บล.กสิกรไทย:
DIF : กระแสเงินสดสุทธิ และ ผลตอบแทนต่อหน่วยมีเสถียรภาพเป็นจุดขายหลัก
- รีวิวไตรมาส 3/2567 เมื่อวันที่ 13 พ.ย. DIF รายงานงบการเงินไตรมาส 3/2567 โดยมีกำไรสุทธิที่ 2.7 พันลบ. หากไม่รวมผลขาดทุนจากการประเมินมูลค่าทรัพย์สินใหม่ กำไรปกติอยู่ที่ 2.9 พันลบ. (ทรงตัว YoY และ QoQ) กำไรที่ทรงตัวได้รับแรงหนุนจากรายได้ที่ทรงตัวเช่นกันจำนวน 3.5 พันลบ. กำไรปกติช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567 คิดเป็น 78.7% ของประมาณการทั้งของเรา โดยเมื่อวันที่ 4 พ.ย. DIF ประกาศ DPU ไตรมาส 3/2567 ที่ 0.222 บาท (-1.9% YoY และทรงตัว QoQ ) คิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผลที่ 81.2% และอัตราตอบแทนเงินปันผล (DY) ต่อปีที่ 9.7% การจ่ายเงินปันผลดังกล่าวทรงตัวเป็นเวลา 3 ไตรมาสติดต่อกัน และ DPU ช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567 ที่ 0.667 บาท คิดเป็น 76.6% ของประมาณการทั้งปีของเราที่ 0.87 บาท
- การดำเนินงาน รายได้ไตรมาส 3/2567 อยู่ที่ 3.5 พันลบ. (ทรงตัว YoY และ QoQ) รายได้มาจากสัญญาเช่ากับผู้เช่าหลัก (TRUE) เป็นส่วนใหญ่ โดยเราพบว่า 36% ของรายได้ทั้งหมดมาจากสินทรัพย์เสาโทรคมนาคม และ 64% ที่เหลือมาจากสายเคเบิลใยแก้วนำแสง (FOC) รายได้ช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567 คิดเป็น 82.1% ของประมาณการทั้งปีของเรา
- ความคืบหน้า เราคาด DPU ไตรมาส 4/2567 ของ DIF จะทรงตัวที่ 0.222 บาท โดยได้รับแรงหนุนจากรายได้ที่มีแนวโน้มมั่นคง นอกจากนี้ DIF ยังมีเหตุการณ์สำคัญที่จะเกิดขึ้นในปี 2568 ได้แก่ 1) สิทธิในการซื้อสินทรัพย์โทรคมนาคมจาก BFKT มูลค่า 10 ลบ. และการโอนกรรมสิทธิ์จากสิทธิในการรับรายได้สุทธิของสินทรัพย์โทรคมนาคมของ AWC ให้กับ DIF และ 2) การเจรจาชำระหนี้ฉบับที่ 4 มูลค่า 1.16 หมื่นลบ. ซึ่งจะครบกำหนดชำระในเดือน มี.ค.2568 เราคาดว่าธุรกรรมสำหรับสิทธิในการซื้อ (call option) และการโอนกรรมสิทธิ์จะเสร็จสมบูรณ์ ซึ่ง DIF จะมีสินทรัพย์ freehold เพิ่มขึ้น โดยได้รับค่าเช่าสุทธิซึ่งจะเท่ากับค่าเช่าสุทธิในปี 2567 เป็นอย่างน้อย แม้เราจะยังไม่แน่ใจเกี่ยวกับจำนวนเงินชำระหนี้ใหม่ แต่เราประเมินว่า DIF จะชำระหนี้คืน 1.25 พันลบ. ในปี 2568-69 ซึ่งน่าจะส่งผลให้สมมติฐาน DPU ของเราอยู่ที่ 0.87 บาท สำหรับทั้ง 2 ปี บ่งชี้ถึงแนวโน้ม DPU ที่ทรงตัวเมื่อเทียบกับปี 2567
แนะนำ “ซื้อ” และ TP ที่ 11.10 บาท เราคาดว่า DIF น่าจะเสนอ market IRR ที่ 8.6% อิงจากกรณีฐานของเรา ซึ่ง DIF จะสามารถสร้างผลตอบแทนได้ตลอดไป
