Daily Focus: คาดกรอบการ Rebound จำกัดมากขึ้น
2025 SET Target : 1600
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ฟื้นตัวได้แรงกว่าที่คาดปิดบวก 21.84 จุด ที่ระดับ 1,386.91 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.3 หมื่นลบ. ได้แรงหนุนจากเม็ดเงินที่กลับเข้าหาสินทรัพย์เสี่ยง หลังเงินเฟ้อ PCE เดือน พ.ย. สหรัฐฯต่ำกว่าคาด ประกอบกับดัชนีปรับตัวลงติดต่อกัน 9 วันทำการก่อนหน้า สถาบันในประเทศและนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้น 508 ลบ.และ 2.2 พันลบ. ตามลำดับ (สถานะใน Index Futures ค่อนข้างเบาบางไม่มีนัยยะนัก)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index จะแกว่ง Sideways to Sideways Up กรอบ 1,380-1,395 จุด โดย Upside การ Rebound เริ่มแคบลง หลังจากบวกแรงวานนี้ รวมถึงภาพรวมไม่มีปัจจัยหนุนใหม่ ด้าน Bond Yield สหรัฐฯ และ Dollar Index ที่กลับมาขยับขึ้นอีกครั้ง เป็นปัจจัยจำกัดการฟื้นตัวของสินทรัพย์เสี่ยงและตลาดเอเชีย ส่วนปัจจัยในประเทศได้ข้อสรุปการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ซึ่งถึงแม้จะไม่ได้ 400 บาททั่วประเทศ แต่ภาพรวมการปรับขึ้นเฉลี่ย 2.9% เรามองว่าเป็นระดับที่อยู่ในวิสัยที่จัดการของผู้ประกอบการและหนุนกำลังซื้ออ่อนๆ ส่วนวันนี้ติดตามครม.พิจารณาโครงการ Easy e-Receipt ลดหย่อนภาษีเดือน ม.ค.ก.พ. 25 คาดยังหนุนกลุ่ม Consumption Play ได้ในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม การฟื้นตัวของ SET Index ยังมี Upside ไม่กว้าง เนื่องจากตลาดยังรอจับตาการกลับเข้าสู่ตำแหน่งประธานาธิบดีของทรัมป์ในเดือนหน้า แต่ในเชิง Valuation ระยะกลาง-ยาว เรายังมองว่าน่าสนใจ โดยเทรด PER ต่ำเพียง 14.1 เท่า และให้ Earnings Yield Gap ราว 4.8% และยังคงมุมมองทางบวกการทยอยฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยและกำไรบจ.ใน 4Q24-2025
กลยุทธ์ : เน้น Domestic Play ที่มีแนวโน้มกำไร 4Q24-2025 แข็งแกร่ง // ส่วนที่สะสมในช่วงก่อนหน้ายังถือลงทุนระยะกลาง-ยาว
หุ้นเด่นเดือน ธ.ค. : AAV, BDMS, CPALL, MAGURO, RBF
FSSIA Portfolio: BA. CHG. CPALL, KTB. MTC, NSL, RBF. SEAFCO. SHR. WHA
หุ้นเด่น Finansia 24 ธ.ค. 24 : CPN
- แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 83 บาท
- เราคาดแนวโน้มกำไร 4Q24 เบื้องต้นจะเติบโตได้ทั้ง q-q และ y-y หนุนจากรายได้ค่าเช่าศูนย์การค้าที่ยังแข็งแรง และคาดเห็นยอดโอนธุรกิจอสังหาฯที่เพิ่มขึ้นจากปัจจัยฤดูกาล ขณะที่ Margin คาดว่ายังอยู่ในระดับที่ดี จบปี 2024 ประมาณการกำไรที่ 1.68 หมื่นลบ. +12% y-y มี Downside เพียงเล็กน้อย 1-2%
- แนวโน้มกำไรปี 2025 คาดว่ายังทยอยเติบโตได้ต่อเนื่องอีก 7% เป็น 1.8 หมื่นลบ. ด้าน Valuation น่าสนใจ ปัจจุบันเทรด PER เพียง 13.8 เท่า ขณะที่สัญญาณเทคนิคยังอยู่ในเขต Oversold มีโอกาสฟื้นตัวระยะสั้น
- แนวรับ 54-53.50 บาท แนวต้าน 56.50-57//58.75 บาท
Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนพลิกมาไหลเข้าภูมิภาคหนาแน่นสุทธิ US$1,350 ล้าน นำโดยไต้หวัน US$1,126 ล้าน รองลงมาคือเกาหลีใต้ US$190 ล้าน ส่วนฝั่งอาเซียนเม็ดเงินผสมผสาน ไหลเข้าสูงสุดที่ไทย US$66 ล้าน แต่ไหลออกจากเวียดนามและอินโดนีเซียประเทศละ US$11-25 ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่ายังค่อนไปในทิศทางไหลเข้า แต่ปริมาณคาดบางลง โดย Bond Yield สหรัฐฯและ Dollar Index ที่ขยับขึ้นอีกครั้งคาดว่าจะจำกัด Upside ของตลาดเกิดใหม่
ประเด็นสำคัญวันนี้
(+) เคาะเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำปี 2025 คณะกรรมการค่าจ้างมีมติเอกฉันท์ปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำทุกจังหวัด สูงสุด 400 บาทที่ภูเก็ต และพื้นที่ EEC ได้แก่ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง และ อ.เกาะสมุย และต่ำสุดที่ 337 บาทต่อวัน สำหรับ กทม. และปริมณฑลปรับขึ้น 2.5% เป็น 372 บาท และ 67 จังหวัดที่เหลือปรับเพิ่ม 2% โดยรวมทั้งประเทศปรับขึ้นเฉลี่ย 2.9% มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2568
- กลุ่มรับเหมาฯ – เราประเมินจะส่งผลให้ต้นทุนรวมปี 2025 ของ 4 บริษัทที่เราดูแล (CK, STEC, PYLON, SEAFCO) เพิ่มขึ้นจากเดิมราว 0.1% และกระทบต่อประมาณการกำไรสุทธิปี 2025 ของกลุ่มฯราว 3% โดย STEC กระทบมากสุด -13.5% จากระดับอัตรากำไรต่ำ ส่วน PYLON, CK, SEAFCO กระทบ -3%/-2%/-1% ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม เรามองว่าผลกระทบอาจน้อยกว่าการคำนวณข้างต้น เนื่องจากส่วนใหญ่เป็นการจ้างแรงงานที่มีฝีมือ ซึ่งค่าจ้างสูงกว่าอัตราค่าแรงขั้นต่ำ รวมถึงบริษัทยังสามารถบริหารจัดการต้นทุนได้ ขณะที่ความสามารถทำกำไรยังขึ้นอยู่กับหลาย ปัจจัยอื่น อาทิ ประเภทงาน, ความต่อเนื่องของงานก่อสร้างที่อยู่ระหว่างดำเนินการ อาทิ งานฐานรากเป็นงานระยะสั้น ทำให้สามารถปรับเพิ่มต้นทุนสะท้อนในราคาประมูลได้เร็ว / ผู้รับเหมาหลักมักมีการใช้ Sub contract ช่วยลดความเสี่ยง / งานภาครัฐมีค่า K / งานรถไฟฟ้าใช้เครื่องจักรเป็นหลัก
- กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีโรงงานในพื้นที่ EEC – GFPT มีโรงงานหลักอยู่ในชลบุรีโดยต้นทุนค่าแรงอยู่ที่ 12% ของตันทุนทั้งหมด คาดกระทบกำไรราว 4.5% ของกำไรปี 2025 // NSL มี 2 โรงงานหลักอยู่ในนิคมอมตะซิตี้ ชลบุรี (และมีโรงงานที่อื่นด้วยเช่น นนทบุรี สมุทรปราการ) โดยต้นทุนค่าแรงอยู่ที่ 10% ของต้นทุนทั้งหมด คาดกระทบกำไรเล็กน้อยราว 3.8% ของกำไรปี 2025 // DELTA มีโรงงานอยู่ในนิคมเวลโกร์ว ฉะเชิงเทรา แต่โรงงานหลักอยู่ที่นิคมบางปู สมุทรปราการ โดยมีต้นทุนค่าแรงอยู่ที่ 3.5% ของต้นทุนทั้งหมด คาดกระทบกำไรจำกัดไม่เกิน 1-2%
- กลุ่มค้าปลีก อาหารและไฟแนนซ์ เรามองบวกอ่อนๆ โดยประเมินการปรับขึ้น 2-3% อยู่ในระดับใกล้เคียงกับปกติที่ผู้ประกอบการปรับขึ้นในแต่ละปี เรามองกระทบด้านต้นทุนจำกัด และเป็นบวกเล็กน้อยต่อภาพรายได้จากกำลังซื้อที่ขยับตัวขึ้น
(0) หุ้นเข้า-ออก SET50/100 งวด 1H25 SET50 หุ้นเข้า BANPU SAWAD COM7 CCET หุ้นออก TIDLOR CENTEL BCP EA ส่วน SET100 หุ้นเข้า CCET JTS COCOCO PR9 หุ้นออก MBK TOA TIPH RBF
(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 66.69 จุด หรือ +0.16%, ปิดที่ 42,906.95 จุด โดยได้ปัจจัยหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นบริษัทเทคโนโลยีที่มีมาร์เก็ตแคปสูง หรือ “Magnificent Seven” ท่ามกลางปริมาณการซื้อขายในตลาดที่เบาบาง เนื่องจากใกล้ถึงวันหยุดในเทศกาลคริสต์มาส
(-) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวกเล็กน้อย เนื่องจากการพุ่งขึ้นของหุ้นโนโว นอร์ดิสค์ (Novo Nordisk) ช่วยหนุนหุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์ ขณะที่การซื้อขายค่อนข้างเบาบาง ก่อนวันหยุดตลาดเนื่องในวันคริสต์มาส
(+) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดบวกตามตลาดสหรัฐฯ หลังตลาดสหรัฐฯได้รับแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี
(+) ค่าเงินบาทแข็งค่า อยู่ที่บริเวณ 34.25 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ -0.05%
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 22 เซนต์ หรือ 0.32% ปิดที่ 69.24 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยตลาดถูกกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ รวมทั้งความกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันล้นตลาดในปีหน้า ในขณะที่เช้านี้เพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 69.46 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ 0.32%
(-) ราคาทองคำ COMEX ลดลง 16.90 ดอลลาร์ หรือ 0.64% ปิดที่ 2,628.20ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์และการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ เป็นปัจจัยกดดันตลาด ขณะที่นักลงทุนยังคงจับตาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในปีหน้า ในขณะที่เช้านี้เพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 2,628.80 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือ 0.02%
SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 873.95/ -0.39%
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
24 ธ.ค. | จีน: PBOC 1-year MLF Announcement |
26 ธ.ค. | ไทย: ส่งออก (พ.ย.) สหรัฐ: Initial Jobless claims (ธ.ค./21) |
29 ธ.ค. | ไทย: รายงานเศรษฐกิจรายเดือนของธปท. (พ.ย.) |
31 ธ.ค. | จีน: NBS Manufacturing (ธ.ค.) |
2 ม.ค. | จีน: Caixin Manufacturing PMI (ธ.ค.) |