Daily Focus: แกว่งตัวออกข้าง รอดูตัวเลขการจ้างงานสหรัฐฯ

2025 SET Target : 1600

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ชะลอตัวลงเล็กน้อย ลดความร้อนแรงหลังจากปรับพุ่งขึ้นแกร่งในวันก่อนหน้า ดัชนีปิดลบเล็กน้อย 3.94 จุด ที่ระดับ 1,450.82 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่บางลงเหลือ 3.8 หมื่นลบ. โดยเข้าช่วงคาบเกี่ยววันหยุด สถาบันในประเทศซื้อสุทธิในตลาดหุ้นต่อเนื่องอีก 1.1 พันลบ. ส่วนนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 763 ลบ. (และ Short Index Futures 1.36 หมื่นสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index จะแกว่งตัว Sideways to Sideways Up ในกรอบ 1,440-1,460 จุด และคาดมูลค่าการซื้อขายไม่หนาแน่นนัก เนื่องจากตลาดรอจับตาตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญคืนนี้ คือการจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐฯเดือน พ.ย. ซึ่งตลาดคาดเพิ่มขึ้นราว 2-2.2 แสนตำแหน่ง ซึ่งหากออกมาสูงหรือต่ำกว่าคาดอย่างมีนัยยะจะมีผลต่อการ FED ในการประเมินความเร็วและขนาดของการปรับลดดอกเบี้ย ทั้งในกาประชุมครั้ง สุดท้ายของปีวันที่ 18 ธ.ค. และโดยเฉพาะแนวโน้มปี 2025 จากปัจจุบันที่ให้โอกาสกว่า 70% ที่จะปรับลด 25 bps ในเดือน ธ.ค. และคาดปรับลงต่ออีก 50-75 bps ในปีหน้า ส่วนในประเทศยังไม่มีปัจจัยหนุนใหม่ที่ชัดเจน วันนี้ติดตามตัวเลขเงินเฟ้อเดือน พ.ย. ตลาดคาด Headline +0.95% Y-y Core +0.8% y-y ส่วนภาพรวมคาดยังทยอยเห็นสถาบันในประเทศทยอยซื้อหุ้นและช่วยจำกัด Downside ของดัชนีในเดือน ธ.ค. จากทั้งเม็ดเงิน SSF TESG ท้ายปี รวมถึง VAYU1 ส่วนระยะกลาง-ยาวยังคาดหวังภาพเศรษฐกิจไทยที่อยู่ในช่วงทยอยเร่งตัวใน 4Q24 จาก High Season ของการใช้จ่ายและการท่องเที่ยว รวมถึงปี 2025 ที่มองภาคการลงทุนทั้งรัฐและเอกชนจะเป็นหนึ่งในเครื่องยนต์หลักหนุนการเติบโต จะช่วยหนุนให้ดัชนีทยอยไต่ระดับขึ้นได้ในปีหน้า นอกจากนี้ให้ติดตามการประชุมครม.ช่วงที่เหลือของปีว่าจะมีมาตรการสนับสนุนการใช้จ่ายเพื่อลดหย่อนภาษีออกมาเพิ่มเติมหรือไม่

กลยุทธ์ : เน้น Domestic Play ที่มีแนวโน้มกำไร 4Q24-2025 แข็งแกร่ง // ส่วนที่สะสมในช่วงก่อนหน้ายังถือลงทุนระยะกลาง-ยาว

หุ้นเด่นเดือน ธ.ค. : AAV, BDMS, CPALL, MAGURO, RBF

FSSIA Portfolio: BA, CHG, CALL, KTB, MTC, NSL, RBF, SEAFCO, SHR, WHA

หุ้นเด่น Finansia 6 ธ.ค. 24 : DUSIT

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 15 บาท
  • Dusit Thani Bangkok กลับมาเปิดให้บริการในเดือน ก.ย. โดยคาดว่าจะเห็น Occupancy Rate ทยอยเร่งขึ้นเป็น 30-50% ในเดือน ธ.ค. และ 60-70% ในปี 2025 เราคาดผลการดำเนินงานจะพลิกมีกำไรใน 4Q24 และ 2025 หนุนจากการโอนโครงสร้างศูนย์การค้าและห้องพักอาศัย
  • เราคาด DUSIT จะมีกำไร 264 ลบ.ในปี 2025 และเรงขึ้นเป็น 1.7 พันลบ.ปี 2026 และหากไม่รวมกำไรจากการขยายอสังหาฯ คาดกำไรปี 2026 ที่ 350 ลบ. 
  • แนวรับ 10.70-10.60 บาท แนวต้าน 11.20-11.30//11.60 บาท 

Fund Flow : ช่วง 2 วันที่ผ่านมา กระแสเงินทุนยังไหลเข้าภูมิภาคสุทธิ US$502 ล้าน แต่กระจุกตัวที่ไต้หวัน US$1,052 ล้าน แต่ไหลออกจากเกาหลีใต้ US$538 ล้าน ส่วนฝั่งอาเซียนเม็ดเงินไหลเข้าอินโดนีเซียสูงสุด US$28 ล้าน แต่ไหลออกจากไทยและฟิลิปปินส์ประเทศละ US$17-22 ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนคาดว่าจะผสมผสานและเบาบางลง โดยรอติดตามตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือน พ.ย. คืนนี้ ซึ่งจะมีผลต่อการตัดสินใจของ FED ทั้งการลดดอกเบี้ยในเดือน ธ.ค. รวมถึงปี 2025

ประเด็นสำคัญวันนี้

(0) จับตาการจ้างงานสหรัฐฯ คืนนี้ ตลาดคาดตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐฯเดือน พ.ย. เพิ่มขึ้น 2-2.2 แสนตำแหน่ง เป็นระดับที่แข็งแกร่งและเร่งขึ้นจากเดือนก่อนที่ 1.2 หมื่นตำแหน่ง จากปัจจัยลบกระทบชั่วคราว ขณะที่อัตราว่างงานคาดขยับขึ้นเล็กน้อยเป็น 4.2% จากเดือนก่อนที่ 4.1% แต่ยังถือว่าอยู่ในระดับที่ไม่สูงเทียบกับในอดีตระยะยาวตัวเลขที่ออกมาจะมีผลกับการประเมินของ FED ในการประเมินขนาดและความเร็วในการลดดอกเบี้ยในปี 2025

(0) ผลประชุม OPEC+ วานนี้ แม้ที่ประชุม OPEC+ ตัดสินใจคงปริมาณการผลิตไปจนถึง 1Q25 แต่จะค่อยๆ เพิ่มกำลังการผลิตตั้งแต่ 2025 ไปจนถึง ก.ย. 2026 ตามคาดขณะที่ราคาน้ำมันดิบระยะสั้นไม่ได้ขานรับในเชิงบวก ส่วนระยะกลางยาว เรายังเชื่อว่าราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มผันผวนในทิศทางลง จากภาวะ Oversupply จากนโยบายทรัมป์ที่ต้องการเพิ่มกำลังผลิตสหรัฐอีกกว่า 3 ล้านบาร์เรล/วัน ในสมัยของเขา ส่วนกลุ่ม OPEC+แม้มีแนวโน้มปรับเพิ่มกำลังผลิต แต่เชื่อว่าน่าาถูกเลื่อนตลอดทั้งปี 2025 ขณะที่ความต้อการน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นได้จำกัด เนื่องจากการใช้พลังงานทดแทนที่เพิ่มขึ้น ยอดขายรถยนต์สันดาบชะลอตัวในช่วงปีที่ผ่านมาและยังมีความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าที่อาจทำให้การค้าระหว่างประเทศชะลอตัว

(0) คาดการณ์หุ้นเข้าออก SET50/100 งวด 1H25 สำหรับ SET50 คาดหุ้นเข้า BANPU SAWAD COM7 CCET หุ้นออก TIDLOR CENTEL BCP EA ส่วนด้าน SET100 คาดหุ้นเข้า CCET JTS TVO AURA หุ้นออก MBK SKY TIPH RBF โดยตลท.จะประกาศอย่างเป็นทางการช่วงกลางเดือน ธ.ค.

(-) ตลาดดาวโจนส์ ลดลง 248.33 จุด หรือ -0.55%, ปิดที่ 44,765.71 จุด โดยถูกกดดันจากการร่วงลงของหุ้นยูไนเต็ดเฮลธ์ กรุ๊ป (United Health Group) ซึ่งเป็นบริษัทประกันสุขภาพรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ รวมทั้งการปรับตัวลงของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ขณะที่นักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ก่อนการประชุมในเดือนนี้

(+) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวกในวันพฤหัสบดี (5 ธ.ค.) ที่ระดับสูงสุดในรอบกว่า 1 เดือน โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มธนาคาร เนื่องจากนักลงทุนหวังว่าอาจจะมีการอนุมัติงบประมาณใหม่ในฝรั่งเศส หลังจากมีการโค่นล้มรัฐบาลของนายกรัฐมนตรีมิเชล บาร์นิเยร์

(+) ตลาดเอเชีย ส่วนใหญ่เปิดบวก สวนทางตลาดสหรัฐฯ หลังญี่ปุ่นรายงาน ตัวเลข Household spending ที่ดีกว่าตลาดคาด

(+) ค่าเงินบาท แข็งค่า อยู่ที่บริเวณ 34.15 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ -0.35%

(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 24 เซนต์ หรือ 0.35% ปิดที่ 68.3 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากนักลงทุนประเมินว่าแนวโน้มอุปทานน้ำมันในปีหน้าอาจมีปริมาณมาก แม้ว่ากลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส มีมติเลื่อนการเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันออกไปอีก 3 เดือนจนถึงเม.ย. 2568 ในขณะที่เช้านี้เพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 68.43 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ 0.19%

(-) ราคาทองคำ COMEX ลดลง 27.80 ดอลลาร์ หรือ 1.03% ปิดที่ 2,648.40 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยตลาดถูกกดดันจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ขณะที่นักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ ในวันนี้ เพื่อหาสัญญาณที่ชัดเจนเกี่ยวกับแนวโน้มตลาดแรงงานและทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในขณะที่เช้านี้เพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 2,655.20 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือ 0.26%

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 871.94/ -0.20%

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

6 ธ.ค.ไทย: เงินเฟ้อ (พ.ย.)

สหรัฐ: Non-Farm Payrolls (พ.ย.), Unemployment (พ.ย.)

7 ธ.ค.จีน: ส่งออก (พ.ย.)
9 ธ.ค.จีน: เงินเฟ้อ (พ.ย.)
10 ธ.ค.จีน: ส่งออก (พ.ย.)

ออสเตรเลีย: ประชุมธนาคารกลาง

11 ธ.ค.สหรัฐ: เงินเฟ้อ (พ.ย.)

แคนนาคา: ประชุมธนาคารกลาง

- Advertisement -