บล.กสิกรไทย:
SAWAD : กำไรแตะจุดต่ำสุดแล้ว แต่ ROE มีแนวโน้มลดลง
- SAWAD รายงานกำไรไตรมาส 3/2567 ที่ 1.3 พันลบ. เพิ่มขึ้น 3% QoQ แต่ลดลง 6% YoY ซึ่งสอดคล้องกับที่เราและตลาดคาดการณ์ กำไร 9 เดือนแรกของปี 2567 คิดเป็น 73% ของประมาณการกำไรทั้งปี 2567 ของเรา
- ปรับลดประมาณการกำไรปี 2567-69 เราปรับประมาณการกำไรปี 2567-69 ลง 1.4%/7.6%/5.5% เป็น 5.16 พันลบ./5.66 พันลบ./6.56พันลบ. เพื่อสะท้อน 1) อัตราส่วนต่างดอกเบี้ย (NIM) ไตรมาส 3/2567 ที่อ่อนแอกว่าคาด โดยคาดว่าจะอ่อนแอต่อเนื่องไปจนถึงปี 2568 และ 2) แนวโน้มสินเชื่อเติบโตช้าค่อนข้างช้า เนื่องจากผู้บริหารมีแผนจะจัดหาสภาพคล่องสำหรับการต่ออายุหุ้นกู้ และกำหนดเกณฑ์การอนุมัติสินเชื่อที่เข้มงวดขึ้น เราปรับสมมติฐาน NIM ลง 25bps และ 20bps ในปี 2568-69 เป็น 14.93% และ15.12% ขณะที่ปรับสมมติฐานการเติบโตของสินเชื่อลงเหลือ -1.27% และ 8.24% ในปี 2567-68 จาก 8% และ 10.38% ดังนั้น เราคาดว่ากำไรปี 2567-68 จะเติบโต 3.17% และ 9.7%
- Credit cost จะลดลงทีละน้อยไปในปี 2568 เมื่อวันที่ 15 พ.ย. SAWAD จัดการประชุมนักวิเคราะห์ประจำไตรมาส 3/2567 ผู้บริหารระบุว่าการจัดเก็บหนี้ในเดือน ต.ค.-พ.ย. ปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย ในขณะที่ประโยชน์จากโครงการแจกเงินสดของรัฐบาลนั้นเริ่มเห็นได้ในช่วงต้นเดือน ต.ค. ผู้บริหารคงเป้าค่าใช้จ่ายสำรองหนี้สูญ (credit cost) ที่ 180bps ซึ่งจะค่อยๆ บรรลุผลในปี 2568 และการก่อหนี้เสีย (NPL) ใหม่จปรับะดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในไตรมาส 4/2567 SAWAD คาดว่าผลขาดทุนจากการขายรถถูกยึดที่ลดลงจะค่อยๆ น้อยลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ไตรมาส 4/2567 เป็นต้นไป เราคาดว่า credit cost ปี 2568-69 จะลดลงเป็น 1.9% จาก 1.99% ในปี 2567
- รักษาสมดุลระหว่างสภาพคล่องและการเติบโต SAWAD ระบุว่าได้สำรองสภาพคล่องในไตรมาส 3/2567 ไว้สำหรับต่ออายุหุ้นกู้จากความไม่แน่นอนของตลาดหุ้นกู้ ส่งผลให้สินเชื่อไตรมาส 3/2567 เติบโตอ่อนแอ ผู้บริหารมองว่าตลาดหุ้นกู้มีแนวโน้มดีขึ้นในไตรมาส 4/2567 และคาดว่าหุ้นกู้ที่มีแผนจะออกในไตรมาส 4/2567 จะถูกขายหมด ดังนั้น SAWAD จึงคาดว่าการเติบโตของสินเชื่อจะปรับดีขึ้นเป็น 10-15% ในปี 2568 หากแผนการระดมทุนดำเนินไปได้ด้วยดี เรามีมุมมองอนุรักษ์นิยมมากกว่าผู้บริหารเกี่ยวกับแนวโน้มการเติบโตของสินเชื่อ และคาดว่าสินเชื่อปี 2568 จะเติบโตเพียง 8% เนื่องจากเราเชื่อว่าสินเชื่อเช่าซื้อ (HP) รถจักรยานยนต์จะยังคงลดลงในปี 2568 จากภาวะหนี้ครัวเรือนที่สูง
- คาดว่า ROE จะลดลง ผู้บริหารมีแนวโน้มที่จะรักษากระแสเงินสดสำหรับการดำเนินงานและคาดว่าจะจ่ายเงินปันผลเป็นเงินสดได้จำกัดในปี 2568 ด้วยการเติบโตของสินเชื่อที่ชะลอตัวและคาดว่าจะไม่มีเงินปันผลเป็นเงินสดในปี 2568 เราคาดว่า ROE จะลดลงเป็น 15.7% และ 15.57% ในปี 2568-69 จาก 16.81% ในปี 2567
มุมมอง KS
- แนะนำ “ถือ” TP ที่ 40.00 บาท เพื่อสะท้อนการปรับลดประมาณการกำไรปี 2567-69 ของเรา และลดเป้า PBV ลงเป็น 1.51 เท่า จาก 1.65 เท่า โดยถือว่า ROE ระยะยาวลดลงเป็น 16% จาก 17%