Daily Focus: จับตาแนวต้าน 1,460+- จุด หากผ่านได้ มีลุ้นทดสอบ High เดิม
2025 SET Target: 1600
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับตัวขึ้นได้แข็งแกร่งกว่าคาด ปิดบวกถึง 17.65 จุด ที่ระดับ 1,454.75 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่หนาแน่นขึ้นเป็น 4.73 หมื่นลบ. หนุนโดยแรงซื้อหุ้นขนาดใหญ่ค่อนข้างกระจายตัว โดยเฉพาะ GULF ADVANC INTUCH เป็นต้น สถาบันในประเทศและนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นหนาแน่น 3.5 พันลบ.และ 1.4 พันลบ. ตามลำดับ (และ Long Index Futures สูงถึง 3.7 หมื่นสัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index จะแกว่งตัว Sideways to Sideways Up ชะลอความร้อนแรงจากวานนี้ที่ปรับตัวขึ้นได้แข็งแกร่ง โดยมีแนวต้านระยะสั้นบริเวณ 1,460+- จุด หากทะลุผ่านได้จะทำให้แนวโน้มกลับมาเป็นขาขึ้นและมีลุ้นขึ้นทดสอบ High เดิมบริเวณ 1,500 จุด ด้านตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ เมื่อคืนที่ผ่านมาตัวเลข Job Openings ของสหรัฐฯเดือน พ.ย.ออกมาสูงกว่าคาด และต้องติดตามต่อเนื่อง โดยเฉพาะการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่จะประกาศคืนวันศุกร์นี้ (ตลาดคาดเพิ่มขึ้นราว 2 แสนตำแหน่ง) ซึ่งจะมีผลต่อการประชุม FED ครั้งสุดท้ายของปีวันที่ 18 ธ.ค. โดยเฉพาะมุมมองและแนวโน้มการลดดอกเบี้ยในปี 2025 ว่าจะปรับลงมากน้อยเพียงใดเทียบกับตลาดที่ประเมินราว 50 bps เราคาดแรงหนุนดัชนีระยะสั้นจะมาจากสถาบันในประเทศจากเม็ดเงินของ SSF TESG ท้ายปี รวมถึง VAYU1 ที่คาดว่าจะทยอยเข้าซื้อหุ้นต่อเนื่องและช่วยจำกัด Downside บริเวณ 1,400 จุด ขณะที่ภาพเศรษฐกิจไทยอยู่ในช่วงทยอยเร่งตัวใน 4Q24 จาก High Season ของการใช้จ่ายและการท่องเที่ยว รวมถึงปี 2025 ที่มองภาคการลงทุนทั้งรัฐและเอกชนจะเป็นหนึ่งในเครื่องยนต์หลักหนุนการเติบโต นอกจากนี้ให้ติดตามการประชุมครม.ช่วงที่เหลือของปีว่าจะมีมาตรการสนับสนุนการใช้จ่ายเพื่อลดหย่อนภาษีออกมาเพิ่มเติมหรือไม่
กลยุทธ์ : เน้น Domestic Play ที่มีแนวโน้มกำไร 4Q24-2025 แข็งแกร่ง // ส่วนที่สะสมในช่วงก่อนหน้ายังถือลงทุนระยะกลาง-ยาว
หุ้นเด่นเดือน ธ.ค. : AAV, BDMS, CPALL, MAGURO, RBF
FSSIA Portfolio: BA, CHG, CPALL, KTB, MTC, NSL, RBF, SEAFCO, SHR, WHA
หุ้นเด่น Finansia 4 ธ.ค. 24 : CHG
- แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 3.80 บาท
- สมาคมรพ.และสปส.จะประชุมกันวันที่ 6 ธ.ค. ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปสำหรับการจ่ายค่ารักษาโรคยาก RW>2 และคาดว่าจะมีการประกันการจ่ายที่ระดับ 12,000 บาท/AdjRW ในปี 2025 ซึ่งเราคาดว่าจะทำให้ตลาดปลดล้อคความกังวล แม้ส่วนของปี 2024 มีโอกาสที่จะบันทึกต่ำกว่าใน 4Q24
- เรายังมีมุมมองเชิงบวกต่อการเติบโตของ CHG ทั้งในส่วนรพ.หลักเดิม รวมถึงผลขาดทุนที่น้อยลงของรพ. CHG แม่สอด คาดกำไรปี 2025 โต 15% y-y ราคาหุ้นปัจจุบันเทรด 2025PER เพียง 21 เท่า
- แนวรับ 2.60//2.54 บาท แนวต้าน 2.76-2.80//3 บาท
Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาคสุทธิเร่งตัวขึ้นเป็น US$1,751 ล้าน นำโดยไต้หวันและเกาหลีใต้ US$1,035 ล้านและ US$561 ล้าน ตามลำดับ ส่วนอาเซียนเม็ดเงินพลิกมาไหลเข้าอินโดนีเซียและไทย US$130 ล้านและ US$41 ล้าน ตามลำดับ แต่ไหลออกจากฟิลิปปินส์และเวียดนามประเทศละ US$7-9 ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนคาดว่าจะชะลอการไหลเข้าและมี Sentiment ลบที่เกาหลีใต้ นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามถ้อยแถลงประธาน FED และตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรปลายสัปดาห์
ประเด็นสำคัญวันนี้
(+) กลุ่มรับเหมาฯ ครม.อนุมัติหลักการโครงการก่อสร้างมอเตอร์เวย์สาย M9 ตอนทางยกระดับบางขุนเทียน-บางบัวทอง ระยะทาง 35.85 กม. คาดเปิดประมูลปลายปี 2025 เราประเมินว่าผู้เข้าประมูลหลักจะเป็น Operator อย่าง BEM ซึ่งมี CK เป็นผู้ก่อสร้าง / กลุ่ม BTS ซึ่งอาจเห็นการรวมกลุ่มกับ GULF STECON RATCH ขณะที่ผู้รับเหมาฐานรากอย่าง SEAFCO PYLON จะได้รับประโยชน์ลำดับถัดไป เราคงน้ำหนัก Overweight กลุ่มรับเหมาฯ จากการลงทุนภาครัธที่เป็นเครื่องยนต์หลักขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เลือก CK SEAFCO เป็น Top Pick
(+) PRM แนวโน้มกำไร 4Q24 ที่ 541 ล้านบาท +20% q-q, -28% y-y ต่ำกว่าที่เคยคาดเพราะซ่อมบำรุงเร็วขึ้น แต่ยังโต 20% q-q คาดกำไรปี 2025-26 โต 11% y-y และ 6% y-y ตามลำดับ จากจำนวนเรือที่เพิ่มขึ้นและ Demand ของเรือ Tanker ที่ยังมีสูงแต่ Supply เริ่มจำกัด ราคาเป้าหมาย 10.50 บาท ราคาหุ้นปัจจุบันเทรด P/E เพียง 8.6 เท่า Dividend yield 5-6% ยังแนะนำ “ซื้อ”
(+) GPSC เราเชื่อว่ากำไรของ GPSC ผ่านจุดต่ำสุดใน 3Q24 และคาดกำไรสุทธิปี 2025-26โต 15% y-y และ 23% y-y ตามลำดับ จากกำลังการผลิตไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นและโอกาสสูงที่จะได้กำลังการผลิตใหม่จากการประมูลพลังงานหมุนเวียนเฟสที่ 2.1 อีกราว 250 MW ปัจจัยหนุนสำคัญอยู่ที่อัตรากำไรของโรงไฟฟ้า SPP ที่ปรับตัวดีขึ้นจากต้นทุนเชื้อเพลิงที่ลดลง กำไรของโรงไฟฟ้า IPP จะกลับมาอยู่ในระดับปกติ และมีส่วนแบ่งกำไรที่สูงขึ้นจาก AEPL CFXD และ ERU หลังมีกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ราคาเป้าหมาย 51 บาท แนะนำ “‘ซื้อ”
(0) CBG ประเด็นถูกดี ถูกอดีต franchisee ร้องเรียนไปยัง DSI แต่ DSI แจ้งว่าไม่มีมูลเหตุให้ฟ้องอย่างเพียงพอ ส่วนต้นทุนนำเข้าอลูมิเนียมจากจีนที่จะสูงขึ้นหลังจีนจะยกเลิกการคืนภาษีสำหรับส่งออกอลูมิเนียมและทองแดง 13% นั้นจะไม่กระทบเพราะหันไปซื้อญี่ปุ่นแนวโน้มยอดขายในประเทศ 4Q24 ยังแข็งแกร่งต่อเนื่อง ทั้งเครื่องดื่มชูกำลังและแอลกอฮอล์และยังคงเป้ารายได้ปี 2025 โต 20% y-y คงราคาเป้าหมาย 88 บาท แนะนำ “ซื้อ”
(0) คาดการณ์หุ้นเข้าออก SET50/100 งวด 1H25 สำหรับ SET50 คาดหุ้นเข้า BANPU SAWAD COM7 CCET หุ้นออก TIDLOR CENTEL BCP EA ส่วนด้าน SET100 คาดหุ้นเข้า CCET JTS TVO AURA หุ้นออก MBK SKY TIPH RBF โดยตลท.จะประกาศอย่างเป็นทางการ ช่วงกลางเดือน ธ.ค.
(-) ตลาดดาวโจนส์ ลดลง 76.47 จุด หรือ -0.17%, ปิดที่ 44,705.53 จุด ปรับตัวลงติดต่อกันเป็นวันที่ 2 ท่ามกลางการซื้อขายที่เป็นไปอย่างระมัดระวังก่อนที่จะมีการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานของสหรัฐฯ ส่วนดัชนี้ Nasdaq และ S&P500 ยังคงปิดทำนิวไฮ โดยได้ปัจจัยหนุนจากแรงซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี
(+) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวก โดยดัชนี DAX ของเยอรมนีปรับตัวขึ้นทดสอบระดับ 20,000 จุดในระยะสั้น ๆ ได้เป็นครั้งแรก ขณะที่นักลงทุนจับตาความวุ่นวายทางการเมืองในฝรั่งเศส โดยส่อเค้าที่จะมีการล้มรัฐบาล
(0) ตลาดเอเชีย เปิดบวกสลับลบ หลังสภาเกาหลีใต้โหวตคว่ากฏอัยการศึก
(+) ค่าเงินบาท แข็งค่า อยู่ที่บริเวณ 34.35 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ -0.52%
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 1.84 ดอลลาร์ หรือ 2.7% ปิดที่ 69.94 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากอิสราเอลขู่ว่าจะโจมตีเลบานอนหากข้อตกลงหยุดยิงกับกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ล้มเหลว นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่ากลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส จะขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันออกไปจนถึงไตรมาสแรกของปีหน้า ในขณะที่เช้านี้เพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 69.97 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ 0.04%
(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 9.40 ดอลลาร์ หรือ 0.35% ปิดที่ 2,667.90 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยได้ปัจจัยบวกจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และการชะลอตัวลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยข้อมูลแรงงานของสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ รวมถึงตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันศุกร์ ในขณะที่เช้านี้ลดลงอยู่ที่ระดับ 2,662.50ดอลลาร์/ออนซ์ หรือ -0.20%
SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 873.66/ -0.26%
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
4 ธ.ค. | สหรัฐ: ISM services PMI (พ.ย.) ออสเตรเลีย: 3Q24 GDP growth |
5 ธ.ค. | สหรัฐ: Initial Jobless Claims (พ.ย.) กลุ่มโอเปก: ประชุม OPEC และ Non- OPEC Ministerial |
6 ธ.ค. | ไทย: เงินเฟ้อ (พ.ย.) สหรัฐ: Non-Farm Payrolls (พ.ย.) |
7 ธ.ค. | จีน: ส่งออก (พ.ย.) |
8 ธ.ค. | จีน: เงินเฟ้อ (พ.ย.) |