KS Daily View 15.11.2024 >>> ดัชนี S&P500 ปิดลบ หลังประธานเฟดส่งสัญญาณไม่รีบลดดอกเบี้ยจากเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งกว่าคาด ด้านหุ้นไทยผันผวนสูงที่แนวรับ 1,440 มองการแข็งค่าของดอลลาร์และเงินบาทที่ระดับ 35 ยังเป็นปัจจัยกดดันอยู่ มองกรอบ SET ที่ 1,440 – 1,465 แนะนำ TASCO, AMATA

แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศ:

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดลบโดยดัชนี S&P 500 ลดลง 0.60%, Dow Jones ลดลง 0.47%, Nasdaq Composite ลดลง 0.64% และ Russell 2000 ลดลง 1.37% หลังจากประธานเฟด เจอโรม พาวเวล ส่งสัญญาณไม่รีบลดดอกเบี้ยเพราะเศรษฐกิจยังแข็งแกร่ง ทำให้โอกาสที่จะมีการลดดอกเบี้ยในเดือนธันวาคมลดลงจาก 82% เหลือราว 60% นอกจากนี้ตัวเลขเศรษฐกิจยังออกมาแข็งแกร่ง ทั้งตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานที่ลดลงต่ำสุดในรอบ 5 เดือนครึ่ง และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ที่สูงกว่าคาด

ตลาดหุ้นไทยปรับตัวผันผวนสูง โดยมีการปรับตัวลงก่อน 10 จุด ในช่วงครึ่งวันเช้า ก่อนจะรีบาวด์ขึ้นมาเป็นบวก 10 จุด และย่อลงมาเหลือลบ 1 จุด ปิดทรงตัวที่ระดับ 1,450.12 จุด สอดคล้องกับตลาดในภูมิภาคที่ยังโดนปัจจัยค่าเงินดอลลาร์แข็งค่ากดดันอยู่ ในรายละเอียดยังดูไม่ค่อยดีนักโดยมีกลุ่มอุตสาหกรรมที่ปิดลบถึง 20 กลุ่ม นำโดยกลุ่มขนส่ง ประกัน ธนาคาร โรงพยาบาล อสังหาริมทรัพย์ พลังงาน ในขณะที่ DELTA หนุนตลาดราว 3 จุด แต่หุ้นในกลุ่มอย่าง KCE และ HANA ปรับตัวลงแรงจากผลประกอบการที่ต่ำกว่าคาด นอกจากนี้ยังได้หุ้นค้าปลีกที่ผลประกอบการดีอย่าง CPALL และ CRC ที่เป็นแรงหนุนสำคัญ นักลงทุนต่างชาติกลับมามีสถานะขายสุทธิ 3,225 ล้านบาท ในทางตรงกันข้ามนักลงทุนสถาบันกลับมาซื้อสุทธิ 1,715 ล้านบาท วันนี้เรามอง SET มีแนวโน้ม Sideway กรอบ 1,440 – 1,465 จุด หลังจากดัชนีค่าเงินดอลลาร์ (Dollar Index) แม้มีแรงขายที่ระดับ 107 แต่ยังยืนทรงตัวในระดับสูง จากความเห็นเชิงเข้มงวดของพาวเวล ค่าเงินบาทเองก็ยังเคลื่อนไหวใกล้ 35 บาทต่อดอลลาร์ แม้จะมีการแข็งค่ากลับมาบ้างก็ตาม แนะนำ TASCO, AMATA และวันนี้ติดตามชุดตัวเลขเศรษฐกิจจีนที่มีกำหนดรายงานเช้านี้เวลา 9.00 น.

ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:

  1. ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) สหรัฐฯ เดือนตุลาคมเพิ่มขึ้น 0.2% MoM เท่ากับที่นักวิเคราะห์คาด แต่เมื่อเทียบกับปีก่อนเพิ่มขึ้น 2.4% สูงกว่าคาดการณ์ที่ 2.3% ส่วน Core PPI ที่ไม่รวมอาหารและพลังงานเพิ่มขึ้น 0.3% MoM (สูงกว่าคาดที่ 0.2%) และ 3.1% YoY (สูงกว่าคาดที่ 3.0%) ขณะที่จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ลดลง 4,000 ราย เหลือ 217,000 ราย ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดที่ 220,000 ราย สะท้อนตลาดแรงงานที่ยังแข็งแกร่งและเงินเฟ้อที่ยังคงสูง ซึ่งอาจทำให้เฟดชะลอการลดดอกเบี้ย
  • ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ เจอโรม พาวเวล กล่าวว่าไม่จำเป็นต้องรีบลดดอกเบี้ย เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังแข็งแกร่งมาก โดยในช่วง 2 ปีที่ผ่านมามีการเติบโตเฉลี่ย 3% ตลาดแรงงานยังคงมั่นคง แม้อัตราเงินเฟ้อจะลดลงใกล้เป้าหมาย 2% แล้ว แต่ก็ยังไม่ถึงเป้า ดังนั้นเฟดจึงต้องการใช้ความระมัดระวังในการตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ย และจะพิจารณาจากข้อมูลเศรษฐกิจที่จะเข้ามาในอนาคต
  • รัฐบาลญี่ปุ่นเตรียมออกงบประมาณเพิ่มเติม 13.5 ล้านล้านเยน (8.7 หมื่นล้านดอลลาร์) เพื่อช่วยเหลือครัวเรือนรายได้ต่ำและบรรเทาผลกระทบจากเงินเฟ้อ โดยจะมอบเงิน 30,000 เยนให้ครัวเรือนที่ได้รับการยกเว้นภาษีที่อยู่อาศัย และ 20,000 เยนต่อเด็กหนึ่งคนสำหรับครอบครัวที่มีบุตร พร้อมพิจารณาให้เงินอุดหนุนค่าไฟฟ้าและก๊าซตั้งแต่เดือนมกราคม โดยนายกรัฐมนตรีอิชิบะจะสรุปมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในวันที่ 22 พฤศจิกายนนี้
  • นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และ รมว.คลัง เปิดเผยว่าเตรียมแจกเงินหมื่นเฟส 2 ให้กับกลุ่มผู้สูงอายุที่มีปัญหาสภาพคล่องแต่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มเปราะบาง โดยจะไม่ซ้ำซ้อนกับกลุ่มที่ได้รับในเฟสแรก และจะใช้งบประมาณไม่มากเนื่องจากกลุ่มเป้าหมายมีเพียงไม่กี่ล้านคน พร้อมยืนยันว่าดิจิทัลวอลเลตมีความจำเป็นเพื่อเป็นช่องทางติดต่อภาครัฐและทำให้ประชาชนคุ้นเคยกับการใช้เงินดิจิทัล
  • นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯ และ รมว.พลังงาน เปิดเผยว่าจะเตรียมขยายเวลาตรึงค่าไฟฟ้าที่ 4.18 บาทต่อหน่วยจนถึงสิ้นปี 2567 และอาจต่ออายุมาตรการตรึงราคาน้ำมันดีเซลที่ 33 บาทต่อลิตร โดยชี้ว่าสถานะกองทุนน้ำมันฯ เริ่มดีขึ้น และยืนยันว่าจะต้องมีการต่ออายุมาตรการตรึงค่าไฟฟ้าทุก 4 เดือน
  • ไทยคาดว่าจะได้รับรายได้จาก “การท่องเที่ยวสีรุ้ง” กว่า 2 พันล้านดอลลาร์ หลังกฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผลบังคับใช้ในเดือนมกราคม 2568 โดยแพลตฟอร์ม Agoda คาดว่าจะดึงดูดนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 4 ล้านคนต่อปี สร้างงานเต็มเวลา 152,000 ตำแหน่ง และเพิ่ม GDP 0.3% ทั้งนี้ ไทยเป็นประเทศแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเป็นประเทศที่สามในเอเชียต่อจากไต้หวันและเนปาลที่รับรองการสมรสเพศเดียวกัน ซึ่งจะช่วยให้ไทยได้ส่วนแบ่งจากตลาดท่องเที่ยว LGBTQ ที่มีมูลค่ากว่า 200,000 ล้านดอลลาร์ต่อปี

หุ้นแนะนำวันนี้ Top pick:

  • TASCO : ราคาพื้นฐาน 21.00 บาท

เรามีมุมมองเชิงบวกมากขึ้นต่อแนวโน้มของ TASCO ในไตรมาส 4/2567 และปี 2568 หลังการประชุมนักวิเคราะห์ โดยผู้บริหารคาดการณ์ว่าตลาดยางมะตอยในประเทศมีแนวโน้มดีขึ้นจากการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณของรัฐบาล โดยเฉพาะกรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบทในปีงบประมาณ 2567/2568 ส่งผลให้ปริมาณขายในไตรมาส 4/2567 มีโอกาสเติบโต 10% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และด้วยอุปสงค์ที่ยังสูง คาดว่าราคาขายต่อหน่วยจะยังคงอยู่ในระดับใกล้เคียงกับไตรมาส 3/2567 ขณะที่ราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มลดลงจะช่วยให้ส่วนต่างกำไรดีขึ้น นอกจากนี้ ในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนและธันวาคม คาดว่าจะมีการนำเข้า Crude cargo เดือนละ 1 ลำเพื่อนำมากลั่นและขายเอง ช่วยเพิ่มส่วนต่างกำไรอีกทาง ส่งผลให้เราปรับประมาณการกำไรและราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 21 บาท

  • AMATA : ราคาพื้นฐาน 33.50 บาท

เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ AMATA หลังรายงานกำไรไตรมาส 3/2567 เติบโต 93% เมื่อเทียบกับปีก่อน แม้จะต่ำกว่าคาดเล็กน้อย แต่ด้วย Backlog ที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์และความต้องการที่ดินสำหรับย้ายฐานการผลิตที่ต่อเนื่อง รวมถึงเงินมัดจำที่ลูกค้าแสดงเจตนาซื้อ เรามองว่า กำไรไตรมาส 4/2567 มีโอกาสรายงานออกมาดีกว่าในไตรมาส 3/2567 เราคาดยอดขายที่ดินขั้นต่ำในปี 2568 จะอยู่ที่ 2,500 ไร่ เหมือนเช่นในปี 2567 ที่จะมียอดโอนที่ดีจาก backlog ที่สูงในปี 2568 เช่นกันโดยจะใช้เวลาโอนภายใน 2 ปี นอกจากนี้เราชอบ AMATA ที่มีความแข็งแกร่งทั้งในประเทศไทยและเวียดนาม ซึ่งจะสามารถดึงดูดลูกค้าได้ในอนาคต

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

  • วันศุกร์ ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจของจีน ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (Industrial  production) เดือน ต.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 5.6% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 5.4% YoY ต่อด้วย ดัชนียอดค้าปลีกของจีน (Retail sales) เดือน ต.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 3.8% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 3.2% YoY และปิดท้ายด้วยตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา ดัชนียอดค้าปลีก (Retail sales) เดือน ต.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 0.3% MoM ชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้าที่ 0.4% MoM
- Advertisement -