KS Daily View 27.12.2024 >>>ดัชนี S&P 500 ปิดทรงตัว หลังจากปรับตัวลงในช่วงแรก แต่ได้แรงหนุนจาก Bond Yield 10 ปี ที่อ่อนตัวลง ด้านตลาดหุ้นไทย Sideway ที่แนวต้าน 1,400 จุด มูลค่าการซื้อขายเบาบาง มองว่าวันนี้น่าจะ Sideway up ได้ มองกรอบที่ 1,390 – 1,410 แนะนำ MOSHI, SHR

แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศ:

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวผสมผสานในภาวะการซื้อขายที่เบาบางช่วงเทศกาล โดยดัชนี Dow Jones ปิดบวกเล็กน้อย 0.07% แตะระดับสูงสุดในรอบ 1 สัปดาห์และปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 5 ส่วน S&P 500 ปิดลบ 0.04% และ Nasdaq Composite ปิดลบ 0.05% โดยดัชนีลดช่วงลบจากการปรับตัวลงในช่วงแรกของการซื้อขาย หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ 10 ปี อ่อนตัวลงมาหลังจากพุ่งแตะ 4.64% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบครึ่งปี นอกจากนี้ยังได้แรงหนุนจากหุ้นค้าปลีกที่ปรับตัวขึ้นตอบรับยอดขายในช่วงเทศกาลที่มีแนวโน้มแข็งแกร่ง หุ้น Apple ที่ขึ้นทำจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์หลัง Wedbush ปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 325 ดอลลาร์

ตลาดหุ้นไทยปิดที่ 1,397.80 จุด ปรับตัวลงเล็กน้อยราว 3 จุด ภาพรวมยังเป็นการทดสอบที่ระดับ 1,400 จุด โดยมีมูลค่าการซื้อขายที่เบาบางมาก และไม่ได้มีปัจจัยใหม่ โดยในรายละเอียดการเคลื่อนไหวของหุ้นอาจไม่ค่อยดีนัก เนื่องจากมีหุ้นปิดลบมากถึง 23 กลุ่มอุตสาหกรรม นำโดยพลังงาน และค้าปลีก แต่มีเพียง 4 กลุ่มที่ปิดบวกได้ นำโดยอิเล็กทรอนิกส์ สื่อสาร และธนาคาร โดย DELTA ส่งผลบวกต่อดัชนี 2 จุด เรายังมองตลาดน่าจะ Sideway up ที่กรอบ 1,390 – 1,410 ต่อ โดยมีปัจจัยหนุนจาก Bond Yield 10 ปี สหรัฐฯ ที่ชะลอตัวลงรวมถึงค่าเงินบาทที่ค่อนข้างแข็งค่าที่ 34.1 บาทต่อดอลลาร์ หุ้นแนะนำเป็น MOSHI, SHR

ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:

  1. ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกของสหรัฐฯ ในสัปดาห์ที่ผ่านมาลดลง 1,000 ราย เหลือ 219,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบหนึ่งเดือนและต่ำกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ที่ 224,000 ราย อย่างไรก็ตาม จำนวนผู้รับสวัสดิการต่อเนื่องเพิ่มขึ้น 46,000 ราย เป็น 1.91 ล้านราย ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2021 สะท้อนว่าตลาดแรงงานสหรัฐฯ กำลังชะลอตัวแต่ยังคงแข็งแกร่ง
  • นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้เปิดเผยถึงของขวัญปีใหม่ 2568 จำนวน 4 กล่อง ได้แก่ 1) สนับสนุนสินค้าและบริการดี เช่น ปลดล็อกโซลาร์รูฟท๊อปทุกกำลังการผลิต 2) เสริมแกร่งธุรกิจ โดยให้บริการซอฟต์แวร์ฟรี 6 เดือน และอบรมด้าน ESG 3) สร้างโอกาสกระจายรายได้ ผ่านการจัดสรรเงินพัฒนาชุมชน 525 ล้านบาท และเพิ่มราคารับซื้อใบอ้อย และ 4) เสริมสภาพคล่อง ด้วยการยกเว้นค่าธรรมเนียมและให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำหลายประเภท โดยมีเป้าหมายเพื่อขับเคลื่อนนโยบาย “ปฏิรูปอุตสาหกรรมสู่เศรษฐกิจยุคใหม่” และสร้างความยั่งยืนให้ภาคอุตสาหกรรม
  • กระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทยได้ลงนามในข้อตกลงร่วมกันเพื่อกำหนดเป้าหมายนโยบายการเงินปี 2568 โดยกำหนดกรอบเงินเฟ้อที่ 1-3% ซึ่งเน้นค่ากลางที่ 2% เพื่อรักษาเสถียรภาพด้านราคา โดยทั้งสองหน่วยงานจะมีการติดตามดูแลไม่ให้เงินเฟ้อสูงหรือต่ำเกินไป และจะระมัดระวังไม่ให้เกิดภาวะเงินฝืด นอกจากนี้ยังมีข้อตกลงให้ กนง. ต้องออกจดหมายเปิดผนึกชี้แจงต่อรัฐมนตรีคลังหากเงินเฟ้อเคลื่อนไหวออกนอกกรอบเป้าหมาย พร้อมระบุสาเหตุและแนวทางแก้ไข
  • สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) อยู่ระหว่างส่งร่างสัญญาแก้ไขโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินให้คณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจสอบ ก่อนเสนอ ครม. พิจารณาในเดือน ม.ค. 2568 โดยมีการปรับแก้ 5 ประเด็นหลัก รวมถึงการปรับวิธีการจ่ายเงินสนับสนุนจากรัฐเป็นแบบทยอยจ่ายตามความคืบหน้างาน และให้เอกชนวางหลักประกัน 160,000 ล้านบาท ทั้งนี้ การรถไฟฯ ยืนยันว่ายังไม่มีการเจรจายกเลิกสัญญา แต่หากจำเป็นก็พร้อมดำเนินโครงการเองภายใต้งบประมาณรัฐบาล
  • จีนปรับเกณฑ์การใช้พันธบัตรพิเศษของรัฐบาลท้องถิ่นให้ยืดหยุ่นมากขึ้น โดยอนุญาตให้ 11 มณฑลรวมถึงกวางตุ้งสามารถอนุมัติโครงการลงทุนได้เอง แทนที่จะต้องขออนุมัติจากส่วนกลาง และขยายขอบเขตการลงทุนให้ครอบคลุมมากขึ้น ยกเว้นโครงการที่ไม่สร้างผลตอบแทน อาคารรัฐบาล และอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ มาตรการนี้มุ่งกระตุ้นอุปสงค์ในประเทศซึ่งเป็นความสำคัญลำดับแรกของปี 2025 เนื่องจากการส่งออกเสี่ยงจากสงครามการค้ากับสหรัฐฯ รอบสอง ขณะที่การใช้จ่ายของประชาชนยังซบเซา
  • ธนาคารโลกได้ปรับเพิ่มคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจของจีน โดยคาดว่า GDP จะเติบโต 4.9% ในปี 2024 (เพิ่มจาก 4.8%) และ 4.5% ในปี 2025 (เพิ่มจาก 4.1%) แม้จะมีความท้าทายจากภาคอสังหาริมทรัพย์และความเชื่อมั่นที่ลดลงของภาคครัวเรือนและธุรกิจ ธนาคารโลกระบุว่าการฟื้นตัวที่ยั่งยืนจะขึ้นอยู่กับการจัดการปัญหาอสังหาริมทรัพย์ การเสริมสร้างความมั่นคงทางสังคม และการปรับปรุงการคลังท้องถิ่น

หุ้นแนะนำวันนี้ Top pick:

  • MOSHI : ราคาพื้นฐาน 53.60 บาท

เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ MOSHI ทั้งในระยะยาวและระยะสั้น โดยในระยะยาวมีศักยภาพขยายสาขาได้เกือบเท่าตัวในห้างสรรพสินค้า พร้อมโอกาสเติบโตจากโมเดลใหม่ทั้งร้านค้าแบบสแตนด์อโลนและสาขาขนาดใหญ่ ตั้งเป้าเติบโต 15-20% ในปี 2568 พร้อมเปิด 40 สาขาใหม่ สำหรับระยะสั้น คาดผลประกอบการไตรมาส 4/2567 จะเติบโตต่อเนื่องไปจนถึงครึ่งแรกปี 2568 สะท้อนจากยอดขายสาขาเดิมตั้งแต่ต้นไตรมาส 4 ที่เติบโต 20% บริษัทมีสถานะการเงินแข็งแกร่งไร้หนี้ที่มีดอกเบี้ย และมีโอกาสพัฒนาอัตรากำไรขั้นต้นจากการเพิ่มสัดส่วนสินค้านำเข้าจาก 60% ประกอบกับปัจจัยบวกจากค่าเงินหยวนที่อ่อนค่าเทียบกับเงินบาท

  • SHR : ราคาพื้นฐาน 3.50 บาท

เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ SHR จากการฟื้นตัวตั้งแต่ไตรมาส 4/2567 ถึงปี 2568 หลังโรงแรม SAii Laguna Phuket กลับมาเปิดให้บริการในเดือนธันวาคม และไม่มีแผนปิดปรับปรุงโรงแรมขนาดใหญ่ในปี 2568 บริษัทจะได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาลง โดยคาดค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยลดลง 5-10% ในไตรมาส 4/2567 และลดลง 8-10% ในปี 2568 นอกจากนี้คาดรายได้ต่อห้องพักในปี 2568 จะเติบโต 5-10% นำโดยโรงแรมในไทยและมอริเชียส

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

  • วันศุกร์ ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจญี่ปุ่น เช่น อัตราการว่างงาน (Japan Unemployment Rate) เดือน พ.ย. ตลาดคาดการณ์ที่ 2.5% YoY เท่ากับเดือนก่อนหน้า ต่อด้วยดัชนียอดค้าปลีก (Japan Retail Sales) เดือน พ.ย. ตลาดคาดการณ์ที่ 1.8% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 1.6% YoY และปิดท้ายด้วยตัวเลขส่งออก (Exports) ของ ธปท. เดือน พ.ย. เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 14.2% YoY และตัวเลขนำเข้า (Imports) เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 17.1% YoY
- Advertisement -