KS Daily View 17.12.2024 >>> Nasdaq ทำจุดสูงสุดใหม่ หนุนจากหุ้นเทคใหญ่ กรอบ SET 1,400 – 1,430 จุด หุ้นแนะนำ CRC, MTC

แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศวันนี้: ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดผสม โดยNasdaq Composite แตะระดับสูงสุดใหม่ ขณะที่ S&P 500 ปรับตัวขึ้น 0.38% แต่ดัชนี Dow ลดลง 0.25% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงต่อเนื่องเป็นวันที่ 8 โดยตลาดยังขับเคลื่อนโดยหุ้นเทคโนโลยีโดยเฉพาะ Broadcom ที่พุ่งขึ้น 11% และ Micron Technology เพิ่มขึ้น 5% รวมถึง Amazon, Alphabet, Tesla และ Apple ที่ต่างพากันทำจุดสูงสุดใหม่ ในขณะที่หุ้นประกันสุขภาพปรับตัวลงหลังทรัมป์ประกาศจะกำจัดตัวกลางในอุตสาหกรรมยา ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาผสม โดย PMI ภาคการผลิตอ่อนแอกว่าคาด แต่ภาคบริการแข็งแกร่ง โดยตลาดให้น้ำหนัก 95% ที่ Fed จะลดดอกเบี้ย 25 bps ในการประชุมสัปดาห์นี้

ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงแรง 12 จุด โดยปิดที่ 1,419.72 จุด ใกล้เคียงแนวรับสำคัญที่ 1,420 จุด ภาพรวมยังเป็นการปรับตัวลงที่ค่อนข้างกระจาย โดยมีหุ้นปิดลบถึง 21 กลุ่มอุตสาหกรรม แรงกดดันหลักมาจาก CPALL และ CPAXT ที่ฉุดดัชนีลงรวมกันราว 8 จุด รวมถึงกลุ่มโรงพยาบาลที่ทำจุดต่ำสุดใหม่ แม้จะมีแรงหนุนบางส่วนจากกลุ่มมีเดีย พลังงาน และขนส่ง ในด้านปัจจัยภายนอกยังคงกดดันตลาดทั้งค่าเงินบาทที่อ่อนค่า ตัวเลขเศรษฐกิจจีนที่ยังอ่อนแอ อย่างไรก็ตาม คาดว่าดัชนี SET จะเคลื่อนไหว Sideway ในกรอบ 1,400 – 1,430 รอติดตามผลการประชุม กนง. ที่จะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ โดยหุ้นแนะนำวันนี้เป็น CRC, MTC

ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:

1.     กิจกรรมภาคบริการสหรัฐฯ ในเดือนธันวาคมขยายตัวเร็วที่สุดในรอบกว่า 3 ปี โดยดัชนี PMI ภาคบริการเพิ่มขึ้นเป็น 58.5 จาก 56.1 ขณะที่ภาคการผลิตยังคงอ่อนแอลง โดยเฉพาะราคาวัตถุดิบที่เร่งตัวขึ้นจากความกังวลเรื่องภาษีนำเข้าของรัฐบาลทรัมป์ อย่างไรก็ตาม ดัชนีความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มธุรกิจใน 12 เดือนข้างหน้าแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 ปีครึ่ง สะท้อนว่าเศรษฐกิจจะยังคงเติบโตต่อเนื่องในปีหน้า

2.     กทพ. เตรียมเปิดประมูลทางด่วนสายศรีนครินทร์-สุวรรณภูมิในปี 2569 หลังสรุปการรับฟังความเห็นกลางปี 2568 โดยปรับลดขนาดเหลือ 4 ช่องจราจร ทำให้ต้นทุนลดเหลือ 2 หมื่นล้านบาท คาดเริ่มก่อสร้างปี 2571 แล้วเสร็จปี 2574 ใช้รูปแบบ PPP Gross Cost ที่รัฐลงทุนงานโยธาเอง ส่วนเอกชนรับผิดชอบระบบและบำรุงรักษา 30 ปี คาดปริมาณจราจรปีแรก 68,909 คันต่อวัน อัตราค่าผ่านทางรถยนต์ 4 ล้อที่ 60 บาท มีบริษัทสนใจเข้าร่วมหลายราย อาทิ CK, ITD, STECON, BEM, BTSC, DMT, RATCH, BTS, GULF, BBL, KTB และ NWR

3.     Compeq (คอมเปค) ผู้ผลิต PCB รายใหญ่อันดับ 5 ของโลกจากไต้หวัน เปิดโรงงานมูลค่า 10,417 ล้านบาทในนิคมอุตสาหกรรมเอเชีย จังหวัดสมุทรปราการ ผลิตแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ชั้นสูงสำหรับอุปกรณ์สื่อสาร รถไฟฟ้า และดาต้าเซ็นเตอร์ โดยจะส่งออก 90% มูลค่า 6,600 ล้านบาทต่อปี และจ้างงานคนไทย 1,500 คนในปีหน้า สะท้อนความเชื่อมั่นในศักยภาพไทยเป็นฐานผลิต PCB ในอาเซียน ซึ่งปัจจุบันมีการลงทุนในอุตสาหกรรมนี้แล้ว 107 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 173,000 ล้านบาท ทำให้ไทยก้าวขึ้นเป็นผู้ผลิตอันดับ 1 ในอาเซียนและติด 1 ใน 5 ของโลก

4.     รมช.คลัง จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ เปิดเผยว่ารัฐบาลได้เตรียมมาตรการของขวัญปีใหม่เพื่อกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ โดยจะประกาศรายละเอียดในช่วงปลายปีนี้ พร้อมยืนยันว่าโครงการโอนเงิน 10,000 บาท เฟส 2 สำหรับผู้สูงอายุจะเสนอเข้า ครม. พิจารณาเร็วๆ นี้ และสามารถโอนเงินให้กลุ่มเป้าหมายได้ทันภายในเดือนมกราคม 2568

5.     รมว.อุตสาหกรรม คุณเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ ตอบรับนโยบายนายกรัฐมนตรีในการหาพื้นที่รองรับการลงทุนอุตสาหกรรมใหม่ โดยจะเร่งจัดการเรื่องข้อจำกัดด้านผังเมืองและลดขั้นตอนการขออนุญาต ผ่านระบบ One-Stop Service ของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พร้อมร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งกระทรวงการคลัง BOI และ EEC มองเป็นโอกาสสำคัญใน 1-2 ปีนี้ที่จะดึงการลงทุนจากต่างชาติ ซึ่งจะช่วยผลักดัน GDP ให้เติบโตอย่างน้อย 1% โดยไม่ต้องใช้งบประมาณของรัฐ

6.   เศรษฐกิจจีนในเดือนพฤศจิกายนส่งสัญญาณชะลอตัว โดยยอดค้าปลีกเติบโตเพียง 3% ต่ำกว่าที่คาดการณ์และเป็นอัตราต่ำสุดในรอบ 3 เดือน แม้ภาคการผลิตจะยังขยายตัวที่ 5.4% แต่การบริโภคภายในประเทศยังอ่อนแอ สะท้อนให้เห็นความจำเป็นเร่งด่วนที่รัฐบาลจีนต้องออกมาตรการกระตุ้นการใช้จ่าย โดยเฉพาะหลังจากที่ทรัมป์ได้รับเลือกตั้งซึ่งอาจส่งผลต่อการส่งออก ขณะที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์เริ่มฟื้นตัวเล็กน้อย แต่นักวิเคราะห์มองว่าจีนยังต้องการมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมเพื่อฟื้นความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและภาคธุรกิจ

Daily pick

CRC: ราคาพื้นฐาน 39.00 บาท

เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ CRC จากแนวโน้มดอกเบี้ยขาลงทั้งในและต่างประเทศ โดยคาดว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยจะลดลง 2 ครั้งในปีหน้า ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อ CRC ที่มีหนี้สินแบบอัตราลอยตัวถึง 90% ผลประกอบการไตรมาส 4/2567 คาดว่าจะได้แรงหนุนจากการเปิดเซ็นทรัลชิดลมหลังปรับปรุง ประกอบกับเป็นช่วงไฮซีซันของธุรกิจแฟชั่นและการท่องเที่ยวปลายปี โดยมีมูลค่าหุ้นที่น่าสนใจที่ Fwd PE’68 ที่ 22 เท่า

MTC: ราคาพื้นฐาน 55.50 บาท

เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ MTC จากแรงหนุนด้านความเชื่อมั่นของการลดดอกเบี้ยทั้งจาก Fed ธนาคารกลางอื่นๆ และแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของ BOT ในปีหน้า คาดว่ามาตรการช่วยเหลือลูกหนี้จากมติ ครม. ล่าสุดจะมีผลกระทบจำกัดต่องบการเงิน สำหรับไตรมาส 4/2567 คาดว่าจะเติบโตแข็งแกร่งทั้งเทียบกับปีก่อนและไตรมาสก่อน พร้อมคุณภาพสินทรัพย์ที่จะดีขึ้นหลังผ่านพ้นช่วงต้นทุนทางเครดิตสูง และคาดการณ์การเติบโตของสินเชื่อในปี 2568 ที่ 15%

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

วันอังคาร ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ยอดค้าปลีก (US Retail Sales) เดือน พ.ย. ตลาดคาดการณ์ที่ 0.5% MoM เร่งตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 0.4% MoM ต่อด้วย ผลผลิตอุตสาหกรรม (US Industrial Production) เดือน พ.ย. ตลาดคาดการณ์ที่ 0.2% MoM เร่งตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ -0.3%MoM

วันพุธ ติดตามการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)โดยตลาดคาดจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.25% ต่อด้วยการรายงานตัวเลขเงินเฟ้อของทางยุโรป (EU CPI) ครั้งสุดท้ายเดือน พ.ย. ตลาดคาดการณ์ที่ 2.3% YoY ปรับตัวขึ้นจากครั้งก่อนหน้าที่ 2.0% YoY และปิดท้ายด้วยผลการประชุม FOMC โดยตลาดคาดว่า Fed จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 25 bps

วันพฤหัสฯ ติดตามผลการประชุมของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ) โดยตลาดคาดว่า จะคงอัตราดอกเบี้ยที่ 0.25% และการรายงานของ GDP ใน 3Q24 ของสหรัฐครั้งสุดท้าย ตลาดคาดการณ์ที่ 2.8% QoQ ทรงตัวจากครั้งก่อนหน้า

วันศุกร์ ติดตามตัวเลขเงินเฟ้อของญี่ปุ่น (Japan CPI) เดือน พ.ย. ตลาดคาดการณ์ที่ 2.9% YoY เร่งตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 2.3% YoY ขณะที่ฝั่งของตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีการรายงานดัชนีราคาการใช้จ่ายด้านการบริโภคพื้นฐานส่วนบุคคล (US Core PCE Price Index) ตลาดคาดที่ 2.9% YoY ปรับตัวขึ้นจาก 2.8% YoY ในเดือนก่อนหน้า

- Advertisement -