บล.กสิกรไทย:
Fed ลดอัตราดอกเบี้ย ตามคาด แต่มีมุมมองเชิง Hawkish
Fed ประกาศลดอัตราดอกเบี้ย 25 bps จาก 4.75% เป็น 4.50% แต่ส่งสัญญาณว่าจะชะลอการปรับลดดอกเบี้ยในปีหน้า จากเดิม 4 ครั้งเป็น 2 ครั้ง
- Fed ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 25bps จาก 4.75% เป็น 4.50% สอดคล้องกับที่ตลาดและเราคาดไว้ อย่างไรก็ดี คาดการณ์ FOMC dot plot บ่งชี้ถึงคาดการณ์เชิง hawkish ที่มากขึ้นสำหรับ Fed fund rate ในปี 2568 และ 2569 โดยค่ากลางของคาดการณ์ Fed fund rate เพิ่มขึ้นจาก 3.4% เป็น 3.9% ในปี 2568 จาก 2.9% เป็น 3.4% ในปี 2569, จาก 2.9% เป็น 3.1% ในปี 2570 และ 2.9% เป็น 3.0% ในระยะยาว นอกจากนี้ Fed ยังปรับเพิ่มแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยเพิ่มคาดการณ์แบบกลางของ GDP ขึ้นจาก 2.0% เป็น 2.5% ในปี 2567 และ 2.0% เป็น 2.1% ในปี 2568 นอกจากนี้ Fed ยังคาดว่าอัตราการว่างงานในสหรัฐฯ จะเพิ่มขึ้นในระดับที่ช้าลงหรือจาก 4.2% ในปี 2567 (จากคาดการณ์เดิมที่ 4.4%) เป็น 4.3% ในปี 2568 และ 2569
คาดการณ์ FOMC dot plot บ่งชี้ว่า Fed จะลดดอกเบี้ยแค่ 50bps ในปี 2568
- อิงจากคาดการณ์ FOMC dot plot เราอาจตีความได้ว่า Fed มองสภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะขยายตัวแข็งแกร่งต่อเนื่อง แม้อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา แต่ตลาดแรงงานยังแข็งแกร่ง อีกทั้ง Downside risk ต่อตลาดแรงงานดูลดลง แม้ยังอยู่ในเส้นทางของการชะลอตัว ขณะที่เงินเฟ้อแม้มีแนวโน้มขยับเข้าใกล้เป้านโยบาย 2% แต่ก็ยังสูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้
- ปัจจัยเสี่ยงต่อตลาดแรงงานดูลดลง แต่แรงกดดันเงินเฟ้อยังคงมีอยู่ อีกทั้งปัญหาด้านภูมิรัฐศาสตร์ยังเป็นปัจจัยเสี่ยงเพิ่มเติท ซึ่งหมายความว่าเราอาจอยู่ในจุดที่เหมาะสมแล้วที่จะชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ยให้ช้าลงและกรอบระยะเวลาในการปรับอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมในระยะถัดไปควรขึ้นอยู่กับข้อมูลที่เข้ามาและแนวโน้มหรือความคืบหน้าในเรื่องเงินเฟ้อและสภาพตลาดแรงงาน
- คาดการณ์ Dot plot บ่งชี้ว่า Fed จะลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีก 50bps หรือจาก 4.50% เป็น 4.00% ในปี 2568 (จากคาดการณ์เดิมที่ 3.50%) และลดอีก 50bps เป็น 3.50% ในปี 2569 (จาก 3.00%) ขณะที่ในตลาดขณะนี้คาดว่า Fed จะใช้วิธี wait-and-see ในรอบการประชุมเดือนม.ค.2568 โดยมองจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ตามเดิมที่ 4.50% อย่างไรก็ดี ตลาดประเมิน Fed จะลดดอกเบี้ย 2 ครั้ง รวม 50bps ในปี 2568 มาอยู่ที่ 4.00% โดยคาด
- แม้ Fed ลดอัตราดอกเบี้ยตามคาด แต่คาดการณ์ Fed fund rate ให้โทนเชิง Hawkish ที่มากขึ้นทำให้อัตราตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ และสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นซึ่งส่งผลกระทบเชิงลบต่อสกุลเงินและตลาดหุ้นของกลุ่มประเทศเกิดใหม่ (EM) ซึ่งรวมทั้งสกุลเงินบาทและ SET อย่างไรก็ดี เราคาดว่า SET Index จะมีเสถียรภาพมากกว่าเมื่อเทียบกับภูมิภาค เนื่องจากได้แรงหนุนจากกระแสเงินทุนจาก VAYU และเม็ดเงินซื้อกองทุนเพื่อลดหย่อนภาษี ทั้งนี้เราคาดว่าหุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูงและเงินบาทที่อ่อนแอ ได้แก่ กลุ่มธนาคาร (BBL และKTB), กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ (DELTA) และกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม (OSP) ขณะที่คาดว่ากลุ่มที่จะได้รับผลกระทบเชิงลบจะมาจากกลุ่มปิโตรเคมี (PTTGC และ IVL) กลุ่มพลังงาน (PTT) และ REIT