ยังอยู่ภายใต้ระดับ 1,400 / 1,380-1,400
SET แกว่งตัว Sideways: แรงหนุนจากความหวังและสัญญาณเชิงบวกต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจจากมาตรการภาครัฐ รวมถึงราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้นหากแต่จำกัดด้วยความกังวลเงินเฟ้อในฝังสหรัฐฯ
กลยุทธ์การลงทุน
- เก็งงบ 4Q67: AMATA, AP, BBL, BCH, KBANK, KTB, KTC, PR9, TCAP, TTB
- Spending+มาตรการรัฐ: ADVICE, AU, CPN, CRC, DOHOME, HMPRO
- พลังงาน: BCP, PTTEP
- Sentiment หนุนจาก NVDIA: DELTA, HANA, KCE
หวังแรงขับเคลื่อนจากนโยบายการคลัง: คาด SET Index โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มจับจ่ายใช้สอยและเกี่ยวเนื่องจะได้แรงหนุนจากความหวังต่อมาตรการภาครัฐ หลังรมช.คลังเผยความคืบหน้าโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ 1 หมื่นบาท โดยเฟส 2 (ผู้สูงอายุ) คาดว่าประชาชนจะสามารถตรวจสอบรายชื่อได้ประมาณวันที่ 20-21 ม.ค.68 และพร้อมโอนเงินก่อนวันที่ 29 ม.ค.68 ส่วนเฟส 3 เมื่อเข้าสู่ 2Q68 จะเริ่มดำเนินการจ่ายเงิน อีกทั้งคาด SET Index ยังได้ Sentiment หนุนจากการประชุมครม.วานนี้ ซึ่งถือเป็นอีกสัญญาณเชิงบวกต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ หลังครม.เห็นชอบ 1) โครงการสินเชื่อปลุกพลัง SME วงเงินสินเชื่อ 1หมื่นล้านบาท และสินเชื่อ Beyond ติดปีก SME วงเงิน สินเชื่อ 1 หมื่นล้านบาท ผ่าน SME-D Bank เพื่อสนับสนุน SME เข้าถึงแหล่งเงินทุนและมีสภาพคล่องเพียงพอในการดำเนินธุรกิจ และ 2) กรอบงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณพ.ศ.2569 วงเงิน 3.78 ล้านล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 68 จำนวน 2.79 หมื่นล้านบาท หรือ 0.7% นอกจากนี้ คาดหุ้นในกลุ่มพลังงานจะได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ปรับตัวขึ้น 0.94% ปิดที่ $74.25 ต่อบาร์เรล จากการที่ชาติตะวันตกมีแนวโน้มที่จะใช้มาตรการคว่ำบาตรน้ำมันจากอิหร่านและรัสเซีย กอปรกับความหวังว่าอุปสงค์น้ำมันในจีนจะปรับตัวสูงขึ้น
กังวลความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ: คาดทางขึ้นจำกัด ท่ามกลาง Sentiment เชิงลบจากการเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯ หลังเผย 1) PMI ภาคบริการจาก ISM เดือนธ.ค.67 ที่ 54.1 มากกว่าตลาดคาดที่ 53.5 และเพิ่มขึ้นจาก 52.1 ในเดือนพ.ย.67 อีกทั้งเป็นการบ่งชี้ถึงการขยายตัว 6 เดือนติดต่อกัน และ 2) JOLTS พบว่าการเปิดรับสมัครงานเดือนพ.ย.67 ที่ 8.098 ล้านตำแหน่ง สูงกว่าตลาดคาดที่ 7.73 ล้านตำแหน่ง และเพิ่มขึ้นจาก 7.839 ล้านตำแหน่งในเดือนต.ค.67 ซึ่งทั้ง 2 ตัวเลขข้างต้น ได้สร้างความกังวลว่าเงินเฟ้อจะปรับตัวสูงขึ้น และอาจทำให้เฟดชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ภาพข้างต้นยังสอดรับกับ US bond yield 10 ปีที่ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 4.7% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบประมาณ 8 เดือน ซึ่งจะเป็น Sentiment ทางลบต่อการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง ส่วนคืนนี้ติดตามการจ้างงานภาคเอกชนจาก ADP เดือนธ.ค.67 ซึ่งอาจบ่งชี้สัญญาณเพิ่มเติม
+ ปัจจัยเพิ่มเติม –
(+) NVDIA น้ำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่พร้อมวิสัยทัศน์เคี่ยวกับการใช้งาน AI อย่างแพร่หลายทั่วระบบเศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึงผลิตภัณฑ์ Cosmos ในงานประชุม CES2025 คาดเป็น Sentiment เชิงบวกต่อหุ้นในกลุ่มอิเล็กทรอนิคส์
(+) มอร์นึ่งสตาร์เผยกองทุน Thai ESG สิ้นปี 67 มีมูลค่าทรัพย์สิน 3.2 หมื่นล้านบาท โตเดือบ 400% จากปี 66 หลังเงินไหลเข้าสุทธิ 2.8 หมื่นล้านบาทในปี 67
(-) สรท.มองส่งออกปี 68 โจทย์ยากมีแต่ปัจจัยเสี่ยง โดยเฉพาะสงครามการค้า ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ นอกจากนี้ ยังมีเรื่องเงินบาทที่มีความผันผวนรวดเร็ว และต้นทุนของผู้ส่งออกเพิ่มขึ้น ทั้งจากการปรับค่าแรงและค่าไฟฟ้า
(-) ผลสำรวจชี้ว่าจำนวนบ้านที่ถูกยึดในจีนเพิ่มสูงขึ้นในปี 67 โดย China Index Acadenyระบุว่าปี 67 มีบ้านที่ถูกยึดและนำออกประมูลขาย 3.7 แสนหลัง จาก 3.64 แสนหลังในปี 66 และเพ้จะมีบ้านถูกยึดและขายออกไปถึง 1.17 แสนหลังแต่มีมูลค่าการซื้อขายรวมเพียง 1.636 แสนล้านหยวน ซึ่งลดลง 1.9% y-y
PICKS OF THE DAY
CRC BUY
- เป้าหมาย 35.50 / 37.00 แนวรับ 33.50
- มีดวงรับทรัพย์ในช่วง 1Q68: ทางฝ่ายคาดว่า CRC จะได้รับประโยชน์จากโครงการช็อปลดหย่อนภาษี 30,000 บาทต่อคนในช่วง 16 ม.ค. – 28 ก.พ. 68 เป็นปัจจัยบวกระยะสั้นที่สามารถหนุนยอดขายของกลุ่มในช่วง 1Q68 ได้ โดยคาดว่ากลุ่ม Hardline และ Fashion จะเป็นกลุ่มที่ได้รับประโยชน์หลัก เชื่อว่าจะเกิดโมเมนตัมที่ดีต่อเนื่องจาก 4Q67 ที่SSSG คาดการณ์ของกลุ่ม Hardline และ Fashion ที่ -5% (3Q67: -9%) และ +2% (3Q67: -2%) ตามลำดับ
- กวาดรางวัลความยั่งยืนระดับโลก: CRC คว้า 8 รางวัลความยั่งยืนเช่น Best Community Programme, Top Sustainability Advocates in Asia พร้อมติดอันดับหุ้นยั่งยืน SET ESG Rating “AA” และดัชนี DJSI World และ Emerging Markets ต่อเนื่อง 2-3 ปี พร้อม S&P Global CSA Score 84 คะแนน ติด Top 3 ของกลุ่ม Retail
BBL BUY
- เป้าหมาย 157.00 / 159.00 แนวรับ 153.00
- เจ้าตลาดสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่: BBL มีความเชี่ยวชาญสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ และเป็นเจ้าตลาดสินเชื่อประเภทนี้ โดยมีส่วนแบ่งตลาดสูงถึง 30.5% สูงกว่าอันดับ 2 คือ KTB ที่มีส่วนแบ่งตลาด 19.7% อยู่ค่อนข้างมาก
- ความเสี่ยงต่ำ และสำรองสูงที่สุดในกลุ่ม: BBL นั้นมีความเชี่ยวชาญทางด้านสินเชื่อรายใหญ่ ซึ่งถึงแม้ว่าจะเป็นสินเชื่อที่ให้ผลตอบแทนต่ำ แต่ก็มีความเสี่ยงต่ำกว่าสินเชื่อรายย่อย และสินเชื่อ SME นอกจากนี้ BBL ยังเป็นธนาคารที่รับความเสี่ยงได้มาก เนื่องจากมีสัดส่วนสำรองต่อ NPL สูงที่สุดในกลุ่ม โดยมีอยู่ถึง 245% ในขณะที่กลุ่มมีอยู่เพียง 152%