วันแรกของสัปดาห์แห่งความผันผวน / 1,420-1,440
SET แกว่งตัวผันผวน: แรงหนุนจากการท่องเที่ยวและการจับจ่ายใช้สอยการเก็งหุ้นที่คาดเข้า SET50/100 แรงหนุนจากกองทุน TESG และ VAYU1 รวมถึงราคาน้ำมันดิบที่ฟื้นตัว หากแต่จำกัดด้วยการชะลอการลงทุน ท่ามกลางความผันผวนที่มีแนวโน้มเกิดขึ้นจากตัวเลขเศรษฐกิจและการประชุมธนาคารกลางต่างๆ
กลยุทธ์การลงทุน
- SET50/100: BANPU, CCET, COCOCO, COM7, PR9, SAWAD, TCAP
- ท่องเที่ยว+ Spending: AAV, BEM, BTS, KIC, MASTER, MTC, SHR
- กองทุน VAYU1+TESG: BBL, FTREIT, KBANK, LHHOTEL, TISCO, TTB, WHART
หมายเหตุ: เนื่องจากทางฝ่ายมองว่ากลุ่มพลังงานมีแนวโน้มเปิดกระโดดขึ้นและอาจลดช่วงบวก หากไม่มีปัจจัยสนับสนุนเพิ่มเติมในระหว่างวัน จึงมิได้แนะนำไว้ในกลยุทธ์การลงทุน
- ธีมเดิมที่ยังวนกลับมาเล่นได้: คาดแรงหนุนมาจากภาพความคึกคักของการท่องเที่ยวและการจับจ่ายใช้สอย หลัง 1) SiteMinder เผยต่างชาติมาเข้าพักในโรงแรมมากที่สุดในเดือนธ.ค. โดย 87% ของการจองห้องพักมาจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ เพิ่มขึ้นจากปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 84% การเติบโตนี้ส่งผลให้การจองโรงแรมโดยรวมในช่วงคริสต์มาส (วันที่ 21-25 ธ.ค.67) เพิ่มขึ้น 18% y-y และยังพบว่าอัตราเฉลี่ยรายวัน (ADR) ของโรงแรมในไทยเพิ่มขึ้น 16% y-y และ 2) กรมการค้าภายในเตรียมจัดงาน “พาณิชย์ลดราคา New Year Maga Sale 2025” ลดราคาสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วประเทศ ตั้งแต่เดือน ธ.ค.67-ม.ค.68 รวม 46 วัน โดยกรมฯ จะคิกออฟจัดงานในวันที่ 17 ธ.ค.67 และเชื่อว่าจะช่วยลดค่าครองชีพให้กับประชาชนได้ 4.8 พันล้านบาทและกระตุ้นเศรษฐกิจได้ประมาณ 1.4 หมื่นล้านบาท นอกจากนี้ คาด SET Index จะได้แรงหนุนจากการเก็งกำไรในหุ้นที่คาดจะเข้า SET50/100 รอบ 1H68 และแรงหนุนจากกองทุน TESG เพื่อลดหย่อนภาษี และ VAYU1
- ราคาน้ำมันดิบพุ่งเดือบ 2% : คาด SET Index จะได้แรงหนุนจากหุ้นในกลุ่มพลังงานที่มีแนวโน้มเปิดกระโดดขึ้น สอดรับกับราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ปรับตัวขึ้น 1.8% ปิดที่ $71.29 ต่อบาร์เรล เมื่อวันศุกร์ หลังได้แรงหนุนจากการคาดการณ์เกี่ยวกับการคว่ำบาตรที่เข้มงวดขึ้นต่อรัสเซียและอิหร่าน แนวโน้มเศรษฐกิจจีนที่ได้รับการสนับสนุนมากขึ้นและ FOMC ที่จะปรับลดอัตราดอกเบียลงในสัปดาห์นี้
- หลากหลายตัวเลขและการประชุมในสัปดาห์นี้: คาดทางขึ้นจำกัด โดยนักลงทุนอาจชะลอการลงทุน/ลดสถานะเสี่ยง หลัง SET Index มีแนวโน้มเผชัญกับความผันผวนในสัปดาห์นี้ เนื่องจากจะมีการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจและการประชุมธนาคารสำคัญ โดยเช้านี้ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจจีนเดือนพ.ย.67 (y-y) ได้แก่ ยอดค้าปลีก (ตลาดคาด +5% จาก +4.8% ในเดือนก่อน) ผลผลิตภาคอุตฯ (ตลาดคาด +5.4% จาก +5.3% ในเดือนก่อน) และการลงทุนในสินทรัพย์คงทน Ytd (ตลาดคาด +3.5% จาก +3.4% ในเดือนก่อน) ขณะที่ผลการประชุมธนาคารกลางได้แก่ 1) MPC วันที่ 18 ธ.ค.67 และ 2) FOMC, BoE, BoJ วันที่ 19 ธ.ค.67 รวมถึง LPR ของจีนในวันที่ 20 ธ.ค.67
+ ปัจจัยเพิ่มเติม –
(+) AIMC เผยปัจจุบันมีกองทุน TESG ทั้งสิ้น 51 กองทุน มี AUM ประมาณ 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งจากสถิติที่ผ่านมากองทุน Tax Saving Fund จะมีเม็ดเงินไหลเข้ามากในช่วง 2 สัปดาห์สุดท้ายของปี เป็นเม็ดเงินกว่า 50% ทำให้คาดว่าช่วงที่เหลือของปีจะมี AUM เพิ่มขึ้นอีก 1 หมื่นล้านบาท
(+) รองนายกฯ และรมว.ดีอีเผยต้นปี 68 จะมีบริษัทเอกชนจากต่างประเทศรายใหญ่ 2 บริษัทมูลค่าการลงทุนรวมกว่าแสนล้านบาทหรือมากกว่านั้น ส่วนรายละเอียดการลงทุนขอให้ทางเอกชนแถลง โดยเป็นบริษัทไฮเทคด้าน AI และ Data center
(-) ECB คาดการณ์ว่า GDP ของยูโรโซนจะขยายตัวเพียง 0.7% ในปี 2567 ขยายตัว 1.1% ในปี 2568 และขยายตัว 1.4% ในปี 2569 โดยตัวเลขคาดการณ์ล่าสุดนี้ลดลงจากตัวเลขคาดการณ์เมื่อช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา
(-) CBS News รายงานข้อมูลจากแหล่งข่าวว่าปธน.สี จิ้นผิง ไม่น่าจะเข้าร่วมพิธีเข้ารับตำแหน่งของคุณโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ปธน.สหรัฐฯในเดือนหน้า
PICKS OF THE DAY
BANPU BUY
- เป้าหมาย 6.05 / 6.25 แนวรับ 5.70
- ราคาก๊าซหนุน: ราคาก๊าซธรรมชาติปรับตัวขึ้นมาจากสัปดาห์ที่แล้ว 13% หรือจาก 3.08 USD/MMBTU เป็น 3.48 USD/MMBTU ในสัปดาห์นี้ คาดจะเป็นปัจจัยหนุนราคาขายก๊าซของบริษัท นอกจากนี้คาดแนวโน้มราคาก๊าซธรรมชาติมีโอกาสปรับขึ้นอีกเนื่องจากการเข้าสู่ช่วงฤดูหนาวในหลายภูมิภาค เช่นเดียวกับบริษัทลูก BKV ที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐคาดว่าจะได้รับผลดีจากการปรับขึ้นของราคาก๊าซธรรมชาติในช่วงฤดูหนาวเช่นกัน
- Sentiment บวก เข้า SET50: จากการที่ตลาดจะมีการประกาศรายชื่อหุ้นที่จะเข้า SET50 ช่วงกลางเดือนนี้ คาดบริษัทมีโอกาสเข้า SET50 ค่อนข้างสูง จึงมองว่าเป็น Sentiment บวกต่อราคาหุ้นจากการปรับพอร์ตลงทุนของกองทุนอิงดัชนี
KTC BUY
- เป้าหมาย 49.50 / 50.50 แนวรับ 48.00
- เข้าฤดูกาลจับจ่าย: ช่วงไตรมาส 4 จะเป็นช่วงที่มีการจับจ่ายสูง คาดว่าจะทำให้ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรของ KTC เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลดีต่อการเติบโตของสินเชื่อ และผลประกอบการ
- ผลงานดีกว่ากลุ่มชัดเจน: ทางด้านสินเชื่อบัตรเครดิตถึงแม้สินเชื่อจะหดตัว 0.2% y-y แต่ก็ดีกว่าอุตสาหกรรมที่หดตัว 3.2% y-y และทำให้ KTC มีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นมาเป็น 2.3% จาก 1.9% ในปีก่อน นอกจากนี้การเติบโตของการใช้จ่ายผ่านบัตรของ KTC อยู่ที่ 10% ซึ่งสูงกว่าอุตสาหกรรมที่ 2.6% มาก ทางด้านสินเชื่อส่วนบุคคล KTC เติบโตขึ้น 2.1% y-y ถึงแม้ว่าจะโตน้อยกว่าอุตสาหกรรมที่โต 4% y-y แต่ KTC สามารถลดระดับ NPL ลงได้เหลือ 2.21% จากปีก่อนที่ 3.11% ในขณะที่อุตสาหกรรมมี NPL 3.58% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มี NPL 3.45%