Daily Focus: Upside รีบาวด์กำจัดมากขึ้นจากระดับ 1,400 จุด
2025 SET Target: 1600
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปิดลบเล็กน้อย 3.05 จุด หลังจากรีบาวด์ติดต่อกัน 3 วันรวม 35 จุด โดยปิดที่ 1,397.80 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายเบาบางลงเหลือ 2.4 หมื่นลบ. จากเทศกาลวันหยุดคริสต์มาสของต่างประเทศ ภาพรวมไม่มีปัจจัยเศรษฐกิจใหม่เข้ามากระตุ้น สถาบันในประเทศพลิกมาขายสุทธิในตลาดหุ้นเล็กน้อย 157 พันลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิบางๆ 434 ลบ. (และ Long Index Futures 1.07 พันสัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index จะแกว่ง Sideways รอปัจจัยใหม่ ตลาดภูมิภาควันนี้กลับมาเปิดเทรดและส่วนใหญ่เปิดบวก คาดหวังตัวเลขกำไรภาคอุตสาหกรรม (Industrial profit) เดือน พ.ย. ของจีน โดย 10M24 กำไรภาคอุตสาหกรรม -4.3% YTD สำหรับตลาดหุ้นไทย คาดว่าจะเงียบเหงาจนถึงสิ้นปี แต่หากดูปัจจัยในประเทศในเดือนม.ค. ปีหน้า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งการแจกเงินหมื่น Easy e-Receipt รวมถึงการขึ้น ค่าแรงขั้นต่ำ เป็นปัจจัยบวกสำหรับกลุ่ม Domestic plays ซึ่งเชื่อว่ายังเป็นหนึ่งในกลุ่มที่น่าลงทุนในปี 2025 สำหรับแนวต้านสำคัญระยะสั้นของ SET อยู่ที่ 1,410 จุด หากสามารถกลับมายืนเหนือได้จะทำให้โมเมนตัมลบที่เกิดขึ้นในช่วงก่อนหน้าถูกลบล้างไปได้ ส่วนภาพระยะกลาง-ยาว หากเศรษฐกิจไทยและกำไรบจ.ยังสามารถฟื้นตัวได้ตามคาด ในเชิง Valuation ระยะกลาง-ยาว เรายังมองว่าน่าสนใจ โดยเทรด PER ต่ำเพียง 14.3 เท่าและให้ Earnings Yield Gap ราว 4.74%
กลยุทธ์ : เน้น Domestic Play ที่มีแนวโน้มกำไร 4Q24-2025 แข็งแกร่ง // ส่วนที่สะสมในช่วงก่อนหน้ายังถือลงทุนระยะกลาง-ยาว
หุ้นเด่นเดือน ธ.ค. : AAV, BDMS, CPALL, MAGURO, RBF
FSSIA Portfolio: BA, CHG, CPALL, KTB, MTC, NSL, RBF, SEAFCO, SHR, WHA
หุ้นเด่น Finansia 27 ธ.ค. 24 : KTB
- แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 23.50 บาท
- นอกจากได้อานิสงส์จากแนวโน้มดอกเบี้ยที่ปรับลงช้ากว่าที่ตลาดเคยคาดแล้ว KTB ยังได้ประโยชน์โดยตรงจาก Investment cycle ของภาครัฐและเอกชนในปีหน้า
- คุณภาพสินทรัพย์ของ KTB น่ากังวลน้อยกว่าธนาคารอื่น เราคงประมาณการสำหรับปี 2024-26 +3.2% CAGR ขณะที่ Valuation ยังค่อนข้างถูก เทรดที่ 2025E P/BV เพียง 0.7 เท่า
- แนวรับ 20.90 บาท แนวต้าน 22 บาท
Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนยังคงไหลเข้าภูมิภาคต่อเนื่องเป็นวันที่ 4 แต่ปริมาณเบาบางลง โดยเม็ดเงินไหลเข้าภูมิภาค US$114 ล้าน ยังคงกระจุกตัวที่ไต้หวัน US$114 ล้าน เนื่องจากตลาดหุ้นอื่นส่วนใหญ่ปิดทำการ ส่วนอาเซียนเม็ดเงินไหลเข้าไทยบางๆ US$13 ล้าน ฟิลิปปินส์ US$1.3 ล้าน แต่ไหลออกจากเวียดนาม US$14 ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่ายังคงเบาบางต่อเนื่อง เนื่องจากยังอยู่ในช่วงคาบเกี่ยวเทศกาลวันหยุดปีใหม่
ประเด็นสำคัญวันนี้
(0) ธนาคารโลกปรับคาดการณ์จีดีพีจีน โดยปรับเพิ่มคาดการณ์ GDP จีน ปี 2024 เป็น 4.9% จากเดิมที่คาดไว้เมื่อเดือนมิ.ย. ที่ 4.8% และคาดจีดีพีปี 2025 จะเติบโตชะลอตัวลงเหลือ 4.5% แต่สูงกว่าคาดก่อนหน้าที่ 4.1% ทั้งนี้ยังได้ระบุว่า การเติบโตของรายได้ครัวเรือนที่ชะลอตัวและผลกระทบด้านลบจากราคาที่อยู่อาศัยที่ลดลง คาดจะกดดันการบริโภคต่อเนื่องไปจนถึงปี 2025 ล่าสุดทางการจีนได้ออกพันธบัตรรัฐบาลพิเศษวงเงิน 3 ล้านล้านหยวนในปี 2025 ซึ่งนับเป็นมูลค่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่กำลังชะลอตัว
(0) กลุ่มโรงไฟฟ้า หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าปรับลงแรงวานนี้มาจาก 2 ปัจจัย คือ รับข่าว กพช.มีมติให้ชะลอการลงนามสัญญา PPA กับผู้ที่ได้รับการคัดเลือกจัดหาไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเฟส 2 เพื่อดำเนินการตรวจสอบความถูกต้อง ส่งผลลบต่อบริษัที่ได้รับการคัดเลือกอย่าง GUNKUL GPSC RATCH EGCO BGRIM EA และ BANPU ที่ต้องเลื่อนการเซ็นสัญญา PPA ออกไปแบบไม่มีกำหนด นอกจากนี้ยังถูกกดดันจากอัตราผลตอบแทน พันธบัตรที่ปรับเพิ่มขึ้น ซึ่งจะกดดันให้บริษัทผู้ผลิตไฟฟ้าอาจต้องรับภาวะดอกเบี้ยจ่ายที่อาจสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าราคาหุ้นที่ปรับลงลึกเกินพื้นฐานและไม่กระทบผลประกอกบการระยะสั้น มีโอกาสรีบาวด์ เนื่องจากรัฐยังไม่ได้ยกเลิกโครงการรับซื้อไฟฟ้า เพียงแต่ต้องการให้ทำให้มีความถูกต้องและโปร่งใส
(0) หุ้นเข้า-ออก SET50/100 งวด 1H25 SET50 หุ้นเข้า BANPU SAWAD COM7 CCET หุ้นออก TIDLOR CENTEL BCP EA ส่วน SET100 หุ้นเข้า CCET JTS COCOCO PR9 หุ้นออก MBK TOA TIPH RBF
(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 28.77 จุด เพิ่มขึ้น +0.07%, ปิดที่ 43,325.80 จุด ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดในแดนลบ โดยบรรยากาศการซื้อขายในตลาดถูกกดดันจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ
(0) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดทำการวันที่ 26 ธ.ค.เนื่องในวันเปิดกล่องของขวัญ (Boxing Day)
(0) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดบวกสลับลบ หลังมีการรายงานตัวเลข Tokyo CPI ที่ต่ำกว่าคาด
(+) ค่าเงินบาทแข็งค่า อยู่ที่บริเวณ 34.16 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ -0.10%
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 48 เซนต์ หรือ 0.68% ปิดที่ระดับ 69.62ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ได้บดบังปัจจัยบวกจากข่าวรัฐบาลจีนออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ในขณะที่เช้านี้ลดลงอยู่ที่ระดับ 69.61 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ -0.01%
(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 18.40 ดอลลาร์ หรือ 0.70% ปิดที่ 2,653.90 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยได้ปัจจัยหนุนจากการที่นักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ท่ามกลางสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ทวีความรุนแรงในช่วงเทศกาลคริสต์มาส ขณะที่นักลงทุนจับตาสัญญาณบ่งชี้ทางเศรษฐกิจ และทิศทางนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในปีหน้าในขณะที่เช้านี้ลดลงอยู่ที่ระดับ 2,652.30 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือ -0.06%
SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 872.80/ -0.13%
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
30 ธ.ค. | ไทย: รายงานเศรษฐกิจรายเดือนของธปท. (พ.ย.) |
31 ธ.ค. | จีน: NBS Manufacturing (ธ.ค.) |
2 ม.ค. | จีน: Caixin Manufacturing PMI (ธ.ค.) |
3 ม.ค. | สหรัฐ: ISM Manufacturing PMI (ธ.ค.) |
6 ม.ค. | ไทย: เงินเฟ้อ (ธ.ค.) |