KS Daily View 09.12.2024 >>> มอง SET มีโอกาสขึ้นต่อ หลังบาทแข็ง/ สถาบันซื้อต่อเนื่อง มองกรอบ SET วันนี้ที่ 1,440-1,470 จุด หุ้นแนะนำ OSP, BCH

Theme การลงทุนสัปดาห์นี้: คาดคาดตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้แกว่งตัวขึ้นในกรอบ 1,435-1,460 จุด โดยได้แรงหนุนจากกระแสเงินลงทุนในกองทุนลดหย่อนภาษี รวมถึงบรรยากาศการลงทุนที่ดีขึ้นจาก Bond Yield สหรัฐฯ ที่ปรับลดลงจาก 4.5% ในกลางเดือน พ.ย. มาอยู่ที่ราว 4.1% และค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงมาที่กรอบ 105-106 หลังตลาดคาดหวังการลดดอกเบี้ยของ Fed ในเดือน ธ.ค. และมองว่าอาจลดต่อเนื่องจากตัวเลขการว่างงานที่เพิ่มขึ้นสะท้อนการชะลอตัวของตลาดแรงงาน ส่งผลให้ภาพรวมเป็นบวกต่อสินทรัพย์เสี่ยง สัปดาห์นี้มีปัจจัยสำคัญคือการรายงานตัวเลข CPI สหรัฐฯ เดือน พ.ย. ที่คาดเพิ่มขึ้นเป็น 2.7% YoY จาก 2.6% ตามฐานต่ำปีก่อน ซึ่งหากไม่สูงกว่าคาดตลาดน่าจะไม่ตอบสนองเชิงลบ รวมถึงจับตาหุ้น DELTA ในวันที่ 11 ธ.ค. ว่าจะหลุดหรือติดมาตรการ Cash balance ต่อ ด้านธีมการลงทุนแนะนำหุ้นที่ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยและดอลลาร์ที่อ่อนค่า โดยเฉพาะก่อนการประชุม Fed และ ธปท. วันที่ 18 ธ.ค. ทั้งกลุ่มการเงิน (MTC TIDLOR SAK) โรงไฟฟ้า (GPSC BGRIM) ที่ได้ประโยชน์จาก Bond Yield ลดลง กลุ่มปิโตรเคมี (IVL PTTGC) และพลังงาน (SPRC PTT) จากเงินบาทแข็งค่า รวมถึงค้าปลีก (CPALL CPAXT CRC) จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่จะชัดเจนปลายเดือน สำหรับกลยุทธ์การลงทุนแนะนำเก็งกำไรในหุ้น MTC BGRIM AOT OSP SHR

แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศวันนี้: ตลาดหุ้นไทยปิดที่ 1,451.96 จุด เคลื่อนไหวในกรอบแคบใต้แนวต้านสำคัญที่ 1,455 จุด โดยกลุ่มหุ้นนำตลาดยังคงเป็น NewCo อย่าง GULF, ADVANC และ INTUCH ที่ปรับตัวขึ้นช่วยหนุนดัชนี รวมถึงได้กลุ่มธนาคารที่ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง เรายังมีมุมมองเชิงบวกว่า SET มีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อได้ โดยได้รับแรงหนุนจากค่าเงินบาทแข็งค่ามาอยู่ที่ 33.8 บาทต่อดอลลาร์ และแรงซื้อจากนักลงทุนสถาบันที่ยังคงเข้าซื้อสุทธิ โดยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ซื้อสุทธิที่ 2,133 ล้านบาท สำหรับวันนี้คาดว่าดัชนีจะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,440–1,470 จุด

ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:

  1. ตลาดแรงงานสหรัฐฯ ในเดือนพฤศจิกายน 2024 แสดงสัญญาณฟื้นตัวหลังจากที่ได้รับผลกระทบจากพายุและการประท้วงในเดือนตุลาคม โดยการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 227,000 ตำแหน่ง สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้เล็กน้อย และตัวเลขเดือนตุลาคมถูกปรับเพิ่มขึ้นเป็น 36,000 ตำแหน่ง รวมถึงค่าจ้างเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 4% เมื่อเทียบกับปีก่อน อย่างไรก็ตาม อัตราว่างงานเพิ่มขึ้นเป็น 4.2% ตัวเลขเหล่านี้สนับสนุนมุมมองของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่ว่าตลาดแรงงานยังคงแข็งแกร่งแต่ไม่ได้สร้างแรงกดดันเงินเฟ้อมากนัก ทำให้นักลงทุนเชื่อว่า Fed จะปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมกลางเดือนนี้
  1. นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร จะนำทีมแถลงผลงาน 90 วันของรัฐบาลในวันที่ 12 ธ.ค. เวลา 10:00 น. ภายใต้ชื่อ “2568 โอกาสไทยทำได้จริง” ส่วนโครงการแจกเงิน 10,000 บาท เฟส 2 สำหรับผู้มีอายุ 60 ปีขึ้นไป โฆษกรัฐบาลยืนยันว่าจะเกิดขึ้นแน่นอนภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2568 แต่ล่าช้าเนื่องจากยังมีข้อสังเกตบางประการที่ต้องปรับปรุง
  1. วิกฤตการเมืองเกาหลีใต้ทวีความรุนแรงขึ้น หลังประธานาธิบดียุน ซุก-ยอล รอดพ้นการลงมติถอดถอน แต่กลับเผชิญการสอบสวนจากอัยการเกี่ยวกับการประกาศกฎอัยการศึกเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่อดีตรัฐมนตรีกลาโหมถูกจับกุม หัวหน้าพรรครัฐบาลประกาศให้นายกรัฐมนตรีฮัน ดุก-ซู เป็นผู้บริหารประเทศระหว่างเตรียมแผนให้ยุนพ้นจากตำแหน่ง อย่างไรก็ตาม ฝ่ายค้านคัดค้านว่าเป็นการกระทำที่ขัดรัฐธรรมนูญและเตรียมผลักดันการลงมติถอดถอนอีกครั้ง สถานการณ์นี้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นระหว่างประเทศและความสัมพันธ์กับพันธมิตรสำคัญอย่างสหรัฐฯ และญี่ปุ่น
  1. กองกำลังกบฏซีเรียยึดกรุงดามัสกัสได้สำเร็จ ทำให้การปกครองของตระกูลอัสซาดที่ยาวนานกว่า 50 ปีสิ้นสุดลง โดยประธานาธิบดีบาชาร์ อัล อัสซาด ได้หลบหนีออกนอกประเทศแล้ว ขณะที่นายกรัฐมนตรีประกาศพร้อมร่วมมือกับผู้นำคนใหม่ที่ประชาชนเลือก การล่มสลายของรัฐบาลอัสซาดเกิดขึ้นหลังกลุ่มกบฏเปิดฉากโจมตีและยึดเมืองสำคัญตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายน ท่ามกลางการสนับสนุนที่ลดลงจากพันธมิตรอย่างรัสเซียที่มุ่งเน้นสงครามยูเครน และกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ที่อ่อนกำลังจากความขัดแย้งกับอิสราเอล
  1. ซาอุดิอาระเบียประกาศลดราคาน้ำมันสำหรับตลาดเอเชียมากกว่าที่คาดในเดือนมกราคม โดย Saudi Aramco จะขายน้ำมันดิบ Arab Light ที่ส่วนต่าง พรีเมียม 0.90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลงจาก 1.70 ดอลลาร์ในเดือนธันวาคม สะท้อนภาวะตลาดที่อ่อนแอจากอุปสงค์ที่ชะลอตัวโดยเฉพาะในจีน ทำให้ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ลดลงเหลือเพียง 71 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แม้กลุ่ม OPEC+ จะเลื่อนแผนเพิ่มกำลังการผลิตออกไปอีก 3 เดือนก็ตาม

Daily pick

OSP : ราคาพื้นฐาน 29.10 บาท

เรามีมุมมองเชิงบวกมากขึ้นต่อ OSP โดยคาดต้นทุนจะลดลงในปี 2568 จากราคาก๊าซธรรมชาติที่คาดว่าจะลดลงตามอุปทาน LNG ใหม่ที่เพิ่มขึ้น รวมถึงต้นทุนอื่นๆ ทั้งราคาน้ำตาลที่มีแนวโน้มลดลง 5-10% และราคาเศษแก้วที่เป็นต้นทุนหลักในการผลิตบรรจุภัณฑ์ที่ลดลง 10-15% ตั้งแต่ไตรมาส 3/2567 คาดว่า OSP จะฟื้นตัวได้ในปี 2568 จากการไม่มีการขายธุรกิจที่ไม่ใช่ธุรกิจหลัก รายได้ที่เติบโตในอัตราเลขหลักเดียวระดับสูงจากการรักษาส่วนแบ่งตลาดในประเทศและการเติบโตแบบสองหลักในต่างประเทศ รวมถึงการลดลงของต้นทุนทั้ง LNG น้ำตาล และเศษแก้ว ส่งผลให้คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นมีโอกาสปรับตัวดีขึ้น 1-2%

BCH : ราคาพื้นฐาน 20.60 บาท

เรามีมุมมองเชิงบวกต่อโรงพยาบาลกลุ่มประกันสังคม โดยอนุกรรมการ SSO ได้อนุมัติการรับประกันค่ารักษาโรคต้นทุนสูงที่ 12,000 บาทต่อ RW สำหรับปี 2568 ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงด้านรายได้และกำไรในปี 2568 โดยจะมีการเซ็นสัญญาวันที่ 13 ธันวาคมนี้ แม้ว่ารายได้ประกันสังคมปี 2567 อาจมีความเสี่ยงจากการจ่ายที่อาจลดลงเหลือ 7,200-9,000 บาทต่อ RW ใน 3-6 เดือนสุดท้ายของปี แต่เรามองว่าเป็นโอกาสลงทุนระยะยาว นอกจากนี้ ประกันสังคมกำลังรับฟังความคิดเห็นเรื่องการเพิ่มเพดานเงินสมทบของผู้ประกันตนมาตรา 33 จาก 15,000 บาท ในปี 2569 ซึ่งอาจนำไปสู่การเพิ่มค่ารักษาโรคยากในอนาคต รวมถึงการกลับมาของผู้ป่วยคูเวตจะเป็นปัจจัยบวกเพิ่มเติมในปี 2568

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

วันจันทร์ ติดตามรายงานอัตราเงินเฟ้อของจีน (China CPI) เดือน พ.ย. ตลาดคาดการณ์ที่ 0.50% YoY เร่งตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 0.30% YoY และดัชนีราคาผู้ผลิต (China PPI Index) ของจีน เดือน พ.ย. ตลาดคาดที่ -2.8% YoY ลดลงน้อยกว่าเดือนก่อนหน้าที่ -2.9% YoY และปิดท้ายด้วยดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคของไทย (Thailand CCI) เดือน พ.ย. เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 56 จุด

วันอังคาร ติดตามตัวเลขส่งออกของจีน (China Export) เดือน พ.ย. ตลาดคาดการณ์ที่ 8.9% YoY ชะลอตัวจากเดือนที่ผ่านมาที่ 12.7% YoY และตัวเลขนำเข้าของจีน (China Import) ตลาดคาดการณ์ที่ 0.70% YoY เพิ่มขึ้นจากเดือนที่ผ่านมาที่ -2.3% YoY

วันพุธ ติดตามตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ (US CPI) เดือน พ.ย. ตลาดคาดการณ์ที่ 2.7% YoY เร่งตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 2.6% YoY ขณะที่ตัวเลขเงินเฟ้อไม่รวมราคาอาหารและพลังงาน (US Core CPI) ตลาดคาดที่ +3.3% YoY ทรงตัวจากเดือนก่อนหน้า และการประชุมธนาคารกลางแคนาดา (BOC Interest Rate Decision) ที่ตลาดคาดการณ์ว่าจะปรับลดดอกเบี้ย 50 bps

วันพฤหัสฯ ติดตามการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB Interest Rate Decision) ที่ตลาดคาดการณ์ว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 25 bps ต่อด้วยการรายงานดัชนีราคาผู้ผลิต (US PPI Index) ของสหรัฐฯ สำหรับเดือน พ.ย. เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 2.40% YoY และการรายงานจำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก (US Initial Jobless Claims) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 2.24 แสนตำแหน่ง

วันศุกร์ ติดตามดัชนีภาคการผลิตขนาดใหญ่จากการสำรวจ Tankan (ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจ) ญี่ปุ่นในไตรมาส 4 ตลาดคาดการณ์ที่ 13 จุดทรงตัวจากครั้งก่อนหน้า และดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมของฝั่งยุโรป (EU Industrial  Production) เดือน ต.ค. เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ -2.8% YoY

- Advertisement -