Daily Focus: แนวรับ 1,440+- จุด เสี่ยงหลุดมากขึ้น

2025 SET Target: 1600

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ยังคงพักตัวลงอย่างต่อเนื่อง ปิดลบอีก 7.49 จุด ที่ระดับ 1,442.63 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่บางลงเหลือ 4.9 หมื่นลบ. ยังคงถูกกดดันจาก Bond Yield และ Dollar สหรัฐฯที่ยังขยับขึ้นหลัง FED ส่งสัญญาณไม่เร่งรีบในการลดดอกเบี้ย กดดันสินทรัพย์เสี่ยงและกระแสเงินทุนต่างชาติให้ยังไหลออกอีก 982 ลบ. ขณะที่สถาบันในประเทศพลิกมาขายสุทธิบางๆ 26 ลบ. (สถานะสุทธิใน Index Futures ค่อนข้างเบาบาง)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index มีความเสี่ยงมากขึ้นที่จะหลุดแนวรับ 1,440+- จุด จากบรรยากาศการลงทุนที่ยังไม่สดใส โดยการปรับตัวลงของกลุ่มเทคโนโลยีต่างประเทศมีโอกาสกดดันหุ้นในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ของไทยที่ปรับตัวขึ้นแรง เช่น DELTA CCET กดดันดัชนีภาพรวมตลาดยังคงถูกกดดันจากแนวโน้ม Bond Yield และ Dollar Index ที่ยังยืนสูง ถูกถ่วงจากกระแสคาดการณ์การลดดอกเบี้ยของ FED ที่ลดลง หลังเศรษฐกิจสหรัฐฯยังดูแข็งแรง และเงินเฟ้อที่เริ่มขยับตัวลงช้ากว่าช่วงก่อนหน้า ล่าสุดตลาดปรับลดคาดการณ์ที่ FED จะลดดอกเบี้ย 25 bps ลงมาที่ 4.25-4.50% ในเดือน ธ.ค. ด้วยความน่าจะเป็นเหลือราว 60% และคาดปรับลดในปีหน้าอีกเพียง 50 bps จากเดิมที่คาด 100 bps ด้านปัจจัยในประเทศวันนี้ติดตาม GDP 3Q24 ของไทย ตลาดคาด +0.8% q-9, +2.6% y-y ส่วนปัจจัยที่ต้องติดตามคือการประชุมบอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจวันพรุ่งนี้ คาดมีการอนุมัติแจกเงินหมื่นเฟส 2 ให้ผู้สูงอายุหนุนเศรษฐกิจทยอย ฟื้นตัว 4024-2025 ภาพรวมดัชนีระยะสั้นอาจยังอยู่ในช่วงพักตัวทั้งการตอบรับกำไร 3024 ที่ต่ำกว่าคาด แต่เรายังมองบวกระยะกลาง-ยาวจากเศรษฐกิจไทยที่เป็นขาขึ้น รวมถึงโอกาสที่อาจเห็นกนง.ลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมในปีหน้าซึ่งจะเป็น Upside ขณะที่ Downside คาดว่ายังถูกจำกัดจากเม็ดเงินลงทุนของกองทุนวายุภักษ์ 1

กลยุทธ์ : เลือกหุ้นที่คาดแนวโน้มกำไร 4Q24-2025 แข็งแกร่งและราคาปรับฐานลงแรงในช่วงเดือนที่ผ่านมา // ส่วนที่สะสมในช่วงก่อนหน้ายังถือลงทุนระยะกลาง-ยาว

หุ้นเด่นเดือน พ.ย. : MAGURO, MTC, OSP, SFLEX, VIH

FSSIA Portfolio: AOT, CHG, CPALL, CPN, ITC, KCG, KTB, MTC, NSL, SFLEX, SHR

หุ้นเด่น Finansia 18 พ.ย. 24 : NSL

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายปี 2025 ที่ 43 บาท
  • โมเมนตัมกำไร 4Q24 คาดว่ายังแข็งแกร่งต่อเนื่อง เติบโตทั้ง q-q และ y-y หนุนจากทั้งปัจจัยฤดูกาล รวมถึงผลบวกจากสินค้าใหม่ๆที่ขายดี เช่น ช็อกโกแลตดูไบของ Bake a Wish ขณะที่บ.ลูกๆคาดทยอยขาดทุนลดลงต่อเนื่อง
  • กำไร 9M24 ของ NSL อยู่ที่ 394 ลบ. +70% y-y และคิดเป็น 75% ของประมาณการทั้งปีที่ 523 ลบ. +57% y-y ส่วนปี 2025 คาดที่ 591 ลบ. +13% y-y ราคาหุ้นปัจจุบันเทรด 2025PER ไม่แพงที่ 16.7 เท่า 
  • แนวรับ 32//31.25 บาท แนวต้าน 34//35 บาท 

Fund Flow : เมื่อวันศุกร์กระแสเงินทุนมีทิศทางดีขึ้น ภาพรวมผสมผสานและสุทธิไหลออกบางๆ US$14 ล้าน เม็ดเงินไหลออกจากอาเซียนประเทศละ US$15-52 ล้าน โดยสูงสุดที่เวียดนาม แต่ไหลเข้าเอเชียตะวันออกทั้งไต้หวันและเกาหลีใต้ประเทศละ US$98 ล้าน และ US$15 ล้าน อย่างไรก็ตามแนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่าจะยังค่อนไปในทิศทางไหลออกโดยตลาดยังทยอยลดความน่าจะเป็นและความเร็วที่ FED จะลดดอกเบี้ยในช่วง 1 ปีข้างหน้าจากเดิมที่คาด 5 ครั้งเหลือเพียง 3 ครั้ง

ประเด็นสำคัญวันนี้

(0) สรุปกำไร 3Q24 บจ. ภาพรวมมีกำไรสุทธิ -27% q-q, -33% y-y ต่ำกว่าคาด 11% แต่หากไม่รวมกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีกำไรสุทธิโดยรวมไม่ได้แย่และใกล้เคียงคาด กลุ่มอุตสาหกรรมที่แย่ส่วนใหญ่เป็น grobal-related sector ขณะที่กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคในประเทศยังคงแข็งแกร่ง สำหรับกำไรสุทธิ 9M24 คิดเป็น 68% ของประมาณการรวมทิ้งปี 2024 ทำให้ประมาณการ EPS ของ SET ถูกขยับลงราว 2% อย่างไรก็ตาม เรายังคงเป้า SET ปี 2025 ที่ 1,600 จุด

(0) CPF ระยะสั้น 4Q24-1Q25 ราคาเนื้อสัตว์อ่อนตัวลงทั้งไก่ไทย หมูเวียดนาม และหมูจีนเพราะเข้าสู่ช่วง low season และราคาวัตถุดิบอ่อนลง ส่วนหมูไทยยังทรงตัวได้ แนวโน้มราคาวัตถุดิบ 2025 จะลดลงต่อราว 4-5% y-y เป็นบวกต่อต้นทุนการเลี้ยง CPF มองราคาไก่ไทยปี 2025 ปรับลง, หมูไทยจะปรับขึ้นได้, หมูจีนปรับลง, หมูเวียดนามทรงตัว เบื้องต้นเรามอง conservative กว่าผู้บริหาร โดยมองราคาเนื้อสัตว์เฉลี่ยปี 2025 จะทรงถึงปรับลดลงและขึ้นอยู่กับ demand เป็นหลัก ทั้งการบริโภคในประเทศและการส่งออก ถ้าฟื้นได้ดีอาจพอช่วยหนุนราคาเนื้อสัตว์ได้ แนะนำ “เก็งกำไร” ตามราคาเนื้อสัตว์

(0) SAWAD ภาพรวมสินเชื่อจะกลับมาเติบโตเล็กน้อยใน 4Q24 แต่ทั้งปีคาดว่าเติบโตต่ำกว่าเป้าหมาย 10% โดยยังเน้นสินเชื่อจำนำทะเบียนที่ LTV 40% นอกจากนี้ยังเผชิญแรงกดดันจากผลตอบแทนสินเชื่อที่ลดลง อย่างไรก็ตาม ยังมี Upside Risk จากรายได้ค่าธรรมเนียมธุรกิจประกันที่โตดีต่อเนื่อง ด้านคุณภาพสินทรัพย์คาดเริ่มทยอยดีขึ้นโดยคาด NPL ทรงตัวที่ราว 3.5% ใกล้เคียงไตรมาสก่อน เราคาดมีโอกาสที่ SAWAD มีโอกาสจะจ่ายปันผลเป็นหุ้นเพื่อ รักษาสภาพคล่อง คงคำแนะนำ “ถือ” ราคาเป้าหมาย 37 บาท

(0) BAM บริษัทมองว่าเป้าหมายยอดจัดเก็บทั้งปีที่ 2.0 หมื่นลบ.ค่อนข้างท้าทาย โดยปัจจุบันประเมินว่าทั้งปีจะอยู่ที่เพียง 1.5-1.6 หมื่นลบ. ใกล้เคียงประมาณการของเรา คาดภาพรวมยังฟื้นตัวอย่างช้าๆ สำหรับ Ari-AMC ใน 4Q24 ได้รับโอนหนี้จาก ธ.ออมสินมาแล้ว คิดเป็นมูลหนี้ราว 1หมื่นล้านบาท บริษัทมีมุมมองค่อนข้างบวกต่อคุณภาพลูกหนี้จาก ธ. ออมสิน เราประเมินว่า Ari-AMC มี contribution ต่อประมาณการกำไรสุทธิปี 2025-26 อยู่ราว 3-6% ขณะที่ในฝั่ง JV AMC กับ KBANK ปัจจุบันยังอยู่ระหว่างของ License จาก ธปท. เรายังคงมุมมองระมัดระวังต่อการฟื้นตัวของ BAM โดย 4Q24 กำไรสุทธิมีแนวโน้มฟื้นตัว q-q ตามปัจจัยฤดูกาล แต่ y-y คาดว่าจะยังหดตัวลง เรายังคงราคาเป้าหมาย 9 บาท แนะนำ “ถือ”

(+) SJWD โทนการประชุมเมื่อเช้าเป็นบวก ยืนยันผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดแล้วใน 1H24 กำไร 4Q24 อาจไม่ได้โตมากมาย q-q เพราะธุรกิจที่เกี่ยวกับส่งออกเข้า low season แต่ชดเชยได้จาก Auto, ห้องเย็น, คลังสินค้า ถ้ากำไร 4Q24 ทำได้เพียงเท่ากับ 3Q24 กำไรทั้งปีก็มี upside 3% เป็น 840 ลบ. +8% y-y แนวโน้มปีหน้าทุกธรกิจจะกลับมาเติบโตตามการฟื้นตัวเศรษฐกิจ การเริ่มผลิตรถ EV ในประเทศและได้อานิสงส์จากความขัดแย้งของสหรัฐ-จีน ราคาเป้าหมาย 19.50 บาท ยังแนะนำซื้อ 3Q24 กำไรทั้งปีก็มี upside 3% เป็น 840 ลบ. +8% y-y แนวโน้มปีหน้าทุกธรกิจจะกลับมาเติบโตตามการฟื้นตัวเศรษฐกิจ การเริ่มผลิตรถ EV ในประเทศและได้อานิสงส์จากความขัดแย้งของสหรัฐ-จีน ราคาเป้าหมาย 19.50 บาท ยังแนะนำซื้อ

(-) ตลาดดาวโจนส์ ลดลง 305.87 จุด หรือ -0.70% ปิดที่ 43,444.99 จุด หลังจากเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) บ่งชี้ว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยอาจชะลอลงตัวลง และบรรดานักลงทุนประเมินการเลือกคณะรัฐมนตรีของโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ

(-) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลบ โดยถูกกดดันจากการเปิดเผยผลประกอบการที่น่าผัดหวังของบริษัทจดทะเบียน, ความวิตกเกี่ยวกับผลกระทบด้านนโยบายของว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ต่อเศรษฐกิจโลกและภาคธุรกิจ รวมถึงการพุ่งขึ้นของ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ

(-) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดลบ โดยในสัปดาห์นี้มีรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ อาทิ Trade data ของญี่ปุ่นในวันอังคาร Loan prime rate ของจีนในวันพุธ

(+) ค่าเงินบาท แข็งค่า อยู่ที่บริเวณ 34.84 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ -0.48%

(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 1.68 ดอลลาร์ หรือ 2.45% ปิดที่ 67.02 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับอุปสงค์น้ำมันที่ลดลงในจีน และแนวโน้มที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะชะลออัตราการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในขณะที่เช้านี้ทรงตัวอยู่ที่ระดับ 67.08 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ +0.09%

(-) ราคาทองคำ COMEX ลดลง 2.80 ดอลลาร์ หรือ 0.11% ปิดที่ 2,570.10 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยถูกกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐหลังจากคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง โดยดอลลาร์ที่แข็งค่าจะทำให้ราคาทองแพงขึ้นสำหรับผู้ถือเงินสกุลอื่น และจะลดความน่าดึงดูดใจในการลงทุนในทองคำ ในขณะที่เช้านี้ทรงตัวอยู่ที่ระดับ 2,581.00 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ +0.09%

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 869.93/ +0.30%

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

18 พ.ย.ไทย: GDP growth rate (3Q24)
19 พ.ย.แคนนาดา: เงินเฟ้อ (ต.ค.)
20 พ.ย.อังกฤษ: เงินเฟ้อ (ต.ค.)

จีน: Loan Prime rate 1y

21 พ.ย.สหรัฐ: Existing Home Sales (ต.ค.)
22 พ.ยอังกฤษ: ค้าปลีก (ต.ค.)
- Advertisement -