อาจเป็นครั้งแรกในสหัสวรรษที่ 3 / 1,385-1405
SET แกว่งตัวผันผวนในแดนลบ: แรงกดดันจากความกังวลต่อกำไรของบริษัทจดทะเบียน หากแต่มีแรงพยุงจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับขึ้น อีกทั้งคาดจะมีแรงเก็งกำไรในหุ้นที่เข้า SET50/100 และมีลุ้นภาพเชิงบวกของการท่องเที่ยว
กลยุทธ์การลงทุน
- ท่องเที่ยว + Spending: AEONTS, CENTEL, COM7, CPF, CRC, ERW, HMPRO, KTC, MBK, MC, SYNEX
- SET50/100 รอบ 1H68: BANPU, CCET, SAWAD, COCOCO, JTS, PR9
- พลังงาน: BCP, SPRC
- กองทุน TESG: ADVANC, BBL, BCPG, GULF, INTUCH, KBANK, KKP, PTT
- แรงคดด้นจากการเก็บภาษีนิติบุคคล 15%: คาด SET Index โดยเฉพาะบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่ที่มีการดำเนินธุรกิจข้ามชาติจะเผชิญกับแรงกดดันจากความกังวลต่อกำไรสุทธิในปี 68 ท่ามกลาง อัตราภาษีที่แท้จริง (Effective tax rate) ของบางบริษัทที่มีแนวโน้มสูงขึ้น หลังราชกิจจานุเบกษาประกาศ “พระราชกำหนดภาษีส่วนเพิ่มพ.ศ.2567” โดยจะมีผลใช้บังคับแก่กลุ่มนิติบุคคลข้ามชาติ (Multinational Enterprises: MNEs) ขนาดใหญ่ซึ่งตั้งอยู่ในไทยไม่ว่ากลุ่ม MNEs ของไทยที่ลงทุนในต่างประเทศหรือกลุ่ม MNEs ของต่างประเทศที่ลงทุนในไทยที่มีรายได้ตามงบการเงินรวมของบริษัทแม่ลำดับสูงสุดไม่น้อยกว่า 750 ล้านยูโรหรือ 2.6 หมื่นล้านบาท อย่างน้อย 2 ใน 4 รอบระยะเวลาบัญชีก่อนหน้ารอบระยะเวลาบัญชีที่พิจารณาหน้าที่การเสียภาษีส่วนเพิ่ม เริ่มระยะเวลาบัญชีหลังวันที่ 1 ม.ค.68 โดยให้เสียภาษีขั้นต่ำทั่วโลก (Global minimum tax: GMT) ในอัตราไม่ต่ำกว่า 15% ทั้งนี้ การเข้ามาของแรงกดดันข้างต้นในวันทำการสุดท้ายของปี 67 ส่งผลให้ SET Index มีแนวโน้มติดลบ 2 ปีติดต่อกันเป็นครั้งแรกในสหัสวรรษที่ 3 (นับตั้งแต่ปี 2001) หรือปิดต่ำกว่า 1,415.85 จุด
- ราคาน้ำมันดิบฟื้นเหนือ $70 ต่อบาร์เรล: อย่างไรก็ตาม มองทางลงจำกัด โดยคาดหุ้นในกลุ่มพลังงานจะได้ Sentiment หนุนจากราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ปรับตัวขึ้น 1.4% ปิดที่ $70.60 ต่อบาร์เรลเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา หลัง EIA เผย สต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 4.2 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 20 ธ.ค.67
- คาดหุ้นเข้า SET50/100 ยืนไหวและภาพท่องเที่ยวมีลุ้น: คาดทางลงของ SET Index จะถูกจำกัดด้วยแรงเก็งกำไรในหุ้นที่ปรับเข้า SET50/100 รอบ 1H68 ซึ่งใช้ราคาปิดวันนี้ กอปรกับยังมี Sentiment หนุนจากภาพการท่องเที่ยว หลังกกก.เผยเผยตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-27 ธ.ค.67 นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยแล้ว 35.05 ล้านคน และทางฝ่ายมองสำหรับ 4 วันสุดท้ายของปีนี้ยังมีลุ้นเข้าใกล้ 36 ล้านคน ตามการคาดการณ์ของธปท. เนื่องจากเมื่อพิจารณาจากข้อมูลในปี 66 แม้มีท่องเทียวต่างชาติเพียง 28 ล้านคน แต่พบว่าในช่วงท้ายของปีตัวเลขอยู่ในระดับสูง โดย 7 วันสุดท้ายมีจำนวนประมาณ 8 แสนคน
+ ปัจจัยเพิ่มเติม –
(+) สมาคมผู้ค้าปลีกไทยเผยภาพรวมค้าปลีกตลอดปี 67 ปรับตัวดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา ผลจากการฟื้นตัวของท่องเที่ยวและการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐและเมื่อจำแนกแต่ละคลุ่มค้าปลีก พบว่ากลุ่มแฟชั่น-ไลฟ์สไตล์ สเปเชียลตี้สโตร์และเชนคัตตาคาร ร้านอาหารและเครื่องดื่ม เติบโตถึง 3-7%
(+) สศค.เผย RSI เดือนธ.ค.67 ซึ่งสะก้อนความเชื่อมั่นเศรษฐกิจใน 6 เดือน ข้างหน้า ยังขยายตัวดีต่อเนื่อง โดยเฉพาะในภาคตะวันออก เหนือ และตะวันออกเฉียงเหนือ ตามแนวโน้มการขยายตัวในภาคบริการและภาคเกษตร
(-) สศอ.เผย MPI เดือนพ.ย.67 อยู่ที่ 93.41 หดตัว 3.58% y-y จากการหด ตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์ ทั้งคารส่งออกและขายในประเทศ
(-) จีนเผยคำไรภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ย.67 ลดลง 7.3% V-y ซึ่งเป็นคารลดลงต่อเนื่อง 4 เดือนติดต่อกัน เป็นสัญญาณว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน ยังไม่สามารถหยุดการลดลงของผลประกอบการบริษัทได้อย่างมีนัยสำคัญ
PICKS OF THE DAY
ADVANC BUY
- เป้าหมาย 297.00, 307.00 แนวรับ 290.00
- คาดรายได้หลัก 4Q67 โต : จาก Preview 4Q67 คาดรายได้ธุรกิจมือถือ โต q-q จาก High Season การท่องเที่ยว รับแรงหนุนจากการใช้งานระบบเติมเงิน (Prepaid) ที่เพิ่มสูงขึ้น ส่วนธุรกิจอินเทอร์เน็ตบ้าน คาดรายได้โต q-q ตาม Demand และความนิยมในการซื้อแพ็คเกจแบบพ่วงบริการเสริม
- รับอานิสงส์จากโครงการรัฐ: จากมาตรการลดหย่อนภาษีผ่านโครงการ Easy E-Receipt 2568 เงื่อนไขสามารถลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 50,000 บาท ทางฝ่ายมองเป็น Sentiment เชิงบวกต่อแนวโน้มรายได้จากการจำหน่ายซิมโต q-q
KTC BUY
- เป้าหมาย 51.00, 52.00 แนวรับ 49.00
- เข้าฤดูกาลจับจ่าย และจะได้ผลดีจาก Easy E-Receipt: ช่วงไตรมาส 4 จะเป็นช่วงที่มีการจับจ่ายสูง คาดว่าจะทำให้ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรของ KTC เพิ่มสูงขึ้น และจะได้ประโยชน์จากโครงการ Easy E-Receipt หนุนโมเมนตัมต่อ เนื่องใน 1Q68
- ผลงานดีกว่ากลุ่มชัดเจน: ทางด้านสินเชื่อบัตรเครดิตถึงแม้สินเชื่อจะหดตัว 0.2% y-y แต่ก็ดีกว่าอุตสาหกรรมที่หดตัว 3.2% y-y และทำให้ KTC มีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นมาเป็น 2.3% จาก 1.9% ในปีก่อน นอกจากนี้การเติบโตของการใช้จ่ายผ่านบัตรของ KTC อยู่ที่ 10% ซึ่งสูงกว่าอุตสาหกรรมที่ 2.6% มาก KTC ยังสามารถลดระดับ NPL ลงได้เหลือ 2.21% จากปีก่อนที่ 3.11% ในขณะที่อุตสาหกรรมมี NPL 3.58% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มี NPL 3.45%