KS Daily View 02.01.2025>>>ดัชนี S&P 500 ปิดลบในเดือน ธ.ค. แต่ปิดปี 2024 สวย ผลตอบแทนระดับ 20% หนุนโดยหุ้นกลุ่มเติบโตสูง ด้านตลาดหุ้นไทยปิดปี Flat จากค้าปลีกที่พาลงในเดือน ธ.ค. วันนี้มองกรอบ 1,380 – 1,410 จาก Yield สูง USD แข็ง หุ้นแนะนำ PR9, TASCO
แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศ:
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดในแดนลบในวันซื้อขายสุดท้ายของปี 2567 โดยดัชนี S&P 500 ปรับตัวลง 0.43% ปิดที่ 5,881.63 จุด ขณะที่ Nasdaq Composite ลดลงมากที่สุดที่ 0.90% ปิดที่ 19,310.79 จุด และในขณะที่ Dow Jones ลดลงเพียงเล็กน้อย 0.07% ปิดที่ 42,544.23 จุด การปรับตัวลงนี้เกิดจากแรงขายทำกำไรซึ่งเป็นเหตุการณ์ปกติในช่วงสิ้นปี ประกอบกับแรงกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ 10 ปีที่ปรับตัวขึ้นมาที่ 4.57% ใกล้เคียงระดับสูงสุดในรอบ 7 เดือน อย่างไรก็ตาม S&P 500 ปิดปีด้วยการทำผลตอบแทน 23.3% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นเกิน 20% เป็นปีที่สองติดต่อกัน
ตลาดหุ้นไทยปิดปีที่ 1,400.21 จุด หลังไม่สามารถทะลุแนวต้าน 1,410 จุดได้ในช่วงสองวันทำการสุดท้าย สำหรับเดือนธันวาคม กลุ่มที่ปรับตัวขึ้นโดดเด่น ได้แก่ สื่อและสิงพิมพ์ ธนาคาร ประกัน และอิเล็กทรอนิกส์ ในขณะที่กลุ่มค้าปลีก เหล็ก และบรรจุภัณฑ์ ปรับตัวลงมากที่สุด โดยเราคาดว่าตลาดน่าจะ Sideway ที่กรอบ 1,380 – 1,410 จุด หลังจากปัจจัยภายนอกยังเป็นภาพของการกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ที่ยังอยู่ในระดับสูง ดัชนีดอลลาร์ที่ปิดปีที่ระดับสูงสุดบริเวณ 108.5 ทำให้ค่าเงินบาทอ่อนค่ามาที่ 34.2 บาทต่อดอลลาร์สำหรับปัจจัยภายใน ให้ติดตามผลของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงต้นปี 2025 ได้แก่ การแจกเงิน 10,000 บาท เฟสสอง, โครงการ Easy E-Receipt และการเพิ่มงบประมาณให้กองทุนหมู่บ้าน ซึ่งคาดว่าจะเสนอเข้า ครม. ภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้ สำหรับหุ้นแนะนำวันนี้เป็น PR9, TASCO
ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:
- รัฐบาลเตรียมออก 3 มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงต้นปี 2568 ได้แก่ โครงการแจกเงินหมื่นเฟส 2 สำหรับผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปวงเงิน 3.2 หมื่นล้านบาท โครงการ Easy E-Receipt ลดหย่อนภาษีสูงสุด 50,000 บาทต่อราย คาดมีเม็ดเงินหมุนเวียน 7 หมื่นล้านบาท และการจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมให้กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง 11,900 ล้านบาท มูลค่ารวมกว่า 1.2 แสนล้านบาท เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจในไตรมาสแรกของปี
- สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) แสดงความเห็นต่อแนวทางปรับโครงสร้างภาษีของรัฐบาล โดยเห็นว่าการลดภาษีนิติบุคคลต่างชาติเหลือ 15% จะช่วยดึงดูดการลงทุนได้เหมือนมาตรการ BOI เพราะไทยมีข้อได้เปรียบด้านค่าครองชีพและแรงงานที่ถูกกว่าสิงคโปร์ ส่วนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ที่ปัจจุบันเก็บ 7% จากกรอบ 10% หากเก็บเพิ่มทุก 1% จะได้รายได้เพิ่ม 1 แสนล้านบาท ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาการขาดดุลการคลังและหนี้สาธารณะที่พุ่งสูงถึง 68% ของ GDP
- รัสเซียได้ยุติการส่งก๊าซไปยุโรปผ่านยูเครนอย่างเป็นทางการแล้ว หลังข้อตกลงขนส่งที่ใช้มา 50 ปีหมดอายุ เนื่องจากยูเครนปฏิเสธไม่ให้มีการขนส่งที่จะสร้างรายได้ให้รัสเซียในระหว่างสงคราม ผลกระทบจะรุนแรงต่อยุโรปกลาง โดยเฉพาะสโลวาเกียที่ต้องหาแหล่งก๊าซทดแทนที่มีราคาแพงกว่า นายกฯ สโลวาเกียประเมินว่าผู้บริโภคยุโรปอาจเผชิญค่าใช้จ่ายด้านก๊าซเพิ่มขึ้นถึง 50 พันล้านยูโรต่อปี และค่าไฟฟ้าเพิ่มอีก 70 พันล้านยูโร
- จีนเผยดัชนีภาคบริการในเดือนธันวาคมขยายตัวเร็วที่สุดในรอบ 9 เดือน โดย Services PMI เพิ่มขึ้นเป็น 52.2 สูงกว่าที่คาด ขณะที่ภาคการผลิตขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ที่ระดับ 50.1 การเติบโตในภาคบริการมาจากการขนส่ง โทรคมนาคม และบริการทางการเงิน ขณะที่ภาคก่อสร้างได้แรงหนุนจากการเร่งโครงการก่อนตรุษจีน
- ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงประกาศว่า GDP จีนปี 2024 จะขยายตัวราว 5% ตามเป้าหมายที่วางไว้ พร้อมเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจในปี 2025 ด้วยนโยบายการคลังและการเงินเชิงรุกมากขึ้น รวมถึงการขึ้นเงินเดือนข้าราชการ 500 หยวนต่อเดือน (ย้อนหลังถึงกรกฎาคม) เพื่อกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ
- ส่งออกเกาหลีใต้เติบโต 6.6% มากกว่าตลาดคาดที่ 4.0% เป็นการขยายตัวเร็วที่สุดนับตั้งแต่เดือนกันยายน โดยการส่งออกไปจีนเพิ่มขึ้น 8.6% สหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 5.5% และสหภาพยุโรปพุ่ง 15.1% การส่งออกชิปทำสถิติสูงสุดที่ 14.5 พันล้านดอลลาร์ เติบโต 31.5%
หุ้นแนะนำวันนี้ Top pick:
- PR9: ราคาพื้นฐาน 28.50 บาท
เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ PR9 โดยคาดว่าผลประกอบการในไตรมาส 4/2567 และครึ่งแรกปี 2568 จะเติบโตอย่างแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับปีก่อน จากการขยายฐานผู้ป่วยต่างชาติทั้งกลุ่ม CLMV และกลุ่มใหม่จากตะวันออกกลางผ่านความร่วมมือกับสถานทูต ด้วยคุณภาพการบริการและราคาที่แข่งขันได้ PR9 มีโอกาสได้รับผู้ป่วยคูเวตในระบบ GOP ในปี 2568 ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกเพิ่มเติม นอกจากนี้ยังมีโอกาสพัฒนาอัตรากำไรขั้นต้นได้อย่างต่อเนื่องจากผู้ป่วยต่างชาติที่เน้นการรักษาโรคซับซ้อนและมีค่าใช้จ่ายต่อบิลสูงกว่าผู้ป่วยไทยอย่างมีนัยสำคัญ โดยมองเรื่อง Co-Payment Insurance มีผลกระทบจำกัด
- TASCO: ราคาพื้นฐาน 21.00 บาท
เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ TASCO จากสองปัจจัยสำคัญ คือ 1) คาดการณ์อุปสงค์ยางมะตอยในประเทศที่จะแข็งแกร่งถึงไตรมาส 2/2568 จากการเบิกจ่ายภาครัฐที่ราบรื่นและงบประมาณที่เพิ่มขึ้นของกรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบท ซึ่งจะช่วยรักษาระดับราคาขายที่สูงได้ต่อเนื่อง และ 2) คาดส่วนต่างกำไรจะดีขึ้นจากต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลงตามราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มลดลง พร้อมแผนนำเข้าวัตถุดิบ 2 ลำในปี 2568 เพื่อกลั่นเอง ซึ่งจะให้อัตรากำไรดีกว่าการซื้อมาขายไป นอกจากนี้อัตราเงินปันผล 5% จะช่วยจำกัดความเสี่ยงขาลง
รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ
- วันพฤหัสฯ ติดตามดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตของจีนที่รายงานโดย Caixin (Caixin Manufacturing PMI) เดือน ธ.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 51.6 จุดปรับตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 51.5 จุด และการรายงานจำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกของสหรัฐ (US Initial Jobless Claims) ในสัปดาห์ที่ผ่านมา เทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 2.19 แสนตำแหน่ง
- วันศุกร์ ติดตามตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตของสหรัฐ (ISM Manufacturing PMI) เดือน ธ.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 48.3 จุดชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้าที่ 48.4 จุด