SMD100 จับมือโรงพยาบาลคิน-ออริจิน ลุยศูนย์ตรวจนอนหลับแบบเอกเทศแห่งแรกในเอเซียแปซิฟิกที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน AACI
ดร.วิโรจน์ วสุศุทธิกุลกานต์ Chief Executive Officer, Chief Vision Architect , Chief Work Philosophy Architect บริษัท เซนต์เมด จำกัด (มหาชน) หรือ SMD100 กล่าวถึง หน่วยตรวจการนอนหลับเอสเอ็มดีเอ็กซ์ คิน ออริจิ้น (SMDX Kin-Origin Sleep Test Unit) ว่า “หน่วยตรวจการนอนหลับเอสเอ็มดีเอ็กซ์ คิน-ออรอจิ้น เกิดจากความร่วมมือระหว่าง โรงพยาบาลคิน-ออริจิน (Kin-Origin Hospital) และ บริษัท เอสเอ็มดีเอ็กซ์ จำกัด (SMDX Co., Ltd.) ในเครือ บริษัท เซนต์เมด จำกัด (มหาชน) รหัสหลักทรัพย์ SMD100 ซึ่ง บริษัท เอสเอ็มดีเอ็กซ์ จำกัด (SMDX Co.,Ltd.) กำลังจะเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น บริษัท เอสเอ็มดี สัปปายะ จำกัด (SMD Sappaya Co., Ltd.) เป็นหน่วยให้บริการตรวจการนอนหลับในรูปแบบเทิร์นคีย์ ( Turnkey ) ซึ่งหน่วยตรวจการนอนหลับเอสเอ็มดีเอ็กซ์ คิน ออริจิ้น (SMDX Kin-Origin Sleep Test Unit) เป็นหน่วยตรวจการนอนหลับที่มีคุณภาพและความปลอดภัยของผู้ป่วยในบริการสุขภาพด้านการตรวจการนอนหลับ (Sleep Center) สู่ระดับ world class ด้วยมาตรฐานสากล เป็นหน่วยตรวจการนอนหลับแบบเอกเทศ (standalone) แห่งแรกในเอเซียแปซิฟิกที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน AACI”
โดยการดำเนินงานของ SMD100 มุ่งมั่นยกระดับการดูแลสุขภาพสู่มิติใหม่ ตามสโลแกน วิสัยทัศน์และพันธกิจ ดังนี้
สโลแกน
“Transform Sleep, Transform Life”
วิสัยทัศน์
“ศูนย์กลางความเป็นเลิศด้านสุขภาพการนอนในอาเซียน ด้วยนวัตกรรมและบริการมาตรฐานสากล”
(The sleep wellness leader of ASEAN with next-gen innovation and cutting-edge services)
พันธกิจ
“สร้างมาตรฐานใหม่ด้านสุขภาพการนอนในอาเซียน ด้วยนวัตกรรมล้ำสมัย บริการคุณภาพสูง และความร่วมมือที่แข็งแกร่ง เพื่อชีวิตที่สมดุลและอนาคตที่ยั่งยืน”
(Shaping the future of sleep wellness in ASEAN with innovative solutions, exceptional service, and dynamic collaborations, inspiring balanced lives and endless opportunities.)
กลุ่มเป้าหมายของบริการ
1. ผู้ป่วยที่มีปัญหาด้านการนอนหลับ เช่น ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Obstructive Sleep Apnea) หรือภาวะนอนไม่หลับเรื้อรัง
2. กลุ่มผู้รักสุขภาพที่ต้องการตรวจคุณภาพการนอน (Sleep Quality) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการนอน
3. ผู้ใช้งานเครื่อง CPAP ที่ต้องการปรับค่าความดันให้เหมาะสม หรือซื้อเครื่อง CPAP ใหม่หรืออุปกรณ์เสริมเพิ่มเติม
แผนพัฒนาการให้บริการด้านเวชศาสตร์การนอนหลับ
1 เพิ่มทีมแพทย์เฉพาะทาง
• ขยายทีมแพทย์จากหลากหลายสาขา:
• ด้านระบบทางเดินหายใจ: รักษาภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (OSA)
• ด้านประสาทวิทยา: การรักษาโรคลมหลับ (Narcolepsy)
• ด้านโสต ศอ นาสิก: การรักษาภาวะหยุดหายใจจากโครงสร้างทางเดินหายใจ
• ด้านจิตเวชศาสตร์: การรักษาภาวะนอนไม่หลับเรื้อรัง (Chronic Insomnia)
2 เพิ่มความพร้อมในการให้บริการ
• ขยายจำนวนเตียงตรวจการนอนหลับ (Sleep Study):
• รองรับผู้ป่วยได้มากกว่า 32 เตียงในอนาคต
• ติดตั้งเทคโนโลยีที่ทันสมัย เช่น Polysomnography และอุปกรณ์ตรวจวัดคุณภาพการนอน
• เพิ่มบริการ Sleep Quality Test:
• ให้บริการตรวจคุณภาพการนอนหลับสำหรับผู้ที่ไม่สะดวกนอนค้างในโรงพยาบาล
• ใช้อุปกรณ์ Home Sleep Test ตรวจวินิจฉัยในสภาพแวดล้อมที่ผู้ป่วยคุ้นเคย พร้อมคำปรึกษาและแผนการรักษา
3 พัฒนารูปแบบบริการครบวงจร
• เพิ่มบริการ Telemedicine:
• ใช้ระบบติดตามผลการรักษาผ่านออนไลน์ เช่น การปรับตั้งค่าเครื่อง CPAP
• ลดการเดินทางและเพิ่มความสะดวกให้ผู้ป่วย
• เสริมบริการ Wellness:
• ออกแบบแผนการดูแลสุขภาพการนอนเฉพาะบุคคล
• แนะนำพฤติกรรมการนอนและปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตเพื่อสุขภาพที่ดี
ผลลัพธ์ที่คาดหวัง
1. เพิ่มคุณภาพการดูแลผู้ป่วย ด้วยทีมแพทย์เฉพาะทางและเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย
2. ขยายศักยภาพการรองรับผู้ป่วย พร้อมบริการที่ครอบคลุมทุกมิติ
3. ลดค่าใช้จ่าย เพิ่มความสะดวก และสร้างคุณภาพชีวิตที่ยั่งยืนให้ผู้ป่วย
เหตุผลที่สนับสนุนให้บริษัท เซนต์เมด จำกัด (มหาชน) (รหัสหลักทรัพย์ SMD100) เปลี่ยนแปลงวิธีการสื่อสารจากการตั้งเป้ายอดรายได้ในแต่ละปี มาเน้นสิ่งที่จะทำ เมื่อใด เพื่ออะไร และผลกระทบที่คาดหวัง
1. สร้างความน่าเชื่อถือและโปร่งใส
การสื่อสารถึงแผนงานที่ชัดเจน เช่น สิ่งที่จะดำเนินการ ระยะเวลาที่กำหนด และเป้าหมายที่ต้องการบรรลุ ช่วยสะท้อนถึงความโปร่งใสขององค์กร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่ผู้ลงทุนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียให้ความสำคัญกับผลลัพธ์เชิงคุณภาพมากกว่าตัวเลขรายได้เพียงอย่างเดียว
2. สนับสนุนเป้าหมายระยะยาวที่ยั่งยืน
การตั้งเป้ายอดรายได้อาจเน้นผลลัพธ์ในเชิงปริมาณระยะสั้น แต่การสื่อสารถึงสิ่งที่จะดำเนินการช่วยให้องค์กรสามารถแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมโยงระหว่างกลยุทธ์การดำเนินงานและเป้าหมายระยะยาว เช่น การพัฒนานวัตกรรม การขยายตลาด หรือการสร้างคุณค่าที่ตอบโจทย์ทั้งองค์กรและสังคม
3. เพิ่มความชัดเจนและความเข้าใจในกลยุทธ์องค์กร
นักลงทุนและผู้ถือหุ้นจะสามารถเข้าใจภาพรวมของธุรกิจได้ดียิ่งขึ้น เมื่อองค์กรสื่อสารสิ่งที่จะดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม โดยการระบุเป้าหมายที่ชัดเจน และผลกระทบที่คาดหวังจากแผนงานนั้น ๆ ช่วยสร้างความเชื่อมั่นและความเข้าใจในกลยุทธ์ขององค์กร
4. ลดความเสี่ยงจากความคลาดเคลื่อนของการคาดการณ์
การประกาศเป้าหมายรายได้ในบางครั้งอาจก่อให้เกิดความคาดหวังที่สูงเกินจริง และหากผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามคาด อาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน การเปลี่ยนมาเน้นที่แผนงานและผลกระทบที่คาดการณ์ได้จริง จะช่วยลดความเสี่ยงและสร้างการยอมรับในความเปลี่ยนแปลงได้ดียิ่งขึ้น
5. สะท้อนภาพลักษณ์ขององค์กรที่มุ่งเน้นผลกระทบเชิงบวก
การสื่อสารถึงสิ่งที่จะทำ และเป้าหมายที่มุ่งเน้นการสร้างผลกระทบเชิงบวก เช่น การพัฒนามาตรฐานใหม่ การเพิ่มการเข้าถึงบริการสุขภาพ หรือการสนับสนุนด้านสิ่งแวดล้อม จะช่วยสร้างความโดดเด่นในฐานะองค์กรที่ให้ความสำคัญกับคุณค่าและความยั่งยืนมากกว่าผลกำไรเพียงอย่างเดียว
6. เสริมความยืดหยุ่นในการดำเนินงาน
การมุ่งเน้นที่แผนงานและเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ช่วยให้องค์กรมีความยืดหยุ่นในการปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์จริง ลดความกดดันที่เกิดจากการตั้งเป้าหมายรายได้ที่อาจเปลี่ยนแปลงตามสภาพเศรษฐกิจและตลาด
7. สนับสนุนความสัมพันธ์ระหว่างองค์กรและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
การสื่อสารเชิงกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นแผนการดำเนินงาน ช่วยให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเข้าใจบทบาทและความพยายามขององค์กรได้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะเมื่อลำดับความสำคัญของแผนงานสอดคล้องกับผลประโยชน์ร่วมกัน เช่น การพัฒนานวัตกรรม หรือการขยายตลาดที่ตอบสนองต่อความต้องการที่แท้จริง
การเปลี่ยนแปลงวิธีการสื่อสารจากการประกาศเป้ายอดรายได้มาเป็นการเน้นย้ำสิ่งที่จะทำ พร้อมกำหนดเวลาและเป้าหมายที่ชัดเจน เป็นกลยุทธ์ที่ช่วยเสริมสร้างความโปร่งใส ความน่าเชื่อถือ และลดความเสี่ยงจากความคาดหวังระยะสั้น นอกจากนี้ ยังสนับสนุนการพัฒนาองค์กรในระยะยาว โดยเน้นผลกระทบเชิงบวกต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งในเชิงเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม