เฟดเปลี่ยนท่าที อาจไม่ดีต่อตลาดหุ้น / 1,380-1,405
SET อาจอิงทางย่อ : รับแรงกดดันจากความกังวลทิศทางดอกเบี้ยของเฟด และแรงขายหุ้นที่ถูกถอดจากการคำนวณ SET50/100 แต่ลุ้นกลุ่มธนาคารช่วยประคอง downside โดยรับผลบวกจากการคงดอกเบี้ยที่ 2.25% ของกนง.
กลยุทธ์การลงทุน
- บาทอ่อนค่า : DELTA, CBG, CPF, ITC, BA
- ถนง. คงดอกเบี้ย: BBL, KTB, SCB, TISCO, KKP
- SET50/100: BANPU, CCET, COCOCO, PR9, SAWAD, COM7
- ท่องเที่ยว/ Spending : LHHOTEL, MINT, SPA, CRC, BJC, AU
เฟตลดดอกเบี้ยตามคาด แต่ปีหน้าอาจลดอีกแค่ 2 ครั้ง : ที่ประชุม FOMC มีมติ 11 ต่อ 1 เสียงให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงสู่ระดับ 4.25-4.50% โดย Dot plot ชี้ในปีหน้าเฟดอาจลดดอกเบี้ยเพียง 2 ครั้ง ครั้งละ 0.25% ลดลงจากครั้งก่อนที่คาดจะลดดอกเบี้ยถึง 4 ครั้ง พร้อมปรับเป้า GDP และ Core PCE ขึ้นสู่ 2.5% และ 2.8% เพิ่มขึ้นจากคาดการณ์เดิมที่ 2.0% และ 2.6% กดดันภาพรวมตลาดหุ้นสหรัฐ รวมถึงตลาดหุ้นไทย และผลักดันค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าสุดในรอบ 2 ปี โดย Dollar Index แตะระดับ 108.2 จุด กดดันค่าเงินบาทล่าสุดอยู่ที่ 34.5 บาทต่อดอลลาร์เป็นบวกต่อหุ้นที่มีสัดส่วนส่งออกสูง
ถนง.คงอัตราดอกเบี้ยตามคาด : ที่ระดับ 2.25% โดยให้ความเห็นว่า ดอกเบี้ยที่ระดับปัจจุบันนั้นสอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจแล้ว และยังมีความท้าทายจากการแข่งขันภายนอกที่รุนแรง รวมถึงนโยบายของประเทศเศรษฐกิจหลักที่ไม่แน่นอน แต่เบื้องต้น ศก.ยังขยายตัวได้ไกล้เคียงกับที่ประเมิน โดยเฉพาะภาคบริการและการท่องเที่ยว ส่วนภาคอุตสาหกรรมยังฟื้นตัวได้ช้าจากความสามารถในการแข่งขันของสินค้าไทยที่น้อย สอดคล้องกับมุมมองของทางฝ่ายที่คาดครั้งนี้จะมีการคงอัตราดอกเบี้ย และจะมีการปรับลดอีก 1 ครั้งในปี 68 ครั้งละ 0.25% ส่วนปีหน้า กนง.มองอัตราเงินเฟ้อ และการขยายตัวของเศรษฐกิจจะอยู่ที่ระดับ 1.1% (คาดการณ์เดิม 1.2%) และ 2.9% (เท่ากับคาดการณ์เดิม) การคงดอกเบี้ยมองเป็นบวกต่อหุ้นในกลุ่มธนาคาร
SET50/100 รอบ 1H68 มาแล้ว : ตลาดหลักทรัพย์ประกาศรายชื่อหุ้น SET50/100 สำหรับ 1H68 แล้ว โดยมีหุ้นที่ถูกนำเข้าคำนวณมีดังนี้ SET50 ได้แก่ BANPU, CCET, COM7 และ SAWAD ด้าน SET100 ได้แก่ CCET, COCOCO, JTS และ PR9 ส่วนหุ้นที่ถูกนำออกจากการคำนวณ มีดังนี้ SET50 ได้แก่ BCP, CENTEL, EA และ TIDLOR ด้าน SET100 ได้แก่ MBK, RBF, TIPH และ TOA มองเป็นบวกต่อหุ้นที่ถูกเพิ่มเข้าคำนวณ ส่วนแรงกดดันคาดมาจากแรงขายหุ้นที่ถูกถอดออกจากการคำนวณ ทำให้ตลาดอาจเผชิญความผันผวนในระหว่างวัน
+ ปัจจัยเพิ่มเติม –
(+) ส.อ.ท.เผยดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ย.67 อยู่ที่ 91.4 เพิ่มขึ้นจาก 89.1 ในเดือนต.ค.67 โดยเป็นการเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 8 เดือน ซึ่งเป็นผลจากที่ผู้ประกอบการเร่งผลิตสินค้าตามคำสั่งซื้อในประเทศและต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น เพื่อจำหน่ายในช่วงเทศกาลส่งท้ายปี
(+) รมว.พาณิชย์ ระบุว่า การส่งออกของไทยในปี 67 มีโอกาสจะเติบโตได้ถึง 5% มูลค่าทะลุ 3 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นเงินบาทประมาณ 10 ล้านล้านบาท ถือว่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่ในปี 68 คาดว่าการส่งออกจะเติบโตได้ราว 2-3%
(-) ตัวแทนจากกลุ่ม OPEC+ กล่าวว่า กลุ่ม OPEC+ ระมัดระวังการเพิ่มขึ้นของปริมาณการผลิตน้ำมันของสหรัฐฯ เมื่อโดนัลด์ ทรัมป์กลับเข้าสู่ทำเนียบขาว เพราะการผลิตน้ำมันของสหรัฐฯ มากขึ้นจะยิ่งดึงส่วนแบ่งการตลาดของ OPEC+ และขัดขวางความพยายามในการพยุงราคา
PICKS OF THE DAY
BBL BUY
- เป้าหมาย 150.50 / 153.00 แนวรับ 146.50
- ได้ประโยชน์จากการคงดอกเบี้ยนโยบาย: กนง. ได้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมรอบเมื่อวานนี้ ซึ่งจะทำให้ BBL ได้ประโยชน์ในแง่อัตราผลตอบแทนสินเชื่อจะไม่ปรับลดลง ส่งผลดีต่อรายได้ดอกเบี้ย และผลประกอบการ
- เจ้าตลาดสินเชื่อรายใหญ่ และมีการกระจายไปต่างประเทศ: BBL มีสัดส่วนสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่มากที่สุด และเป็นเจ้าตลาดสินเชื่อประเภทนี้ ซึ่งสินเชื่อประเภทนี้ถึงแม้ว่าจะให้ผลตอบแทนน้อย แต่ก็เป็นสินเชื่อที่ความเสี่ยงต่ำ นอกจากนี้ BBL ยังมีการกระจายความเสี่ยงไปยังต่างประเทศ และเป็นธนาคารที่มีเครือข่ายสาขาต่างประเทศมากที่สุดในไทย
ITC BUY
- เป้าหมาย 22.00 / 22.50 แนวรับ 21.00
- ออเดอร์ทะลุเป้า ลุ้นเพิ่มปันผล: ยอดสั่งซื้อสินค้าในเดือนพ.ย.และธ.ค. ทะลุเป้า โดยขนส่งสินค้าลงเรือแล้วกว่า 74% ของยอดสั่งซื้อ คาดยอดขาย 4Q67 โตทั้ง q-q และ y-y บริษัทระบุถึงอาจเพิ่ม Payout Ratio หากยอดขายทั้งปีถึงเป้า ทางฝ่ายคาดเงินปันผลจากผลประกอบการปี 67 อยู่ที่ 1.0 บาทต่อหุ้น จ่ายปันผลระหว่างกาล 0.4 บาทต่อหุ้นแล้ว และคาดจ่ายที่เหลืออย่างน้อย 0.6 บาทต่อหุ้น
- ยังปลอดภัยจากภาษี OECD: แม้ภาษี Global Minimum Tax 15% อาจถูกนำมาใช้ในไทย แต่ ITC มีรายได้ไม่ถึง 750 ล้านยูโร จึงยังไม่เข้าข่ายเงื่อนไขดังกล่าว คาดว่าปลอดภัยจนกว่าจะถึงปี 71 ที่รายได้คาดการณ์อาจเพิ่มจนถึงเกณฑ์นี้ อย่างไรก็ตาม ITC มี Effective Tax Rate ที่ 3-5% ซึ่งอาจต้องเตรียมพร้อมหากการเติบโตทำให้บริษัทเข้าสู่เงื่อนไขในอนาคต