NOBLE เผยโฉม นิว คอร์ คูคต สเตชันคอนโดมิเนียมพร้อมเข้าอยู่ โชว์ยอดขาย 90% ดีมานด์ปล่อยเช่าพุ่ง ดัน Yield สูงถึง 6.5% ตอกย้ำทำเลติดรถไฟฟ้าคูคตกระแสแรงต่อเนื่อง

NOBLE ตอกย้ำภาพความศิวิไลซ์ใจกลางคูคตมหานครเปิดบ้าน นิว คอร์ คูคต สเตชัน คอนโดมิเนียมพร้อมเข้าอยู่เป็นครั้งแรก หลังโกยยอดขายกว่า 90% ก่อนสร้างเสร็จ ชูจุดเด่นคอนโดฯ ห้องหน้ากว้าง ตกแต่งครบแบบ
Fully Furnished ทำเลติดรถไฟฟ้าสถานีคูคต และ Lifestyle Mall ตอบโจทย์ทั้งผู้ซื้อเพื่ออยู่อาศัยและซื้อเพื่อลงทุน  เผยกระแสความต้องการเช่าพุ่ง ดันอัตราผลตอบแทนสูงถึง 6.5% ต่อปี เตรียมต่อยอดความสำเร็จ วางแผนเปิดโครงการใหม่ ช่วงต้นปี 2568 รับ Demand ที่มีมาอย่างต่อเนื่องสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ในการเปลี่ยนย่านคูคต ให้เป็น ย่านคูลโคตรศูนย์กลางไลฟ์สไตล์ และที่อยู่อาศัยในโซนกรุงเทพฯ ตอนเหนืออย่างแท้จริง

นางอรนุช อิติโกศิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานพัฒนาธุรกิจ บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOBLE เปิดเผยว่า  โครงการ Nue Core Khu Khot Station (นิว คอร์ คูคต สเตชัน)เป็นคอนโดมิเนียมโครงการที่ 2 ที่พัฒนาบนที่ดินขนาด 51 ไร่ ติดรถไฟฟ้าสถานีคูคต ภายใต้การร่วมทุนระหว่าง NOBLE กับกลุ่มธนูลักษณ์ (TNLA) โดยมีแนวคิดในการพัฒนาพื้นที่ดังกล่าวด้วยแนวคิด  “TOD” (Transit  Oriented Development) ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนเมืองที่เน้นการเดินทางสะดวก ผสมผสานกับพื้นที่พักอาศัย และพื้นที่ไลฟ์สไตล์อย่างครบวงจร  โดยโครงการเปิดตัวครั้งแรกในไตรมาสแรกของปี 2566 หลังจากประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูงจากโครงการแรก Nue Cross Khu Khot Station (นิว ครอส คูคต สเตชัน) ที่เปิดตัวในช่วงกลางปี 2565

Nue Core Khu Khot Station มีความโดดเด่นในเรื่องของทำเลที่ตั้ง ซึ่งถือว่าเป็นใจกลาง “คูคตมหานคร” เพราะใกล้กับ Lifestyle Mall ที่กำลังจะเปิดตัวในช่วงต้นปีหน้า รวมถึงมีระยะห่างจากสถานีรถไฟฟ้าคูคตเพียง 200 เมตรเท่านั้น

ในส่วนของห้องชุดก็มีความหลากหลาย ตอบโจทย์ครอบคลุมทั้งผู้ที่มองหาพื้นที่อยู่อาศัยในราคาเอื้อมถึง รวมถึงมีห้องชุดที่เป็น Rare Item แบบห้อง Duplex 2 ชั้น ที่ให้ความรู้สึกเสมือนได้อยู่ในบ้านที่มีสเปซรองรับการใช้ชีวิตเพียงพอ นอกจากนี้ยังมีห้อง Pool Access และ Garden Access ที่สามารถเปิดประตูห้องออกไปยังสระว่ายน้ำหรือสวนส่วนกลางได้ทันที โดยจุดเด่นของแบรนด์ Nue คือ ห้องหน้ากว้าง ตกแต่งครบแบบ Fully Furnished ตอบโจทย์ทั้งอาศัยเองและซื้อเพื่อลงทุน

โครงการถูกพัฒนาจากแนวคิดของการสร้างความต่อเนื่อง  (Continue) ระหว่างพื้นที่พักอาศัยกับธรรมชาติ และสิ่งอำนวยความสะดวกให้กลมกลืนกันอย่างลงตัว โดยออกแบบพื้นที่ส่วนกลางให้เป็น Open Space ใจกลางโครงการ มี Court โอบล้อมด้วยอาคารทั้ง 6 อาคาร ทำให้ผู้อยู่อาศัยเข้าถึงส่วนกลางได้ง่าย แบ่งเป็น 3 โซน ได้แก่ 1.The Core Forest พื้นที่สีเขียว เพิ่มความผ่อนคลาย, 2.The Core Lagoon สระว่ายน้ำดีไซน์ Landscape สวยงามยาวตลอดอาคาร และ 3.The Core Terrain สนุกกับสวนเล่นระดับเพื่อการพบปะสังสรรค์

โดยกลุ่มลูกค้าหลักจะเป็นผู้อยู่อาศัยในย่านคูคต–ลำลูกกา-สายไหม ที่ใช้รถไฟฟ้าในการเดินทางไปยังสถานที่ทำงานหรือสถานศึกษา ต้องการความสะดวกสบายหลีกหนีปัญหารถติดในช่วงเวลาเร่งด่วน ส่วนใหญ่จึงเป็นการซื้อเพื่อพักอาศัยและเก็บเป็นสินทรัพย์มีสัดส่วนประมาณ 60% และรองลงมาคือกลุ่มนักลงทุนที่ซื้อเพื่อปล่อยเช่าประมาณ 40% โดยมองว่าหลังจากที่โครงการทั้ง 2 แล้วเสร็จ จะเห็นเทรนด์ของการหาคอนโดฯ ให้เช่าติดรถไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นสูงตามมา ทำให้ในอนาคตฐานลูกค้าที่ซื้อเพื่อการลงทุนจะโตตามไปด้วย

“พฤติกรรมของกลุ่มลูกค้าที่ซื้อห้องชุดในโครงการเปลี่ยนไปจากเดิมลูกค้าที่ตัดสินใจซื้อโครงการ Nue Cross Khu Khot Station ประมาณ 81% เป็นคนที่อยู่อาศัยในพื้นที่ย่านคูคต-ลาลูกกา-สายไหม และที่เหลืออีก 19% เป็นลูกค้าที่มาจากทำเลใกล้เคียง แต่ขณะที่ลูกค้าที่ซื้อโครงการ Nue Core Khu Khot Station มาจากนอกโซนมากขึ้นถึง 28% แสดงให้เห็นว่าทำเลรถไฟฟ้าคูคต เป็นทำเลที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และสามารถดึงดูดกลุ่มลูกค้าในรัศมีที่กว้างขึ้นอีกด้วย” นางอรนุชกล่าว

ขณะที่อัตราการเติบโตของราคาขายคอนโดฯ ติดรถไฟฟ้าทำเลคูคต เฟสแรกที่เปิดตัวเมื่อปี 2565 ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 63,000 บาทต่อตร.ม. ปรับเพิ่มขึ้นมาเป็น 72,000 บาทต่อตร.ม.ในปี 2567 หรือคิดเป็นอัตราการเติบโต 7.1% ต่อปี ในขณะที่ราคาคอนโดฯของพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล จากข้อมูลของ REIC ในเดือนมิถุนายน 2567 อยู่ที่ 1.2% ต่อปี ถือว่าคอนโดฯ ทำเลติดสถานีรถไฟฟ้าคูคตสามารถสร้าง Capital gain จากการลงทุนได้ในอัตราที่สูงกว่าตลาด

ด้านจำนวนยูนิตของคอนโดฯในทำเลย่านนี้รัศมีไม่เกิน 3 กิโลเมตรจากสถานีคูคต มีจำนวน 3,720 ยูนิตและมีอัตราการขายได้ในระดับสูงถึง 95% แสดงให้เห็นว่าทำเลนี้เป็นที่ต้องการและมีจำนวนยูนิตให้เลือกซื้ออยู่ไม่มาก ถือเป็นโอกาสในการลงทุนปล่อยเช่าและเก็บเพื่อเป็นสินทรัพย์

นายอรรถวิทย์ เฉลิมทรัพยากร ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจใหม่ บริษัท โนเบิล  ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOBLE กล่าวว่า ทำเลคูคตในช่วงกรุงเทพฯ ตอนเหนือถึงปทุมธานีได้รับการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จากเดิมที่เคยเป็นเพียง “ชุมชนพักอาศัยชานเมือง” เปลี่ยมาเป็น“Hub การเดินทางและการอยู่อาศัย” ในปัจจุบัน ซึ่งเป็นผลมาจากการมาของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายจากสถานีหมอชิต-คูคต โดยเฉพาะสถานีคูคต ซึ่งเปรียบเสมือน “North Gateway” ของกรุงเทพฯ ทำให้คูคตเป็นแม่เหล็กที่ดึงดูดกลุ่มคนทำงานในเมือง และกลุ่มครอบครัวที่มองหาที่พักอาศัยใกล้รถไฟฟ้าและมีความสะดวกในการเดินทาง ทำให้คูคตกลายเป็นหนึ่งในทำเลที่น่าจับตามอง ทั้งในแง่การอยู่อาศัยและการลงทุน ทำให้ราคาที่ดินปรับตัวสูงขึ้นตามความต้องการและศักยภาพของทำเล ส่งผลให้การตอบรับทั้งด้าน Demand เพิ่มขึ้น และอัตราค่าเช่าหรือ Rental Yield อยู่ในระดับที่ดี

โดยจะเห็นได้จากข้อมูลของ Serve Service Solutions  หรือ Serve ผู้ให้บริการและดูแลอสังหาริมทรัพย์อย่างครบวงจร ระบุว่า กลุ่มลูกค้าที่มองหาที่อยู่อาศัยติดรถไฟฟ้าที่แล้วเสร็จนั้นยังคงมีอย่างต่อเนื่อง และเพิ่มขึ้นมากทั้งซื้ออยู่เอง เพื่อความสะดวกสบายในการเดินทางหรือกลุ่มลงทุนปล่อยเช่า อีกทั้งศักยภาพของทำเลของโครงการซึ่งติดรถไฟฟ้าและไลฟ์สไตล์ มอลล์ ทำให้สามารถทำค่าเช่าได้มากกว่าคู่แข่งในย่านเดียวกัน โดยจากสถิติของ Serve ในพอร์ตลูกค้าปล่อยเช่าทั้งของโครงการ  นิว ครอส คูคต สเตชัน และ นิว คอร์ คูคต สเตชัน ที่ผ่านมา ลูกค้าสามารถปล่อยเช่าห้องได้อย่างรวดเร็ว ในอัตราผลตอบแทนการเช่า (Rental Yield) สูงถึง 6.5% ต่อปี โดยห้องชุดที่เป็นที่นิยมจะเป็นห้องชุดแบบสตูดิโอ และ 1 ห้องนอน

ทั้งนี้เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ที่สนใจซื้อคอนโดฯ เพื่ออยู่อาศัยและลงทุน Serve Service Solutions มีบริการดูแลครบวงจร ตั้งแต่บริการตกแต่งห้องพร้อมอยู่อาศัยหรือปล่อยเช่า ไปจนถึงการจัดหาผู้เช่า ซื้อ-ขายอสังหาฯ ทุกประเภท โดยทีมงานมืออาชีพและเชี่ยวชาญพร้อมให้คำแนะนำกับผู้ที่สนใจลงทุนเกี่ยวกับธุรกิจอสังหาฯ ทุกรูปแบบ เพื่อช่วยทำให้ชีวิตของลูกค้าง่ายขึ้น โดยบริการที่ได้รับผลตอบรับที่ดี คือ การปล่อยเช่า จะเห็นได้จากโครงการแรก นิว ครอส คูคต สเตชัน มี Demand สูงอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา (มีนาคม. – ตุลาคม 2567) ทาง Serve ได้ปล่อยเช่าไปทั้งหมด 77 ยูนิต หรือเฉลี่ย 10 ห้องต่อเดือน ซึ่งปัจจุบันมีลูกค้าสนใจนำห้องชุดมาให้ Serve ดูแลปล่อยเช่าแล้ว 335 ยูนิต และมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ

“จากการเก็บข้อมูลของ Serve Property Management พบว่า ผู้พักอาศัยในโครงการปัจจุบันจะเป็นเจ้าของห้อง 67% และเป็นผู้เช่าที่ 33% โดย ServePM เป็นผู้เล่นหลักในทำเลนี้ครองสัดส่วนตลาดการปล่อยเช่าที่ประมาณ 30% ส่วนกลุ่มผู้เช่าจะเป็นชาวไทย 71% ต่างชาติ 29% และเมื่อดูข้อมูลด้าน profile ของลูกค้าพบว่าเป็นกลุ่มพนักงานบริษัท 40% รองลงมาคือกลุ่มอาจารย์และนักศึกษา 36% สะท้อนให้เห็นถึงกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย ขณะที่อัตราค่าเช่าเฉลี่ยอยู่ที่ 370 บาทต่อตร.ม. สูงกว่าของโครงการอื่นในละแวกเดียวกันถึง 42%*”

สำหรับภาพรวมของตลาดอสังหาฯ มีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องจากหลายปัจจัยด้วยกัน ทั้งในเรื่องนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ของภาครัฐ รวมถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% ของกนง. ได้เพิ่มความน่าสนใจในการซื้ออสังหาฯ ผู้บริโภคเข้าถึงสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยได้ง่ายและมากขึ้น มีภาระในการผ่อน (ดอกเบี้ย) น้อยลง ช่วยเพิ่มกำลังซื้อ เพิ่มความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคและนักลงทุนเห็นโอกาสในการลงทุนในตลาดอสังหาฯ มากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มที่ต้องการลงทุนระยะยาว เช่น การซื้อคอนโดฯ เพื่อปล่อยเช่า เนื่องจากการผ่อนชำระมีต้นทุนต่ำกว่า และมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่น่าสนใจจากการให้เช่ากลุ่ม Real Demand ที่ต้องการที่อยู่อาศัยจริงยังคงมีอยู่ รวมถึงการกลับมาของกลุ่มนักลงทุนที่อาจเร่งการตัดสินใจซื้อช่วงที่เศรษฐกิจดี

นอกจากนี้การปรับลดดอกเบี้ยส่งเสริมให้นักลงทุนเห็นโอกาสในการลงทุนในตลาดอสังหาฯ มากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มที่ต้องการลงทุนระยะยาว เช่น การซื้อคอนโดเพื่อปล่อยเช่า เนื่องจากการผ่อนชาระมีต้นทุนต่ากว่า และมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่น่าสนใจจากการให้เช่า หากมองภาพให้เห็นชัดๆ จะเห็นว่า Net Cash Flow หลังหักค่าผ่อนธนาคารเป็นบวก หากลองดูห้อง Studio เป็นตัวอย่าง ราคาขายอยู่ที่ประมาณ 1.5 ล้านบาท ผ่อนธนาคารเดือนละประมาณ 5,000-6,000 บาท ในขณะที่ปล่อยเช่าได้เฉลี่ย 8,200 บาทต่อเดือน เกิดเป็นผลตอบแทนจากการลงทุนได้กว่า 2,200-3,200 บาทต่อเดือน ซึ่งเพิ่มโอกาสในการลงทุนและหากยังผ่อนชำระกับธนาคารตามปกติ จะช่วยลดระยะเวลาการผ่อนชำระลงได้มากและในอนาคตมีปัจจัยดอกเบี้ยที่แนวโน้มเป็นขาลง ซึ่งจะทำให้อัตราการผ่อนต่อเดือนลดลงอีก

นางอรนุช กล่าวย้ำอีกว่า ปัจจุบันโครงการสร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่แล้ว โดยมียอดขายแล้วกว่า 90%  พร้อมทั้งเริ่มทยอยโอนกรรมสิทธิ์ตั้งแต่ช่วงเดือนตุลาคมเป็นต้นมา และคาดว่าจะปิดการขายและโอนกรรมสิทธิ์ได้ทั้งโครงการภายในไตรมาส 1 ปี 2568  ความสำเร็จครั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่าโครงการรูปแบบ TOD สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าในย่านคูคต-ลำลูกกาได้เป็นอย่างดี  โดยบริษัทฯ วางแผนจะเปิดโครงการใหม่ ช่วงต้นปี 2568 เพื่อให้สอดรับกับ Demand ที่มีมาอย่างต่อเนื่อง โดย โนเบิลฯ มุ่งหวังให้ทุกโครงการที่ปล่อยออกมาภายในคูคตมหานครแห่งนี้ เป็นการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับทุกคน ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี ทั้งการอยู่อาศัยและการเดินทางสะดวกสบาย ทั้งหมดนี้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ในการเปลี่ยนย่านคูคตให้เป็น “ย่านคูลโคตร” ที่เป็นศูนย์กลางไลฟ์สไตล์ และที่อยู่อาศัยในโซนกรุงเทพฯ ตอนเหนืออย่างแท้จริง

โครงการ นิว คอร์ คูคต สเตชัน  ตั้งอยู่บนเนื้อที่ดิน 11 ไร่ มูลค่าโครงการ 2,192 ล้านบาท พัฒนาเป็นคอนโดมิเนียมสูง 8 ชั้นจำนวน 6 อาคาร มียูนิตรวม 1,206 ยูนิต พื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 22-59 ตารางเมตร (ตร.ม.) มีแบบห้องทั้งหมด 5 แบบ  1) Studio ขนาด 22.80 ตร.ม. 2) 1 Bedroom ขนาด 26.25 ตร.ม. 3) 1Bedroom Plus ขนาด 34.45ตร.ม. 4) ห้อง 2 Bedroom ขนาด 46.05 ตร. และ 5) ห้อง Duplex ขนาด 59.30 ตร.ม. สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน

โดยในวันที่ 23 – 24 พ.ย. นี้ นิว คอร์ คูคต สเตชัน จะเปิดให้ลูกค้าเข้าชมโครงการเป็นครั้งแรกในงาน “Open House เปิดบ้านคูคตมหานคร”  พร้อมรับข้อเสนอพิเศษ ส่วนลดสูงสุด 270,000 บาท เมื่อจองในงาน เริ่ม 1.59 ล้าน* ลงทะเบียนนัดหมายเข้าร่วมงานพร้อมรับข้อเสนอสุดพิเศษที่ Line@ nuekhukhotstatio หรือโทร. 02-251-9955

- Advertisement -