บล.กรุงศรีฯ:

เก่งหลังเกมส์  

📈SET Index ปรับขึ้น +7.33 จุด (+0.50%) ปิดที่ระดับ 1,460.11 จุด มูลค่าการซื้อขาย 4.59 หมื่นล้านบาท (จำนวนหุ้นปรับขึ้น 330 บริษัท, หุ้นปรับลง 167 บริษัท) ดัชนีปรับขึ้นในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นส่วนใหญ่ทั่วโลก แรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากการประชุมบอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาตามคาดทั้งแจกเงินหมื่นเฟส 2 และการแก้หนี้ หนุน SET แกว่งขึ้น หุ้นกลุ่มที่ปรับขึ้นพยุงดัชนี คือ กลุ่มพลังงาน (GULF, PTT, PTTEP) และ กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ (DELTA) ส่วน Sector ที่ปรับลงกดดัชนี คือ กลุ่มโรงพยาบาล (CHG,BCH) 

หุ้นที่เคลื่อนไหวโดดเด่น คือ

GULF +0.8%, GPSC +1.22%

หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าปรับขึ้นตอบรับ US bond Yield ที่ปรับลง และค่าเงินบาทที่แข็งค่าวันนี้  โดยล่าสุดอยู่ที่ 34.58 บาท ต่อดอลลาร์ จากราคาเย็นวานนี้ที่ 34.86 บาทต่อดอลลาร์ 

PTT +0.78%, PTTEP +3.24%

หุ้นกลุ่มน้ำมันปรับขึ้นตอบรับ ราคาน้ำมันดิบพลิกขึ้นแรง อิงน้ำมันดิบ Brent +2.91%d-d ปิดที่ USD 73.11/barrel น้ำมันดิบ West Texas +3.19%d-d ปิดที่ USD 69.16/barrel  แรงหนุนมาจากข่าว Supply น้ำมันลดลง คือ รายงานการผลิตน้ํามันดิบที่บ่อน้ํามัน Johan Sverdrup ของ Norway ได้หยุดลง ผสานกับล่าสุดความตึงเครียดของงงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนกลับมาอีกครั้ง โดยรัสเซียได้ทำการโจมตีทางอากาศครั้งรุนแรงที่สุดในรอบ 3 เดือนต่อยูเครน  

MINT +4.85%

หุ้นปรับขึ้นโดยจากการประชุมนักวิเคราะห์ นักวิเคราะห์เรามีมุมมองเป็นบวกต่อแนวโน้มการเติบโตของ MINT โดยบริษัทยังคงมั่นใจต่อแนวโน้มใน 4Q24F-2025F จากการดำเนินงานโรงแรมในไทย เอเชียและยุโรปที่ RevPar ยังเติบโต แผนการปรับปรุงและขยายโรงแรม และแผนการลดภาระหนี้ที่คาดจะเห็นชัดเจนขึ้น ดังนั้น เรายังคงประมาณการผลประกอบการของเรา โดยคาดกำไรปกติจะเติบโต yoy และ qoq ใน 4Q24F และกำไรในปี 2024F จะยังคงเติบโต 17% yoy มาที่ 8.3 พันล้านบาท  ปัจจุบัน  MINT ซื้อขายอยู่ที่ 7x EV/EBITDA, 16x PER 2025F ซึ่งคิดเป็น -1SD ของค่าเฉลี่ยในอดีตแล้ว ดังนั้น เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” มูลค่าเหมาะสม 38 บาท

SPA +7.59%

หุ้น SPA ปรับขึ้น โดยนักวิเคราะห์เรายังคงให้คำแนะนำ ซื้อ สำหรับ SPA ราคาเป้าหมายที่ 8.50 บาท (1) SPA รายงานกำไรก่อนหักภาษีที่ 101 ล้านบาท เพิ่มขึ้น yoy และ qoq โดยมีรายได้ที่สูงขึ้นสนับสนุนโดย SSSG ที่เป็นบวก การขยายสาขา และมาร์จินดีขึ้น (2) 9M24 อยู่ที่ 69% ของการคาดการณ์ FY24F เราคาดกำไรจะเพิ่มขึ้น yoy และ qoq ใน 4Q24F ซึ่งได้รับแรงหนุนจากฤดูกาลท่องเที่ยวที่พีกในประเทศไทย (3) ขณะนี้ SPA ซื้อขายที่ 26 PER 2025F ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต (-1SD) ขณะเดียวกันคาดว่ากำไรจะเติบโตโดยเฉลี่ย 16% ต่อปี (CAGR) ในช่วงปี 2024-26F

AOT +0.82%, AAV +0.69%, CENTEL +1.34%, AWC +1.12%, 

หุ้นกลุ่มท่องเที่ยวปรับขึ้นจากสัญญาณการเข้าสู่ฤดูท่องเที่ยวเป็นบวกต่อเนื่อง ยอดผู้ใช้บริการสนามบิน AOT ออกนอกประเทศ (ชี้นำนักท่องเที่ยวต่างชาติ) 1-16 พ.ย. สูง 105% ของ Pre COVID ทั้งนี้         แม้มองภาพรายสัปดาห์ผู้ใช้บริการ 9-16 พ.ย. อยู่ในระดับ 104.5% แต่โดยรวมยังเป็นระดับที่ดีมาก vs นักท่องเที่ยว 10M24 ที่สูงราว 88.3% ของ Pre-COVID และช่วง 4Q23 ที่เฉลี่ยราว 77.3% มองระดับการขยายตัวนักท่องเที่ยว 4Q24 ยังน่าจะสูง > 20%y-y ขณะที่ประเมินบวก 1.) ภาพการเข้าสู่ช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวเต็มตัว 2.) หากโมเมนตัมดังกล่าวมีความต่อเนื่อง นักท่องเที่ยวปี 2025F ที่ตลาดมองระดับ Pre-COVID (39.7 ล้านคน) หรือสภาพัฒน์มอง 38 ล้านคนจะมี Upside เชิงกลยุทธ์ มองหนุนหุ้นท่องเที่ยวฟื้นต่อ รวมถึงคาดหนุนกระแสฝั่งหุ้นอิงภาคบริการ

CPALL +0.79%, BJC +1.32%, MTC +0.53%, 

หุ้นกลุ่มค้าปลีก,กลุ่มเช่าซื้อ และกลุ่มธนาคาร ปรับขึ้นตอบรับผลประชุมบอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ พิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ตามคาด คือ 1.) แจกเงินหมื่นเฟส 2 ให้กลุ่มผู้สูงอายุมากกว่า 60 ปี ราว  3-4 ล้านคน เป็นการแจกเงินสดเหมือนเฟสแรก วงเงินรา40,000 ล้านบาท คาดได้เงินไม่เกินตรุษจีนปี 2025 ส่วน Phase 3  คาด เม.ย.-มิ.ย.2025 2.) รับหลักการแก้หนี้ที่มีปัญหาไม่เกิน 1 ปี ทั้งบ้าน รถยนต์ และหนี้บริโภค โดยเว้นดอกเบี้ย 3 ปี และอาจพิจารณาลดเงินต้นในการผ่อนชำระลง  3.) ภาคเกษตร ดูแลค่าครองชีพผ่านโครงการไร่ละ 1 พันบาท  4.) ภาคอสังหาริมทรัพย์ เน้นไปที่คนรายได้น้อยอยากมีบ้าน (อยู่ในช่วงพิจารณา) ประเมินมาตรการที่ออกมาดังกล่าวเป็นบวกต่อเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะภาคการบริโภค ในช่วง 4Q24  – 1Q25 (แจกเงินเฟส 2 มีผล)

- Advertisement -