Outlook nau Petrochemical และ Finance ปี 2025

เราเชื่อว่า PTT, IVL และ BCP อาจเข้าข่ายเสียภาษีส่วนเพิ่มเมื่อไทยเริ่มเก็บภาษีนิติบุคคลขั้นต่ำ หรือภาษีนิติบุคคล ขั้นต่ำขององค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (OECD) ในอัตรา 15% แต่ ผลกระทบน่าจะมีเพียงเล็กน้อย และ เราเชื่อว่ากลุ่ม SCC ไม่ต้องเสียภาษีส่วนเพิ่ม

• PTT : เราเชื่อว่ากลุ่ม PTT น่าจะได้รับผลกระทบจากการเก็บภาษีนิติบุคคลขั้นต่ำในไทยในวงจำกัดเนื่องจากภาษีจ่ายโดยรวมของบริษัทลูกน่าจะเกิน 15% โดย บริษัทในไทยที่ PTT มีอำนาจในการควบคุมการบริหารประกอบด้วยบริษัทลูกในธุรกิจ โรงกลั่นและเคมีภัณฑ์น่าจะไม่ต้องเสียภาษีส่วนเพิ่ม (top-up tax) เนื่องจากเราเชื่อว่าภาษีเงินได้ปิโตรเลียมใน อัตรา 50% จากสัญญาสัมปทาน และ 20% จากสัญญาแบ่งปันผลผลิต (PSC) ของ PTTEP น่าจะเพียงพอทำให้กลุ่ม PTT ในไทยเสียภาษีนิติบุคคลโดยรวมในอัตราสูงกว่า 15% ส่วนธุรกิจในอาเซียน PTT กล่าวว่าบริษัท ในเครือเสียภาษีนิติบุคคลโดยรวมสูงกว่า 15% อยู่แล้ว อย่างไรก็ตามหน่วยธุรกิจการค้าระหว่างประเทศในสิงคโปร์อาจต้องเสียภาษีส่วนเพิ่ม
• IVL : IVL ให้ข้อมูลว่าบริษัทจดทะเบียนในเอเชีย/สหรัฐของบริษัทต้องเสียภาษีนิติบุคคลในอัตราสูงกว่า 15% อยู่แล้ว ขณะที่บริษัทลูกในยุโรปเสียภาษีในอัตรา 13-14% ในปี 2023-24 อย่างไรก็ตาม สินทรัพย์เหล่านี้ทำกำไรสุทธิ ค่อนข้างต่ำ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลมาจากเสปรด PET ที่อ่อนตัว เราจึงมองว่าบริษัทน่าจะเสียภาษีส่วนเพิ่มไม่มากนัก

• BCP : BCP อาจต้องเสียภาษีส่วนเพิ่มสำหรับหน่วยธุรกิจการค้าระหว่างประเทศในสิงคโปร์ แต่เราเชื่อว่าผลกระทบจะไม่เกิน 2% ของ EPS ในปี 2025 ดังนั้นเนื่องจากผลกระทบจากการจัดเก็บภาษีส่วน เพิ่มน่าจะมีเพียงเล็กน้อย
• SCC : SCC น่าจะมีอัตราภาษีที่แท้จริงในปี 2024-27 ต่ำกว่า 15% แต่สาเหตุมาจากผลขาดทุนของสินทรัพย์เคมีภัณฑ์จึงน่าจะไม่ต้องเสียภาษีส่วนเพิ่ม