KS Daily View 08.01.2025 >>> หุ้นไทยรีบาวด์ แต่ระวัง Bond Yield สหรัฐฯ หนุนเงินเฟ้อเร่งตัว มองกรอบ SET วันนี้ 1,380 – 1,400 แนะนำ SIRI, CPALL

แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศวันนี้: ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลงแรง Dow Jones ลดลง 0.42%, S&P 500 ลดลง 1.11%, Nasdaq Composite ลดลง 1.89% และ Russell 2000 ลดลง 0.74% จากการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจแข็งแกร่งกว่าคาดทั้งอุปสงค์ของตลาดแรงงาน (JOLTs) ที่มีตำแหน่งงานเปิดรับเพิ่มขึ้นทำระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน และดัชนี ISM Services ที่เร่งตัวขึ้น โดยส่วนหนึ่งมาจากต้นทุนสินค้าที่ปรับตัวขึ้นสูงสุดตั้งแต่ต้นปี 2023 ซึ่งกระตุ้นให้ตลาดกลับมากังวลเงินเฟ้อที่อาจเร่งตัวมากขึ้น ส่งผลให้ Bond Yield 10 ปี ปรับตัวขึ้นแตะระดับ 4.7% หุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวลงแรงโดย Nvidia ลดลงราว 6% หลังเพิ่งทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในวันก่อนหน้า โดยมีเพียงกลุ่ม Healthcare และ Energy ที่สามารถปรับตัวขึ้นได้

ตลาดหุ้นไทย ปรับตัวขึ้นราว 18 จุด ปิดที่ระดับ 1,390.88 จุด โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ที่ปรับตัวขึ้นตามตลาดต่างประเทศ กลุ่มโรงไฟฟ้าที่ฟื้นตัวหลังจากปรับตัวลงอย่างหนักในวันก่อนหน้า ในขณะที่กลุ่มน้ำมันเริ่มปรับตัวลงหลังจากราคาน้ำมันดิบเริ่มชะลอตัวลงหลังจากปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง ด้าน Fund Flow วานนี้นักลงทุนต่างชาติมีสถานะซื้อสุทธิที่ 2,401 ล้านบาท แม้ภาพรวม SET จะดูดีขึ้น แต่จากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ข้างต้นที่ออกมาดีกว่าคาดมาก แม้ค่าเงินบาทอาจจะยังทรงตัวได้ แต่ Bond Yield 10 ปีปรับตัวขึ้นใกล้แตะ 4.7%

เราจึงมีมุมมองระมัดระวัง โดยมองดัชนี Sideway ที่กรอบ 1,380 – 1,400 หุ้นแนะนำเป็น SIRI, CPALL

ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:

1.การเติบโตของภาคบริการในสหรัฐฯ เดือนธันวาคมเร่งตัวขึ้น โดยดัชนี ISM ภาคบริการปรับเพิ่มขึ้น 2 จุดสู่ระดับ 54.1 และดัชนีราคาพุ่งขึ้น 6.2 จุดสู่ระดับ 64.4 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ต้นปี 2023 ขณะเดียวกัน ตัวเลขการจ้างงานในเดือนพฤศจิกายนก็แสดงสัญญาณแข็งแกร่ง โดยตำแหน่งงานที่เปิดรับเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือนที่ 8.1 ล้านตำแหน่ง มากกว่าตลาดคาดที่ 7.7 ล้านตำแหน่ง และเพิ่มขึ้นจาก 7.8 ล้านตำแหน่งในเดือนตุลาคม ทำให้ตำแหน่งงานที่เปิดรับต่อจำนวนผู้ว่างงานปรับตัวขึ้นมาที่ 1.13 เท่า จาก 1.12 เท่าในเดือนที่แล้ว ทำระดับสูงสุดในรอบ 5 เดือน ทำให้ Bond Yield สหรัฐฯ 10 ปี ปรับตัวขึ้นแตะ 4.7% สูงสุดตั้งแต่ช่วงเดือนเมษายนปีที่แล้ว

2.กระทรวงการคลังเปิดโครงการสินเชื่อ Soft Loan มูลค่า 2 หมื่นล้านบาท ผ่าน SME D Bank เพื่อเติมสภาพคล่องให้ SME ที่เข้าไม่ถึงสินเชื่อจากธนาคารพาณิชย์ แบ่งเป็น 2 โครงการ: “ปลุกพลัง SME” วงเงิน 1 หมื่นล้านบาทสำหรับรายย่อยที่มีรายได้ไม่เกิน 2 ล้านบาทต่อปี วงเงินกู้สูงสุด 1.5 ล้านบาท และโครงการ “ติดปีก SME” วงเงิน 1 หมื่นล้านบาทสำหรับรายที่มีรายได้เกิน 2 ล้านบาทต่อปี วงเงินกู้สูงสุด 15 ล้านบาท ทั้งสองโครงการมีดอกเบี้ยคงที่ 3% ต่อปีในช่วง 3 ปีแรก และปลอดชำระเงินต้น 12 เดือน

3.ครม. อนุมัติโครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดงเข้ม ช่วงรังสิต-มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ระยะทาง 8.84 กิโลเมตร ด้วยงบประมาณ 6,473.98 ล้านบาท ซึ่งลดลงจากงบประมาณเดิม 96.42 ล้านบาท มี 4 สถานี ได้แก่ สถานีคลองหนึ่ง สถานีมหาวิทยาลัยกรุงเทพ สถานีเชียงราก และสถานีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต โดยคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างในปี 2568 และเปิดให้บริการในเดือนมกราคม 2571 ส่วนโครงการส่วนต่อขยายตลิ่งชัน-ศาลายา-ศิริราช ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

4.เงินเฟ้อในยูโรโซนเพิ่มขึ้นเป็น 2.4% ในเดือนธันวาคม จาก 2.2% ในเดือนพฤศจิกายน เท่ากับที่นักวิเคราะห์คาด โดยมีสาเหตุหลักจากต้นทุนพลังงานที่เพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ขณะที่เงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 2.7% และภาคบริการเพิ่มขึ้นเป็น 4% ECB ย้ำว่าเส้นทางสู่เป้าหมายเงินเฟ้อที่ 2% อาจเผชิญความท้าทาย และคาดว่าจะถึงเป้าหมายในช่วงปลายปี อย่างไรก็ตาม ธนาคารกลางยังคงแนวทางการลดดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยตลาดคาดการณ์การลดดอกเบี้ยรวมกว่า 100 bps ในปีนี้

5.ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นในวันอังคารนี้ โดยน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 74 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และน้ำมันดิบเบรนท์ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 77 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สาเหตุหลักมาจากจีนประกาศจะปฏิบัติตามมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ โดยกลุ่มท่าเรือซานตงจะไม่รับเรือบรรทุกน้ำมันที่ถูกคว่ำบาตรจากอิหร่านและรัสเซีย นอกจากนี้ สภาพอากาศที่หนาวเย็นในสหรัฐฯ ยังส่งผลให้ความต้องการน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อทำความร้อนเพิ่มสูงขึ้น

หุ้นแนะนำวันนี้ Top pick:

SIRI: ราคาพื้นฐาน 2.20 บาท

เราคงมุมมองเชิงบวกต่อ SIRI จากความสามารถในการขายบ้านแนวราบที่โดดเด่น สะท้อนจากยอดขายไตรมาส 4/2567 ที่เติบโต 28% เทียบปีก่อน และ 21% เทียบไตรมาสก่อน แม้ยอดขายรวมจะลดลง 14% เทียบปีก่อน เนื่องจากเลื่อนเปิดโครงการแนวราบขนาดใหญ่มูลค่าราวหมื่นล้านบาทไปปี 2568 โดยคาดมูลค่าเปิดตัวโครงการปีหน้าจะสูงกว่า 5 หมื่นล้านบาท ส่งผลให้แนวโน้มการขายบ้านแนวราบของ SIRI ยังเติบโตแข็งแกร่งกว่าคู่แข่ง ประกอบกับอัตราเงินปันผลที่สูงถึง 9% และมูลค่าหุ้นที่ PE’68 ที่ 6 เท่า พร้อมแรงหนุนจากแนวโน้มดอกเบี้ยขาลง

CPALL: ราคาพื้นฐาน 80.00 บาท

เราแนะนำเก็งกำไรเชิง Tactical ใน CPALL จากมูลค่าหุ้นที่ลดลงต่ำถึงระดับ -2SD ที่ Fwd PE’68 ประมาณ 20 เท่า มีโอกาสฟื้นตัวหลังถูกเทขายในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ประกอบกับยอดขายสาขาเดิม เดือนธันวาคมที่เติบโต 3-4% ส่งผลให้ไตรมาส 4/2567 มียอดขายสาขาเดิมเติบโตราว 3.5% คาดผลประกอบการไตรมาส 4/2567 จะเติบโตได้ตามคาด และมีโอกาสได้ประโยชน์จากค่าไฟฟ้าที่อาจลดลงเหลือ 3.70-3.90 บาทต่อหน่วย ซึ่งต้นทุนสาธารณูปโภคคิดเป็น 8% ของต้นทุนดำเนินงานทั้งหมด คาดจะส่งผลบวกต่อกำไรปี 2568 ประมาณ 3%

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

  • วันพุธติดตามตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรที่ประกาศโดย Automatic Data Processing (ADP Non-Farm Employment Change) เดือน ธ.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 1.40 แสนตำแหน่งชะลอตัวลงจากเดือนก่อนหน้าที่ 1.46 แสนตำแหน่ง และรายงานการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารสหรัฐ (FOMC minutes)
  • วันพฤหัสบดี ติดตามการรายงานจำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกของสหรัฐ (US Initial Jobless Claims) ในสัปดาห์ที่ผ่านมา เทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 2.11 แสนตำแหน่ง
  • วันศุกร์ ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐที่รายงานการจ้างงานนอกภาคการเกษตร (Nonfarm payrolls) เดือน ธ.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 1.63 แสนตำแหน่งชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้าที่ 2.27 แสนตำแหน่ง ต่อด้วยตัวเลขอัตราการว่างงาน (Unemployment rate) เดือน ธ.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 4.2% ทรงตัวจากเดือนก่อนหน้า
- Advertisement -