KS Daily View 30.12.2024 >>> มองวันสุดท้ายของปี SET Sideways up หนุนจากบาทแข็ง กรอบ SET วันนี้ 1,390-1,415 จุด หุ้นแนะนำ TIDLOR, CRC

Theme การลงทุนสัปดาห์นี้: คาดตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้มีโอกาสฟื้นตัวต่อในกรอบ 1,380-1,410 จุด แม้เทรนด์หลักยังเป็นขาลง แต่อาจมีแรงหนุนจากการทำวินโดว์เดรสซิ่งช่วงปิดบัญชีสิ้นปี สำหรับปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามในต่างประเทศคือดัชนีภาคการผลิต PMI จีนเดือน ธ.ค. ที่คาดทรงตัวที่ 50.3 จุด และดัชนีภาคการผลิต ISM สหรัฐฯ ที่คาดชะลอตัวลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ 48.3 จุด จาก 48.4 จุด ขณะที่ปัจจัยในประเทศตลาดได้รับรู้ไปแล้วทั้งมาตรการ Easy e-Receipt ที่ให้ลดหย่อนภาษีสูงสุด 5 หมื่นบาท แบ่งเป็นสินค้าทั่วไป 3 หมื่นบาท และสินค้าจากวิสาหกิจชุมชนSME และ OTOP 2-5 หมื่นบาท รวมถึงการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเฉลี่ย 2-3% ทั่วประเทศ และโครงการแจกเงิน 10,000 บาท เฟส 2 สำหรับผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป สำหรับธีมการลงทุนสัปดาห์นี้เน้นหุ้นที่ปรับตัวลงแรงตั้งแต่ต้นเดือนและมีโอกาสรีบาวด์ โดยเฉพาะหุ้นที่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง คาดผลประกอบการเติบโตทั้ง QoQ และ YoY ในไตรมาส 4/2567 หรือได้ประโยชน์จากนโยบายภาครัฐ เช่น BEM TIDLOR CRC GULF SAV

แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศวันนี้: ตลาดหุ้นไทยปิดที่ 1,401.46 จุด เพิ่มขึ้น 4 จุด โดยลดช่วงบวกลงหลังจากที่แตะระดับ 1,410 จุด ตลาดได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มพลังงาน สื่อสาร การเงิน และขนส่ง แต่ถูกกดดันจากหุ้นกลุ่มธนาคารและค้าปลีก สำหรับวันทำการสุดท้ายของปี เรามองตลาดน่าจะ Sideways up ได้ หลังจากค่าเงินบาทแข็งค่ามาที่ระดับประมาณ 33.9 – 34 บาทต่อดอลลาร์ คาดกรอบการเคลื่อนไหวที่ 1,390-1,415 จุด แนะนำลงทุนในหุ้น TIDLOR และ CRC

ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:

  1. กระทรวงพลังงานกำลังเร่งผลักดันร่างกฎหมายสนับสนุนการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป เพื่อลดความยุ่งยากในการขออนุญาตที่ต้องผ่านหน่วยงานราชการถึง 5 แห่ง และลดต้นทุนการติดตั้งผ่านการพัฒนาอุปกรณ์อินเวอร์เตอร์ราคาประหยัด ขณะที่ความต้องการใช้ไฟฟ้าในปี 2568 คาดว่าจะขยายตัวเพียง 2.5% เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของการผลิตไฟฟ้านอกระบบ โดยค่าไฟฟ้าจะทรงตัวที่ 4.10-4.20 บาทต่อหน่วยตลอดทั้งปี ทั้งนี้ ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567การใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น 6.1% จากสภาพอากาศร้อนและการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว โดยเฉพาะภาคครัวเรือนที่เพิ่มขึ้น9.1% และภาคโรงแรมที่เพิ่มขึ้น 12.2%
  1. ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ยื่นคำร้องผ่านทนายความของรัฐบาลต่อศาลสูงสุดสหรัฐฯ เพื่อขอชะลอการสั่งแบน TikTok โดยแสดงจุดยืนที่จะแก้ไขปัญหาผ่านการเจรจาทางการเมืองหลังเข้ารับตำแหน่งแทนการแบนทันที การเคลื่อนไหวนี้สะท้อนถึงท่าทีที่เปลี่ยนไปของทรัมป์ต่อ TikTok โดยเขาหวังจะหาทางออกที่สามารถบรรเทาความกังวลด้านความมั่นคงของรัฐบาล ในขณะเดียวกันก็ยังคงให้แพลตฟอร์มนี้สามารถดำเนินการต่อไปได้ในสหรัฐฯ
  1. จีนประกาศมาตรการสำคัญในการปรับลดภาษีนำเข้าสินค้าหลายรายการ โดยเฉพาะก๊าซอีเทนและวัตถุดิบรีไซเคิลประเภททองแดงและอะลูมิเนียม ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2025 การปรับเปลี่ยนนี้เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายที่ครอบคลุมสินค้า 935 รายการ โดยมีวัตถุประสงค์หลายประการ ทั้งเพื่อเพิ่มการนำเข้าสินค้าคุณภาพสูง กระตุ้นอุปสงค์ภายในประเทศ ส่งเสริมการเปิดประเทศ และสนับสนุนการปกป้องสิ่งแวดล้อมและลดมลภาวะ
  1. รัฐสภาเกาหลีใต้ลงมติถอดถอนรักษาการประธานาธิบดีฮัน ดักซู ด้วยคะแนน 192-0 สร้างความปั่นป่วนทางการเมืองครั้งใหม่หลังจากที่ประธานาธิบดียุน ซุกยอล ถูกถอดถอนไปเมื่อไม่ถึง 2 สัปดาห์ก่อนจากการประกาศกฎอัยการศึก นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่รักษาการประธานาธิบดีถูกถอดถอน โดยรัฐมนตรีคลังชเว ซังมก จะขึ้นดำรงตำแหน่งผู้นำชั่วคราว วิกฤตการณ์ครั้งนี้ส่งผลให้เงินวอนอ่อนค่าลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2009
  1. รัสเซียประกาศจะระงับการส่งออกก๊าซให้มอลโดวาตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 โดยบริษัทก๊าซพรอมอ้างว่ามอลโดวาค้างชำระหนี้ ซึ่งทั้งสองฝ่ายมีข้อพิพาทเกี่ยวกับจำนวนหนี้ที่ต่างกันมาก – รัสเซียระบุว่าเป็น 709 ล้านดอลลาร์ ขณะที่มอลโดวาอ้างว่าเป็นเพียง 8.6 ล้านดอลลาร์ ผลกระทบจะรุนแรงเนื่องจากมอลโดวาพึ่งพาก๊าซจากรัสเซียราว 2 พันล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี ซึ่งถูกส่งผ่านยูเครนไปยังภูมิภาค Transdniestria เพื่อผลิตไฟฟ้าราคาถูก นายกรัฐมนตรีมอลโดวากล่าวหาว่ารัสเซียใช้พลังงานเป็นอาวุธทางการเมือง ขณะที่ทั้งมอลโดวาและ Transdniestria ได้ประกาศภาวะฉุกเฉินและเตรียมรับมือกับไฟฟ้าดับเป็นเวลานาน

Daily pick

TIDLOR : ราคาพื้นฐาน 23.00 บาท

เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ TIDLOR จากหลายปัจจัย ได้แก่ การจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.438 บาทต่อหุ้นที่จะขึ้นเครื่องหมายXD วันที่ 6 มกราคม 2568 แรงหนุนจากการปรับขึ้นค่าแรง 7-55 บาทต่อวันในปี 2568 และการเร่งจัดเก็บหนี้ในไตรมาส 4/2567 หลังปรับปรุงคุณภาพสินทรัพย์ตั้งแต่ปี 2566 ซึ่งจะส่งผลให้คุณภาพสินทรัพย์มีแนวโน้มดีขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 4/2567 นอกจากนี้คาดว่าสินเชื่อในปี 2568 จะเติบโต 10-15% ขณะที่การเติบโตของรายได้ประกันจะช่วยหนุนการฟื้นตัวของอัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้นตั้งแต่ปี 2568 อีกทั้งอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทย 10 ปีที่ลดลงมาอยู่ที่ 2.26% จะช่วยหนุนการเก็งกำไรกลุ่มการเงิน

CRC : ราคาพื้นฐาน 39.00 บาท

เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ CRC โดยคาดว่าผลประกอบการไตรมาส 4/2567 จะปรับตัวดีขึ้นทั้งเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนและปีก่อน จากการเปิดตัวเซ็นทรัลชิดลมเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม และการเข้าสู่ไฮซีซันของธุรกิจแฟชั่นพร้อมอุปสงค์จากนักท่องเที่ยวช่วงปลายปี นอกจากนี้บริษัทยังแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการควบคุมค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในส่วนของต้นทุนค่าเช่า ค่าสาธารณูปโภค และค่าใช้จ่ายดำเนินงานอื่นๆ คาดว่า CRC จะได้ประโยชน์จากแนวโน้มดอกเบี้ยขาลงในปีหน้า เนื่องจากหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยถึง 90% เป็นอัตราลอยตัว โดยเราคาดว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในประเทศอย่างน้อยสองครั้งในปีหน้า

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

  • วันจันทร์ ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐอย่างดัชนีธุรกิจภาคการผลิตของธนาคารกลางรัฐดัลลาสตลาดคาดการณ์ที่ -1.5 จุดเทียบกับครั้งก่อนหน้าที่ -2.7 จุด
  • วันอังคาร ติดตามดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของจีนที่รายงานโดยทางการ (NBS PMI) เดือน ธ.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 50.3 จุดทรงตัวจากเดือนก่อนหน้า
  • วันพุธ วันหยุดปีใหม่
  • วันพฤหัสฯ ติดตามดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตของจีนที่รายงานโดย Caixin (Caixin Manufacturing PMI) เดือน ธ.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 51.6 จุดปรับตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 51.5 จุด และการรายงานจำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกของสหรัฐ (US Initial Jobless Claims) ในสัปดาห์ที่ผ่านมา เทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 2.19 แสนตำแหน่ง
  • วันศุกร์ ติดตามตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตของสหรัฐ (ISM Manufacturing PMI) เดือน ธ.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 48.3 จุดชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้าที่ 48.4 จุด
- Advertisement -