KS Daily View 18.12.2024 >>> ยอดค้าปลีกสหรัฐออกมาดี แต่ตลาดรอผล FOMC คืนนี้ มองกรอบ SET 1,380-1,420 แนะนำ MTC, OSP

แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศวันนี้: ปรับตัวลง โดยดัชนี Dow Jones ลดลง 0.61% โดยเป็นการปรับตัวลงวันที่ 9 ติดต่อกัน ยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ปี 1978 ขณะที่ S&P 500 ลดลง 0.39% และ Nasdaq Composite ลดลง 0.32% แม้ยอดค้าปลีกเดือนพฤศจิกายนจะเพิ่มขึ้นมากกว่าคาด แต่ตลาดระมัดระวังก่อนการประชุม Fed ในคืนนี้ โดยตลาดมองความน่าจะเป็นที่ 95% ว่าเฟดจะลดดอกเบี้ย 25 bps แต่ให้ติดตามตัวเลขประมาณการทางเศรษฐกิจและถ้อยแถลงของประธานเฟดที่อาจชะลอการลดดอกเบี้ยเนื่องจากเศรษฐกิจยังแข็งแกร่งและเงินเฟ้อยังสูง อีกทั้งนโยบายของรัฐบาลทรัมป์อาจกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจและหนุนเงินเฟ้อ

ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลงแรง 24 จุด ปิดที่ 1,395.57 จุด หลุดแนวรับสำคัญ โดยมีการปรับตัวลงอย่างกว้างขวางถึง 24 กลุ่มอุตสาหกรรม โดยเฉพาะกลุ่มค้าปลีก สื่อสาร ขนส่ง พลังงาน ธนาคาร อาหาร โรงพยาบาล และอสังหาริมทรัพย์ มีเพียงกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ที่ปรับตัวขึ้นนำโดย CCET และกลุ่มการเงิน แรงกดดันหลักมาจากความกังวลในกลุ่มค้าปลีกที่ยังคงอยู่และประเด็นการเมืองที่เพิ่มเข้ามา รวมถึงปัจจัยภายนอกจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ที่ยังยืนอยู่ที่บริเวณ 4.3% รวมถึงค่าเงินบาทที่อ่อนค่าแตะ 34.2 บาทต่อดอลลาร์ คาดกรอบการเคลื่อนไหววันนี้ที่ 1,380-1,420 จุด โดยนักลงทุนรอติดตามผลการประชุม กนง. ในช่วงบ่าย แนะนำ MTC, OSP

ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:

1.ยอดค้าปลีกสหรัฐฯ เดือนพฤศจิกายนเพิ่มขึ้น 0.7% สูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ที่ 0.5% โดยได้แรงหนุนจากยอดขายรถยนต์และ
E-Commerce ที่เร่งตัวขึ้นจากช่วงเทศกาล สะท้อนแรงส่งที่แข็งแกร่งของเศรษฐกิจในช่วงปลายปี การใช้จ่ายที่แข็งแกร่งนี้มาจากตลาดแรงงานที่ยืดหยุ่น มีการเลิกจ้างงานต่ำเป็นประวัติการณ์ ค่าจ้างเพิ่มขึ้น และฐานะการเงินครัวเรือนที่แข็งแกร่งจากตลาดหุ้นและราคาบ้านที่สูงขึ้น ขณะที่ Fed มีกำหนดประชุมในคืนนี้และคาดว่าจะลดดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 3 ในปี 2024 แต่อาจส่งสัญญาณชะลอการลดดอกเบี้ยในเดือนมกราคม 2025

2.ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้มีมติสำคัญหลายประการ โดยประการแรกได้อนุมัติพื้นที่ 2,662 ไร่ ในอำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง สำหรับจัดตั้งสถานบริการภายในเมืองการบินภาคตะวันออก (EECa) เพื่อรองรับ Entertainment Complex ซึ่งสอดคล้องกับแผนพัฒนา EEC และได้รับการสนับสนุนจากประชาชนในพื้นที่ ในด้านพลังงาน ครม. ได้อนุมัติการเปลี่ยนแปลงสัมปทานสำรวจในอ่าวไทย 3 รายการสำคัญ โดยเฉพาะการอนุมัติให้โททาล เอนเนอร์ยี่ส์ โอนสัดส่วน 33.33% ในแปลง G12/48 ให้ ปตท.สผ. อินเตอร์เนชั่นแนล ทำให้กลายเป็นผู้ถือสัมปทานรายเดียว พร้อมทั้งต่ออายุสัมปทานให้เมดโค เอนเนอร์จี ในแปลง B8/38 อีก 10 ปี และอนุมัติการโอนสัดส่วนในแปลง G10/48 จากบริษัทพลังโสภณให้แวลูร่า เอ็นเนอร์ยี่ ในด้านการเกษตรและอาหารสัตว์ ได้อนุมัติร่างประกาศนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ภายใต้เขตการค้าเสรีอาเซียน (AFTA) สำหรับปี 2568 โดยยกเว้นภาษีนำเข้าและค่าธรรมเนียม เพื่อให้อุตสาหกรรมอาหารสัตว์มีวัตถุดิบเพียงพอในช่วงที่ผลผลิตในประเทศต่ำกว่าปกติ

3.คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เดินหน้าประกาศผลการคัดเลือกผู้ผลิตไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนเฟส 2 จำนวน 72 ราย รวมกำลังการผลิต 2,145.4 เมกะวัตต์ แม้จะมีคำสั่งให้ระงับจากรองนายกรัฐมนตรีพีระพันธุ์ โดยแบ่งเป็นพลังงานลม 8 ราย กำลังผลิต 565.4 เมกะวัตต์ และพลังงานแสงอาทิตย์ 64 ราย กำลังผลิต 1,580 เมกะวัตต์ ซึ่งการดำเนินการนี้เป็นไปตามมติ กพช. เมื่อมีนาคม 2566 โดยผู้ผ่านการคัดเลือกต้องยอมรับเงื่อนไขและลงนามสัญญาภายใน 14-60 วัน ตามกลุ่มที่ได้รับการจัดสรร

4.BBL เปิดให้บริการสแกน Weixin Pay QR ผ่านโมบายแบงก์กิ้ง เป็นธนาคารแรกในไทย รองรับการจ่ายเงินที่ร้านค้าในจีนกว่า 100 ล้านจุด ตัดเงินจากบัญชีโดยตรง คิดอัตราแลกเปลี่ยนแบบเรียลไทม์ ไม่มีค่าธรรมเนียม มาพร้อมโปรโมชั่นเงินคืน 10 บาท เมื่อใช้จ่ายตั้งแต่ 100 บาทขึ้นไป สูงสุด 1,000 บาท ตั้งแต่ 20 ธ.ค. 2567 – 31 พ.ค. 2568 รองรับนักท่องเที่ยวไทยที่เดินทางไปจีนที่เพิ่มขึ้นหลังนโยบายยกเว้นวีซ่า

5.จีนคงเป้า GDP ที่ 5% และเพิ่มการขาดดุลงบประมาณเป็น 4% ของ GDP ในปี 2568 ซึ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เพิ่มขึ้นจาก 3% ในปี 2567 สะท้อนนโยบายการคลังเชิงรุก โดยจะเพิ่มการใช้จ่ายราว 1.3 ล้านล้านหยวนผ่านพันธบัตรพิเศษ เพื่อรับมือผลกระทบจากการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ เมื่อทรัมป์เข้ารับตำแหน่ง ทั้งนี้ตัวเลขอย่างเป็นทางการจะประกาศในการประชุมรัฐสภาเดือนมีนาคม 2568

หุ้นแนะนำวันนี้ Top pick:

MTC: ราคาพื้นฐาน 55.50 บาท

เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ MTC โดยคาดว่าจะได้รับแรงหนุนด้านความเชื่อมั่นจากแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของทั้งธนาคารกลางสหรัฐและธนาคารแห่งประเทศไทย โดยเราประเมินว่าธนาคารแห่งประเทศไทยมีโอกาสปรับลดอัตราดอกเบี้ยมากกว่าหนึ่งครั้งในปี 2568 นอกจากนี้ เรามองว่าผลประกอบการในไตรมาส 4/2567 มีโอกาสเติบโตทั้งเมื่อเทียบกับปีก่อนและไตรมาสก่อน จากการเติบโตของสินเชื่อที่คาดว่าจะอยู่ที่ 15% สำหรับทั้งปี 2567 ขณะที่ต้นทุนทางเครดิตจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติหลังจากการปรับปรุงคุณภาพพอร์ตสินเชื่อในช่วงที่ผ่านมา โดยคาดว่าต้นทุนทางการเงินจะเริ่มปรับตัวลดลงตั้งแต่ไตรมาส 3/2568 เป็นต้นไป และประเมินว่ามาตรการช่วยเหลือลูกหนี้จากมติคณะรัฐมนตรีล่าสุดจะมีผลกระทบต่องบการเงินอย่างจำกัด

OSP: ราคาพื้นฐาน 27.60 บาท

เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ OSP จากการคาดการณ์การลดลงของต้นทุนในหลายด้าน โดยปัจจัยหลักคือราคาก๊าซธรรมชาติที่คาดว่าจะปรับตัวลงในปีหน้าจากอุปทาน LNG ใหม่ที่จะเข้าสู่ตลาด นอกจากนี้ยังมีต้นทุนอื่นที่มีแนวโน้มลดลง ทั้งราคาน้ำตาลที่คาดว่าจะลดลง 5-10% และราคาเศษแก้วซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตบรรจุภัณฑ์ที่ได้ปรับตัวลดลง 10-15% ตั้งแต่ไตรมาส 3/2567 สำหรับปี 2568 เราคาดว่า OSP จะสามารถพลิกฟื้นผลประกอบการได้จากสามปัจจัยสำคัญ คือ การไม่มีภาระจากการขายธุรกิจที่ไม่ใช่ธุรกิจหลัก การเติบโตของรายได้ในอัตราเลขหลักเดียวระดับสูงจากการรักษาส่วนแบ่งตลาดในประเทศและการเติบโตแบบสองหลักในตลาดต่างประเทศ และการลดลงของต้นทุนทั้ง LNG น้ำตาล และเศษแก้ว ซึ่งเราคาดว่าจะช่วยให้อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้น 1-2%

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

  • วันพุธ ติดตามการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) โดยตลาดคาดจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.25% ต่อด้วยการรายงานตัวเลขเงินเฟ้อของทางยุโรป (EU CPI) ครั้งสุดท้ายเดือน พ.ย. ตลาดคาดการณ์ที่ 2.3% YoY ปรับตัวขึ้นจากครั้งก่อนหน้าที่ 2.0% YoY และปิดท้ายด้วยผลการประชุม FOMC โดยตลาดคาดว่า Fed จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 25 bps
    วันพฤหัสฯ ติดตามผลการประชุมของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ) โดยตลาดคาดว่า จะคงอัตราดอกเบี้ยที่ 0.25% และการรายงานของ GDP ใน 3Q24 ของสหรัฐครั้งสุดท้าย ตลาดคาดการณ์ที่ 2.8% QoQ ทรงตัวจากครั้งก่อนหน้า
  • วันศุกร์ ติดตามตัวเลขเงินเฟ้อของญี่ปุ่น (Japan CPI) เดือน พ.ย. ตลาดคาดการณ์ที่ 2.9% YoY เร่งตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 2.3% YoY ขณะที่ฝั่งของตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีการรายงานดัชนีราคาการใช้จ่ายด้านการบริโภคพื้นฐานส่วนบุคคล (US Core PCE Price Index) ตลาดคาดที่ 2.9% YoY ปรับตัวขึ้นจาก 2.8% YoY ในเดือนก่อนหน้า
- Advertisement -