการขยายสาขาอย่างต่อเนื่องตามแผนที่วางไว้แต่เดิมอยู่แล้ว เพื่อ พัฒนาศักยภาพร้านอาหารให้ตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าอย่างดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มลูกค้าเดิม หรือ กลุ่มลูกค้าใหม่ที่เพิ่งเข้ามาใช้บริการ ด้วยคอนเซ็ปต์ ‘Give More Culture’ หรือ ‘การให้มากกว่าที่ขอ’ ที่เราใช้ ในการบริหารธุรกิจมาโดยตลอด”

โดยตั้งแต่เริ่มต้นปี 2567 บริษัทฯ ได้เดินหน้าขยายร้านอาหารเพิ่มแล้ว 11 ร้าน (ครึ่งปีแรกเปิด 2 ร้าน) และ มั่นใจว่าจะสามารถเปิดสาขาได้มากกว่าเป้ารวมที่ตั้งไว้เป็น 13 ร้าน เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าระดับ พรีเมียม และพรีเมียม-แมส ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ทำให้สิ้นปีนี้ Maguro จะมีเครือข่ายทั้งหมด 38 สาขา ภายใต้ 5 แบรนด์

คุณจักรกฤติ สายสมบูรณ์ กรรมการบริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง MAGURO กล่าวว่า “นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเตรียมเปิดบริการร้าน อาโอกิ ทงคัตสึ (Aoki Tonkatsu) ร้านอาหารหมูทอดระดับพรีเมียมยอดนิยมจากญี่ปุ่น ในเดือนธันวาคมนี้ ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิร์ลอีกด้วย ซึ่งคาดว่าจะได้รับการต้อนรับจากอบอุ่นจากทั้งกลุ่มลูกค้าเดิม สมาชิกของมากุโระและลูกค้าใหม่ที่ชอบทานทงคัตสึ นอกจากนี้ในเดือนหน้า MAGURO จะเปิดร้านอาหารรูปแบบ ใหม่สไตล์ All-Day Dining ซึ่งกำลังได้รับความนิยมในกลุ่มลูกค้าพรีเมียม และ พรีเมียม-แมส ที่โครงการ The Flavorhood เพื่อรองรับความต้องการจากลูกค้าที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ล่าสุด MAGURO ได้เปิดตัวโครงการ The Flavorhood ตั้งอยู่บนประดิษฐ์มนูธรรม บนพื้นที่ 2 ไร่ ที่ประกอบไปด้วย 3 ร้านอาหารในเครือ MAGURO ที่มีการตกแต่งผสมผสานระหว่างความร่วมสมัย แต่ยังคง กลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่น รวมถึงสวนในโครงการที่มีทั้งรูปแบบ Japanese Garden และ Modern Tropical Garden อีกทั้งยังมีความตั้งใจให้โครงการนี้เป็นการต่อยอดแนวทางด้านความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม โดยมีแผน การติดตั้งจุดชาร์จ EV Charger และ Solar Roof ภายในโครงการ รวมถึงจุดรีไซเคิลขยะพลาสติก และการแยกขยะ อย่างเป็นระบบอีกด้วย

ปัจจุบัน MAGURO Group มีร้านอาหารในเครือ รวมทั้งหมด 35 ร้านจาก 3 แบรนด์ คือ 1.) MAGURO ร้านอาหารญี่ปุ่นและซูชิสไตล์ระดับพรีเมียม 18 ร้าน 2.) SSAMTHING TOGETHER ร้านปิ้งย่างสไตล์เกาหลี วัตถุดิบพรีเมียม 6 ร้าน 3.) HITORI SHABU ร้านชาบูและสุกียากี้ หม้อเดี่ยวสไตล์คันไซ 11 ร้าน รวมถึงรูปแบบ Specialty เรื่อง Suki ภายใต้ชื่อแบรนด์ HITORI SUKIYAKI ร้านสุกียากี้คันไซแบบดั้งเดิมใน รูปแบบ Authentic Japanese Sukiyaki Course ในรูปแบบ Stand Alone ซึ่งเปิดสาขาแรกที่เอกมัย 12 ไป เมื่อกลางเดือน กรกฎาคมที่ผ่านมา

- Advertisement -