หวังเม็ดเงินลงทุนจาก NVIDIA / 1445-1,465
SET แกว่งตัว Sideways to sideways up: โดยยังคงมีแรงขับเคลื่อนจากมาตรการภาครัฐ และลุ้น NVIDIA ประกาศแผนลงทุนในไทย หากแต่ถูกจำกัด ด้วยแรงลดสถานะเสี่ยงก่อนวันหยุด ท่ามกลางความไม่แน่นอนจากภายนอก
กลยุทธ์การลงทุน
1) Data center และ AI:
- โทรคมนาคม: ADVANC, INTUCH, TRUE
- นิคมฯและโรงไฟฟ้า: AMATA, BGRIM, GPSC, GULF, WHA
- อื่นๆ: BBIK, BE8, CCET, INSET, ITEL, SYMC
2) มาตรการรัฐ+หวังมาตรการแก้หนี้: AEONTS, BBL, CPALL, CPAXT, CRC, KBANK, KTB, KTC,
MOSHI, MTC, SCB, TISCO, TTB
3) พลังงาน: BCP, PTTEP, SPRC
- ยังมีแรงขับเคลื่อนจากมาตรการภาครัฐ: คาด SET Index ยังคงได้แรงหนุนจากการประชุมครม.วานนี้ หลังครม.ได้เห็นชอบ/อนุมัติมาตรการต่างๆ อาทิ 1) เงินสนับสนุนเกษตรกร 1 พันบาท/ไร่ ไม่เกิน 10 ไร่/ครัวเรือน จำนวน 4.61 ล้านครัวเรือน วงเงินงบประมาณ 3.86 หมื่นล้านบาท 2) เงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยในช่วงฤดูฝนปี 67 จำนวน 9 พันบาท/ครัวเรือน เพิ่มเติมอีก 16 จังหวัดวงเงิน 5 พันล้าบาท และ 3) ขยายระยะเวลาเก็บภาษีนำเข้าสินค้าที่มีมูลค่าต่ำกว่า 1,500 บาทออกไปอีก 1 ปี สิ้นสุด 31 ธ.ค.68 เป็นต้น อีกทั้งยังมีความหวังต่อมาตรการแก้หนี้ โดยวันที่ 11 ธ.ค.67 ธปท.จะออกมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยและเอสเอ็มอีเพิ่มเติม
- หวัง NVIDIA ประกาศแผนลงทุน: นอกจากนี้ คาด SET Index จะได้แรงหนุนจากการมาเยือนไทยของซีอีโอของ NIVDIA ซึ่งวานนี้ได้มีการเข้าหารือกับนายกฯและลงนาม MOU กับกระทรวงดิจิทัลฯขณะที่วันนี้ติดตามงาน AI Vision for Thailand ซึ่งอาจมีการประกาศถึงแผนการลงทุน เพื่อผลักดันไทยให้เป็นศูนย์กลางแห่งนวัตกรรม AI ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
- ลดสถานะเสี่ยงก่อนวันหยุด: อย่างไรก็ตาม ทางฝ่ายมองทางขึ้นจำกัดหลัง SET Index จะปิดท้ำการในวันพรุ่งนี้ ส่งผลให้อาจมีแรงขายลดสถานะเสี่ยงอันเนื่องมาจากปัจจัยภายนอก ได้แก่ 1) การกล่าวสุนทรพจน์ในงาน New York Times DealBook Summit ของปธ.เฟดในคืนนี้ 2) สถานการณ์ความไม่สงบของการเมืองต่างประเทศอาทิ เกาหลีใต้ และฝรั่งเศส และ 3) ความกังวลการค้าโลก หลังจีนประกาศแบนการส่งออกวัสดุสำคัญที่ใช้ในการผลิตชิปไปยังสหรัฐฯขณะที่ปัจจัยติดตามในวันนี้ 1) CPI เดือนพ.ย.67 ของไทย ตลาดคาด Headline และ Core ขยายตัว 1.14% y-y และ 0.77% y-y จากเดือนต.ค.67 ที่ 0.83% y-y และ 0.77% y-y ตามลำดับ 2) PMI ภาคบริการเดือนพ.ย.67 ของจีนจาก Caixin ตลาดคาดที่ 52.5 เพิ่มขึ้นจาก 52.0 ในเดือนต.ค.67 รวมถึง PMI ภาคบริการเดือนพ.ย.67 ของยูโรโซนและสหรัฐฯ และตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนจาก ADP เดือนพ.ย.67 ของสหรัฐฯ
+ ปัจจัยเพิ่มเติม-
(+) ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวขึ้น 1.75% สู่ระดับ 569.29 ต่อบาร์เรล หลังตลาดคาด OPEC+ จะมีมติเลื่อนแผนปรับเพิ่มคำลังการผลิตในการประชุมสัปดาห์นี้
(+) สหรัฐผยผลสำรวจการเปิดรับสมัครงาน และอัตราการหมุนเวียนของแรงงานพบว่าตัวเลขคารเปิดรับสมัครงาน ซึ่งเป็นมาตรวัดอุปสงค์ในตลาดแรงงานเพิ่มขึ้น 3.72 แสนตำแหน่ง สู่ระดับ 7.744 ล้านตำแหน่งในเดือนต.ค.67
(+) ผู้ว่าการ PBOC เผย PBOC จะยังคงยึดมั่นในจุดยืนการดำเนินนโยบายการเงินผ่อนคลายในปี 68 พร้อมกับย้ำว่าจะใช้นโยบายที่สามารถต้านทานวัฏจักรทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้ จะใช้เครื่องมือต่างๆ เพื่อรักษาสภาพคล่องให้เพียงพอ และลดต้นทุนคารกู้ยืมสำหรับบริษัทเอกชนและผู้อยู่อาศัย
(+) แหล่งข่าวว่าเผยคณะผู้นำของจีนวางแผนที่จะเริ่มการประชุมคณะทำงานว่า ด้วยเรื่องเศรษฐกิจ หรือ Central Economic Work Conference วันพุธหน้าเพื่อกำหนดเป้าหมายทางเศรษฐกิจและแผนกระตุ้นเศรษฐกิจสำหรับปี 68
PICKS OF THE DAY
ADVANC BUY
- เป้าหมาย 299.00 / 305.00 แนวรับ 291.00
- คาดธุรกิจ Data Center สดใส : จากข่าวความร่วมมือธุรกิจ Data Center ของบริษัท ซึ่งถือหุ้น 25% ร่วมกับ GULF (40%) และ Singtel (35%) สำหรับเฟสแรกคาดว่าจะ COD ขนาด 25 MW ช่วง 1H68 และปัจจุบันมีแผนขยายอีก 50-100 MW นอกจากนี้คาดบริษัทได้รับมุมมองเชิงบวกจากการมาเยือนประเทศไทยของ CEO บริษัท NVIDIA ช่วงวันที่ 4 ธ.ค. ซึ่งมีแนวโน้มจะประกาศการลงทุนในประเทศไทย
- คาดปี 68 กำไรโตจากแผนขยาย FBB: บริษัทเปิดเผยเป้าหมายปี 68 วางแผนขยายธุรกิจบรอดแบนด์หรือ ธุรกิจอินเตอร์เน็ตบ้าน ให้ครอบคลุม 928 อำเภอทั่วประเทศ โดยวางงบราว 6 พันล้านบาท โดยตั้งเป้าหมายจำนวนลูกค้าเพิ่มขึ้นเป็น 3 แสนราย (จำนวนลูกค้าFBB ณ ปัจจุบัน ราว 2.7 แสนราย) ทางฝ่ายคาดบริษัทกำไรปี 68 โต 24% y-y จากการขยายธุรกิจ FBB ดังกล่าว
AEONTS BUY
- เป้าหมาย 128.00 / 131.00 แนวรับ 122.00
- คาดได้ประโยชน์จากมาตรการแก้หนี้: มาตรการแก้หนี้ที่จะประกาศออกมาในวันที่ 11 ธ.ค. 67 ซึ่งน่าจะมีมาตรการในการแก้หนี้สินเชื่อส่วนบุคคล และสินเชื่อบัตรเครดิต ซึ่งเป็นสินเชื่อหลักของ AEONTS ออกมาด้วย ถึงแม้ว่าทางฝ่ายคาดว่าการแก้หนี้จะทำที่ธนาคารพาณิชย์ และธนาคารเฉพาะกิจของรัฐเป็นหลักไม่ได้ทำที่ Non-bank แต่การที่ลูกหนี้มีภาระหนี้น้อยลง จะทำให้ความสามารถในการชำระหนี้ดีขึ้น และทำให้แนวโน้ม NPL ของ AEONTS ลดลงได้
- เข้า High season ของการจับจ่าย: ช่วงปลายปีจะเป็นช่วงที่มีการจับจ่ายมาก น่าจะส่งผลดีต่อยอดการใช้จ่ายผ่านบัตร รวมไปถึงการเติบโตของสินเชื่อด้วย