SET ร่วงตั้งแต่วันแรกของปี บ่ายมองกรอบ 1,375 – 1,385 / Top pick บ่าย: BBL
Phillip Strategist Comments
สรุปตลาดเช้า:
SET Index ปรับตัวลง ปิดที่ 1,381.25 ลบไป 18.96 จุด (-1.35%) โดยแรงกดดันมาจากหุ้นในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ กลุ่มโรงไฟฟ้า กลุ่มสื่อสาร กลุ่มประกัน รวมถึงหุ้น CPAXT และ PTT
มุมมองตลาดบ่ายนี้:
คาด SET Index ยังคงแกว่งตัวในแดนลบ หลังบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่ที่มีการดำเนินธุรกิจข้ามชาติยังคงมีแนวโน้มเผชิญกับแรงกดดันจากความกังวลต่อกำไรสุทธิในปี 68 ท่ามกลางอัตราภาษีที่แท้จริงของบางบริษัทที่มีแนวโน้มสูงขึ้น อันเนื่องมาจากพ.ร.ก.ภาษีส่วนเพิ่มพ.ศ.2567 ที่เริ่มระยะเวลาบัญชีหลังวันที่ 1 ม.ค.68 ซึ่งจะมีผลใช้บังคับแก่กลุ่มนิติบุคคลข้ามชาติ (MNEs) ขนาดใหญ่ซึ่งตั้งอยู่ในไทยที่มีรายได้ตามงบการเงินรวมของบริษัทแม่ลำดับสูงสุดไม่น้อยกว่า 750 ล้านยูโร (2.6 หมื่นล้านบาท) โดยให้เสียภาษีขั้นต่ำทั่วโลกในอัตราไม่ต่ำกว่า 15% เช่น DELTA ที่เช้านี้ปรับตัวลงไป 7.87% (กระทบ SET Index ทางลบ 12 จุด) ซึ่งทางฝ่ายได้ปรับลดคาดการณ์กำไรปี 68 ลง 6.2% จากประเด็นภาษีข้างต้น กอปรกับ SET Index ยังถูกกดดันจากความไม่แน่นอนในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน หลัง PMI ภาคการผลิตเดือนธ.ค.67 ของจีนจากภาครัฐและ Caixin ต่างบ่งชี้ถึงตัวเลขที่แย่ลงจากเดือนก่อนหน้าและกำลังเข้าใกล้ระดับหดตัวหรือต่ำกว่า 50 ด้านปัจจัยติดตามวันนี้ ได้แก่ 1) PMI ภาคการผลิตเดือนธ.ค.67 ของยูโรโซนและสหรัฐฯ ตลาดคาดที่ 45.2 และ 48.3 จากเดือนพ.ย.67 ที่ 45.2 และ 49.7 ตามลำดับ และ 2) ผู้ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกของสหรัฐฯ ตลาดคาดที่ 2.22 แสนตำแหน่ง เพิ่มขึ้นจาก 2.19 แสนตำแหน่งในการรายงานสัปดาห์ก่อนหน้า
Top pick:
BBL มีสินเชื่อเดือนพ.ย.67 เพิ่มขึ้น 1.25% m-m และทำให้สินเชื่อในปี 67 กลับมาเป็นบวกได้ 0.62% ytd ด้านผลประกอบการคาดปี 67 BBL จะมีกำไรเติบโต 8% y-y จากทั้งรายได้ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นตามอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นในช่วงต้นปี และรายได้ค่าธรรมเนียม รวมไปถึงกำไรจากเงินลงทุนที่เพิ่มขึ้น ถึงแม้ว่าการตั้งสำรองจะสูงกว่าปีก่อนก็ตาม และคาดว่าปี 68 คาดว่าสินเชื่อจะเติบโตได้มากกว่าปี 67 จากการลงทุนใหม่ๆของภาครัฐและเอกชน ทำให้คาดว่า BBL จะมีกำไรเติบโต 4.6% y-y จากรายได้ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น และการตั้งสำรองน่าจะปรับลดลงได้จากคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีขึ้น