KS Daily View 28.11.2024 >>> S&P500 ปิดลบเล็กน้อย หลังจากปรับตัวขึ้นมา 7 วัน แรงกดดันมาจาก Dell และ HP ที่ลงแรงผิดหวังผลประกอบการ SET ปรับตัวลงมาทดสอบ 1,430 แต่วานนี้เงินบาทกลับมาแข็งค่า คาด SET อาจมีแรงหนุน มองกรอบ 1,420 – 1,440 แนะนำ MOSHI, PR9
แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศ:
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดลบโดย S&P 500 ลดลง 0.38% Dow Jones ลดลง 0.31% และ Nasdaq Composite ลดลง 0.85% เป็นการปิดลบครั้งแรกหลังจากบวกติดต่อกันราว 7 วัน จากแรงกดดันของหุ้นเทคโนโลยีและผลประกอบการที่น่าผิดหวังของหุ้นในกลุ่ม Hardware เช่น Dell (-12%) และ HP (-12%) ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจผสมผสาน GDP Q3 คงที่ที่ 2.8% แต่การบริโภคส่วนบุคคลถูกปรับลดลง จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 7 เดือน และ Core PCE ซึ่งเป็นตัวชี้วัดเงินเฟ้อหลักของ Fed เพิ่มขึ้นตามที่ตลาดคาด โดยตลาดยังให้น้ำหนัก 67% สำหรับโอกาสการลดดอกเบี้ยของ Fed ในการประชุมเดือนธันวาคม
ตลาดหุ้นไทยปิดที่ 1,430.40 จุด ปรับตัวลงราว 8 จุด ทำระดับต่ำสุดใหม่ตั้งแต่กลางเดือนกันยายนที่ผ่านมา โดยการปรับตัวลงเกิดขึ้นในวงกว้าง มีกลุ่มหุ้นปิดลบถึง 22 กลุ่ม นำโดยกลุ่มพลังงานที่ได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลง หลังการบรรลุข้อตกลงหยุดยิงระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ รวมถึงกลุ่มโรงไฟฟ้าที่เผชิญแรงกดดันจากการปรับลดค่า Ft นอกจากนี้กลุ่มใหญ่ เช่น ค้าปลีก อสังหาริมทรัพย์ วัสดุก่อสร้างสื่อสาร และธนาคาร ต่างปรับตัวลงเช่นกัน ขณะที่กลุ่มขนส่งและการเงินเป็นกลุ่มที่ปรับตัวขึ้น ด้านนักลงทุนต่างชาติและนักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 89 ล้านบาท และ 891 ล้านบาทตามลำดับ อย่างไรก็ตาม SET ลงมาทดสอบแนวรับสำคัญที่ 1,430 จุด ประกอบกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่อ่อนค่าหลัง GDP สหรัฐฯ ไตรมาสล่าสุดแม้เติบโต 2.8% แต่มีการปรับลดในส่วนของการบริโภคลงเล็กน้อย รวมถึงตัวเลขเงินเฟ้อ Core PCE ที่ออกมาตามคาด ส่งผลให้เงินบาทแข็งค่าขึ้น คาดว่า SET อาจได้รับแรงหนุนบางส่วนหลังปิดลบต่อเนื่อง 3 วัน โดยคาดกรอบการเคลื่อนไหวที่ 1,420–1,440 จุด แนะนำ MOSHI, PR9
ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:
- ครม.สัญจรจังหวัดเชียงใหม่กำลังพิจารณามาตรการเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจภายหลังสถานการณ์อุทกภัย โดยมีข้อเสนอจากภาคเอกชน อาทิ การพักชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ย 12 เดือน ปรับลดดอกเบี้ยลง 1% เป็นเวลา 1 ปี และยกเว้นภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง รวมถึงภาษีป้าย 2 ปี เพื่อบรรเทาผลกระทบทางการเงินกับผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ นอกจากนี้ยังมีแผนสนับสนุนการท่องเที่ยวและฟื้นฟูภาคการเกษตร เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่
- กระทรวงคมนาคมร่วมกับ 6 สายการบิน ได้แก่ บางกอกแอร์เวย์ส ไทยแอร์เอเชีย นกแอร์ ไทยไลอ้อนแอร์ ไทยเวียตเจ็ท และการบินไทย จัดโครงการลดราคาตั๋วเครื่องบิน 30% จำนวน 50,000 ที่นั่ง ครอบคลุมเส้นทางสำคัญระหว่างกรุงเทพฯ กับจังหวัดท่องเที่ยวหลัก เปิดจองระหว่าง 5-7 ธันวาคม 2567 สำหรับการเดินทางช่วง 26 ธันวาคม 2567 – 5 มกราคม 2568 พร้อมขยายเวลาเปิดให้บริการสนามบิน 8 แห่งเพื่ออำนวยความสะดวกช่วงเทศกาลปีใหม่
- รัฐบาลได้อนุมัติมาตรการลดค่าไฟฟ้าในช่วงเดือนมกราคมถึงเมษายน 2568 จากเดิมที่ค่าไฟเฉลี่ยอยู่ที่ 4.18 บาท/หน่วย ในงวดปัจจุบัน (กันยายน-ธันวาคม 2567) ลดลงอีก 3 สตางค์ เหลือ 4.15 บาท/หน่วย โดยมาตรการนี้มีเป้าหมายเพื่อบรรเทาภาระค่าครองชีพให้กับประชาชน พร้อมถือเป็นของขวัญปีใหม่ 2568 เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือนและสร้างความผ่อนคลายให้กับเศรษฐกิจครัวเรือนในช่วงต้นปีหน้า
- สหรัฐฯ รายงานตัวเลขเศรษฐกิจผสมผสานโดย GDP ไตรมาสที่ 3/2024 ครั้งที่สองที่ 2.8% QoQ เท่ากับครั้งแรก แต่รายละเอียดภายในมีการปรับลดในส่วนของการบริโภคลงจากเติบโต 3.7% เป็น 3.5% ในขณะที่จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายใหม่ในสหรัฐฯ ลดลงเหลือ 213,000 ราย ต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเมษายน และสำหรับตัวเลขเงินเฟ้อ Core PCE เพิ่มขึ้น 2.8% YoY และ 0.3% MoM สอดคล้องกับที่ตลาดคาด
- ทรัมป์แต่งตั้ง Kevin Hassett เป็นผู้อำนวยการสภาเศรษฐกิจแห่งชาติ และ Jamieson Greer เป็นผู้แทนการค้าสหรัฐฯ โดย Hassett จะมีบทบาทสำคัญในแผนลดภาษี ส่วน Greer ศิษย์เก่าของ Robert Lighthizer จะดูแลนโยบายภาษีนำเข้าที่ทรัมป์ประกาศจะเก็บ 25% จากแคนาดาและเม็กซิโก และเก็บเพิ่มอีก 10% จากจีน เพื่อกดดันให้บริษัทย้ายฐานการผลิตกลับสหรัฐฯ
- นายบาเซม นาอิม จากกลุ่มฮามาส ยืนยันว่าไม่รู้สึกถูกหักหลังจากข้อตกลงหยุดยิงระหว่างฮิซบอลเลาะห์กับอิสราเอล พร้อมสนับสนุนหากเป็นประโยชน์ต่อเลบานอน โดยระบุว่าฮามาสจะยังคงต่อสู้เพื่อสิทธิของชาวปาเลสไตน์ต่อไป และพร้อมถอนตัวหากเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นฟูรัฐปาเลสไตน์ นายนาอิมมองว่าสถานการณ์ในตะวันออกกลางจะไม่ย่ำแย่ไปกว่าช่วงรัฐบาลโจ ไบเดน และเชื่อมั่นในสัญญาของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ที่จะยุติสงครามหากกลับมาเป็นผู้นำสหรัฐฯ
หุ้นแนะนำวันนี้ Top pick:
- MOSHI : ราคาพื้นฐาน 53.60 บาท
เราคงมุมมองเชิงบวกต่อ MOSHI โดยคาดว่ายอดขายสาขาเดิมในไตรมาส 4/2567 มีโอกาสเติบโตแข็งแกร่งที่ 24-26% และคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะปรับตัวดีขึ้นจากยอดขายค้าปลีกที่ดีขึ้นในช่วงไฮซีซัน สำหรับปี 2568 คาดว่า MOSHI จะเร่งการเปิดสาขาเป็น 40 สาขา จากเป้าหมายเดิม 30 สาขา โดยคาดว่ารายได้ในปี 2568 มีโอกาสเติบโตอย่างน้อย 15-20% และมองว่าสาขาของ MOSHI ยังสามารถเปิดได้อีกมากกว่า 2 เท่า หากโมเดลร้านค้าแบบสแตนด์อโลนประสบความสำเร็จก็จะเพิ่มโอกาสในการขยายสาขามากขึ้น และสร้างการเติบโตได้ต่อเนื่องมากกว่า 3 ปีขึ้นไป
- PR9 : ราคาพื้นฐาน 28.50 บาท
เรามีมุมมองเชิงบวกหลังการประชุมนักวิเคราะห์ไตรมาส 3/2567 โดยมองว่ารายได้จากผู้ป่วยต่างชาติยังคงมีแนวโน้มที่ดี และได้รับความเชื่อมั่นจากผู้ป่วยต่างชาติและสถานทูตเป็นอย่างดีทั้งกลุ่มตะวันออกกลางและกลุ่มอื่นๆ อีกทั้งรายได้จากกลุ่ม CLMV ยังเติบโตได้ต่อเนื่องจากคุณภาพการรักษาที่ได้มาตรฐานและราคาที่อยู่ในระดับที่น่าพอใจ โดยหากได้ผู้ป่วยคูเวตเพิ่มจะเป็นโอกาสเติบโตนอกเหนือจากประมาณการของเราในอนาคต คาดว่าปี 2568 จะยังเติบโตได้ในระดับสองหลัก และอัตรากำไรขั้นต้นของ PR9 มีโอกาสปรับตัวดีขึ้นในปี 2568 จากสัดส่วนผู้ป่วยต่างชาติที่เพิ่มขึ้น
รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ
- วันพฤหัสฯ ติดตามการประชุมธนาคารกลางเกาหลีใต้ครั้งสุดท้ายของปีนี้ ตลาดคาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 3.25% และดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม ยูโรโซน เดือน พ.ย. เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ -13 จุด
- วันศุกร์ ติดตามตัวเลขส่งออก (Export) ของ ธปท. เดือน ต.ค. เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 1.1% YoY และตัวเลขนำเข้า (Import) เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 9.5% YoY