บล.กรุงศรีฯ: 

KSS Strategist Comment : Global Minimum Tax Update

Fact : จากกรณี ครม. เห็นชอบ ร่าง พ.ร.ก. ภาษีขั้นต่ำ หรือ  Global Minimum Tax 15%  สำหรับ บ.ข้ามชาติที่มีรายได้มากกว่า 750 ล้านยูโรต่อปี และ ร่าง พ.ร.ก. กองทุนส่งเสริมการแข่งขัน เป็นกองทุนสนับสนุนเงินที่ บ.ข้ามชาติที่ต้องเสียภาษีเพิ่ม 

ปัจจุบันยังไม่ชัดและยังต้องติดตาม 2 เรื่อง 

1.) คุณลักษณะ บ.ข้ามชาติ เท่าที่ทีมกลยุทธ์ตรวจสอบสอบถามกรมสรรพากรเบื้องต้น จะยังไม่เห็นเกณฑ์ที่ชัดเจนจนกว่ากฎหมายบังคับใช้ แต่อิงกฎหมายเกี่ยวกับ บ.ข้ามชาติในปัจจุบัน จะมี กลุ่มบริษัทที่เข้าข่ายดังนี้

1.1)  มีบ.แม่ที่เป็นต่างชาติที่มีอำนาจควบคุม บริษัท  

1.2) เป็นบริษัทไทยที่มีฐานธุรกิจใน ตปท. (มี บ.ย่อย)    

และ 2.) แนวทางช่วยเหลือกลุ่มได้ผลกระทบจากกองทุนส่งเสริมการแข่งขัน

 อย่างไรก็ดี จากกรอบเบื้องต้นดังกล่าว หากรวมกับเกณฑ์หลัก 

เป็นบริษัทที่มีรายได้รวม > 750 ล้านยูโรต่อปี และ การคัดกรองเบื้องต้นในส่วนเกณฑ์ที่เสียภาษีโดยรวม < 15% โดยอิง Efftective tax rate < 15%  

Analysis : KSS ประเมินหุ้นกลุ่มที่เข้าข่ายคาดจะได้รับผลกระทบ อาทิ 

  • กลุ่มส่งออกอาหาร  คือ TU (Effective tax rate  7-8%)   ส่วนที่คาดจะกระทบคือ บริษัทในเครือที่อยู่ในไทยราว 35% ที่ได้รับ BOI  โดยรวมคาดกระทบต่อประมาณการกำไรปกติปี 2025F จำกัดในกรอบ 3-8% เบื้องต้นเราคำนวณ Sensitivity สำหรับ Effective tax rate เพิ่มขึ้นทุกๆ +1% กระทบกำไรปกติปี 25F ลดลง -1.3%
  • ชิ้นส่วนคือ  DELTA (Effective tax rate  5.5%)   คาดกระทบต่อประมาณการกำไรปี 2025 F มี downside risk ราว 12% ในกรณีที่ effective tax rate เพิ่มสู่ 15% 
  • กลุ่มโรงไฟฟ้า บางส่วนปัจจุบัน Effective Tax Rate อยู่ราว 5-10% หากนับเฉพาะผลกระทบภาษี คาดกำไรสุทธิจะกระทบอยู่ระหว่าง 5-10%  ทั้งนี้ ในส่วนรายละเอียดรายตัว คาดมีช่องทางบริหารจัดการได้ 
  • GULF  จากการลงทุน ตปท. ของบริษัท มองฐานรายได้และกำไรที่เติบโตต่อเนื่องจากธุรกิจหลักและการเปลี่ยนผ่านไปสู่ New Co จะทำให้ผลกระทบ จำกัดและบริหารจัดการภาษีภายในได้
  • BGRIM  มีลงทุนต่างประเทศ และเป็นการ Conso คาดกระทบ  
  • ส่วนหุ้นโรงไฟฟ้าที่กระทบน้อย คือ  GPSC ส่วนมากรับรู้เป็น equity income 
  •  ส่วน  RATCH และ EGCO  กระทบน้อยจากฐานภาษีสูงใกล้เคียง 15% 
  • กลุ่ม Packaging  SCGP มีธุรกิจที่เวียดนาม    (14% ของรายได้) ที่อาจต้องเสียภาษีเพิ่มเติม แต่มองผลกระทบต่อภาพรวมจำกัด ประเมินเป็นจิตวิทยาลบอ่อนๆ 

กลยุทธ์ เราประเมินหุ้นที่มีความเสี่ยงกระทบ  ส่วนใหญ่ทยอยปรับตัวลงสะท้อนตั้งแต่ช่วงสัปดาห์ก่อน แต่หากอิงโอกาสที่รัฐฯน่าจะต้องหาช่องทางสนับสนุนเงินคืนเพื่อลดผลกระทบ รวมถึงการบริหารภาษีภายในบริษัทต่างๆ คาดผลกระทบจะจำกัดกว่าที่ประเมินข้างต้น เชิงกลยุทธ์แนะนำตั้งรับหุ้นที่อยู่ในกลุ่มที่เป็น New S Curve ของไทยระยะถัดไป อาทิ โรงไฟฟ้า ที่อยู่ในธีม Infra Tech เน้น GULF GPSC

- Advertisement -