บล.ฟินันเซีย ไซรัส: 09/01/68

Daily Focus: บรรยากาศยังซบเซา เน้น Selective/Earnings Play

2025 SET Target: 1600

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index แกว่งตัว Sideways Down ตามคาด โดยระหว่างวันมีจังหวะปรับตัวลงแรงพอสมควร ก่อนจะลดช่วงลบเหลือ 3.16 จุด ณ สิ้นวัน ปิดที่ระดับ 1,387.72 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่บางลงหลือ 3.5 หมื่นลบ. กลุ่มหลักที่ยังบวกพยุงตลาดได้มีเพียง อิเล็กทรอนิกส์ สื่อสาร ค้าปลีก สถาบันในประเทศซื้อสุทธิในตลาดหุ้น 393 ลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติพลิกมาขายสุทธิ 1.1 พันลบ. (และ Short Index Futures สุทธิหนาแน่น 2.8 หมื่นสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index จะแกว่ง Sideways ออกข้างในกรอบ 1,380-1,395 จุด โดยภาพรวมตลาดยังขาดปัจจัยใหม่เข้ามากระตุ้น โฟกัสหลักอยู่ที่การประกาศตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐฯเดือน ธ.ค. คืนพรุ่งนี้ (ตลาดคาดเพิ่มขึ้น 1.65 แสนตำแหน่ง ชะลอตัวจากเดือนก่อนที่ 2.27 แสนตำแหน่ง) ส่วนรายงานการประชุม FED เมื่อคืนที่ผ่านมาไม่มี Surprise โดยกรรมการส่วนใหญ่มองความเสี่ยงเงินเฟ้อด้านสูงในปีนี้มากขึ้น และเห็นตรงกันว่าแนวโน้มการปรับลดดอกเบี้ยจะช้าลงจากปีก่อน ส่งผลให้ Bond Yield 10 ปีสหรัฐฯ ยังยืนทรงตัวสูงที่ 4.68% ขณะที่ Dollar Index ยังขยับตัวขึ้น ส่วนปัจจัยในประเทศโฟกัสหลักเราให้น้ำหนักที่การทยอยคาดการณ์กำไรบจ. 4Q24 ว่าจะเห็นการฟื้นตัว q-q และ y-y ได้แข็งแรงอย่างที่เคยประเมินหรือไม่ หากไม่ได้ต่ำกว่าคาดและสร้าง Downside อย่างมีนัยยะต่อประมาณการปี 2025 เชื่อว่าจะช่วยจำกัด Downside ของดัชนีได้บ้าง แต่ในทางกลับกันหากแนวโน้มออกมาไม่สดใสและเห็นการปรับประมาณการลงจะกดดันดัชนีต่อเนื่อง ระยะสั้นจึงเน้นเลือกหุ้นที่เห็นแนวโน้มกำไรที่ค่อนข้างชัดเจน และมี Dividend Yield ระดับ 3.5-4% ขึ้นไปรองรับ คาดว่าจะ Outperform ตลาดได้

กลยุทธ์ : เน้น Domestic Play ที่มีแนวโน้มกำไร 4Q24-2025 แข็งแกร่ง // ส่วนที่สะสมในช่วงก่อนหน้ายังถือลงทุนระยะกลาง-ยาว

หุ้นเด่นเดือน ม.ค. : CRC, MASTER, NSL, SEAFCO, SHR

FSSIA Portfolio: BA, CHG, CALL, KTB, MTC, NSL, RBF, SEAFCO, SHR, WHA

หุ้นเด่น Finansia 9 ม.ค. 25 : OSP

• แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 28 บาท
• คาดกำไร 4Q24 จะโต q-q และ y-y ส่วนแบ่งตลาดเครื่องดื่มชูกำลังของ OSP ล่าสุดเดือน พ.ย. ในเชิงมูลค่าปรับขึ้นต่อเนื่องมาอยู่ที่ 45.4% จาก 45% ใน ต.ค. เป็นสัญญาณบวกแนวโน้มการเติบโตรายได้ในระยะถัดไป
• จบปี 2024 คาดกำไรปกติที่ 3 พันลบ. +36% y-y และคาดโตต่อเนื่องปี 2025 เป็น 3.2 พันลบ. +8% y-y ราคาหุ้นที่ปรับตัวลงทำให้ 2025PER อยู่ที่ 19 เท่า ห่างจาก CBG ที่ 25 เท่า มากเกินไป
• แนวรับ 20.50//20 บาท แนวต้าน 21.70-22//23 บาท 

Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนต่างชาติพลิกมาไหลออกจากภูมิภาค US$507 ล้าน นำโดยแรงขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ทำให้เม็ดเงินไหลออกกระจุกตัวที่ไต้หวัน US$494 ล้าน ส่วนเกาหลีใต้ไหลเข้าบางๆ US$66 ล้าน ด้านอาเซียนเม็ดเงินไหลออกทุกประเทศนำโดยไทยและอินโดนีเซียประเทศละ US$22-32 ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่าจะผสมผสานทรงตัว โดยตลาดรอติดตามตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐฯคืนพรุ่งนี้

ประเด็นสำคัญวันนี้

(-) ITC คาดกำไรปกติ 4Q24 ที่ 783 ลบ. -24% q-q, -4% y-y เป็นกำไรต่ำสุดของปี และต่ำกว่าที่เคยคาด หลักๆ มาจากค่าเสื่อมเข้าเต็มไตรมาส ไม่มีการกลับรายการสินค้าคงเหลือเหมือนไตรมาสก่อน และต้นทุนปลาสูงขึ้น กดดันอัตรากำไรขั้นตัน รวมถึงค่าใช้จ่ายจะสูงขึ้นต่อ เบื้องตันบริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโต 13-15% แต่มี downside จาก Global minimum tax ที่ทาง TU จะ allocate มาให้ตามเกณฑ์ กระทบประมาณการกำไรสุทธิปี 2025 ลง 19% เป็น 3.4 พันลบ. – 6% y-y ได้ราคาเป้าหมายใหม่ 23 บาท และปรับลดคำแนะนำเป็น “ถือ”

(+) SYNEX คาดกำไรปกติ 4Q24 ที่ 150 ลบ. +5% q-q, +10% y-y โดยคาดรายได้ที่เติบโต 16% y-y จากสินค้าประเภท communication ที่ขายดี และเป็น high season ของธุรกิจ ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นน่าจะทรงตัว สำหรับปี 2025 บริษัทคาดยอดขายเติบโต 10% ใกล้เคียงกับปีก่อน อย่างไรก็ตาม เราปรับลดประมาณการกำไรปี 2024 ลง 9% จากภาระดอกเบี้ยจ่ายที่สูงขึ้นตามดอกเบี้ยตลาดที่ปรับขึ้น ทำให้กำไรปกติปี 2024 ที่ 545 ลบ. +26% y-Y และคาดปี 2025 จะยัง +30% y-y คงราคาเป้าหมาย 17.60 บาท ยังแนะนำ “ซื้อ”

(-) SCGD คาดกำไรสุทธิ 4Q24 ที่ 130 ลบ. -31% q-q, -11% y-y ต่ำกว่าเราและตลาดมองว่าจะฟื้นตัว สาเหตุมาจากยอดขายฟื้นช้า โดยยอดขายในประเทศที่ถูกกระทบจากวันหยุดยาวและตลาดอสังหาฯ และกำลังซื้อซบเซา ขณะที่เวียดนามแม้ฟื้นตัวเล็กน้อย q-q แต่ยังหดตัว Y-Y สำหรับกำไรสุทธิปี 2024 คาดจบที่ 860 ลบ. +162% y-y จากฐานต่ำ แต่ต่ำกว่าประมาณการของเราราว 8% ขณะที่ปี 2025 คาดกำไรที่ 1.1 พันลบ. +15% y-y บนความคาดหวังการฟื้นตัวยอดขายเวียดนามเป็นหลัก ราคาหุ้นปรับลงแรง ในเชิง Valuation ถือว่าไม่แพง แต่ระยะสั้นขาด Catalyst จึงยังแนะนำ “ถือ”

(0) SIRI ยอด Presales 4Q24 ที่ 1.02 หมื่นลบ. -1% q-q, -14% y-y ต่ำกว่าเราคาด 15%หลักๆ มาจากยอดคอนโดที่ต่ำกว่าคาด ขณะที่แนวราบเติบโต +21% q-q, +28% y-y จากโครงการเปิดใหม่ เราคาดกำไรสุทธิ 4Q24 ที่ 1.2-1.3 พันลบ. ทรงตัว q-q และ y-y แม้ยอดโอนเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แต่อัตรากำไรขั้นต้นลดลงและค่าใช้จ่ายดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น คงประมาณการกำไรปี 2025 +3.5% y-y และราคาเป้าหมาย 2.2 บาท Div. yield 5.3% ยังแนะนำ “ซื้อ”

(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 106.84 จุด หรือ +0.25%, ปิดที่ 42,635.20 จุด ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน ขณะที่นักลงทุนซึมซับข้อมูลแรงงานที่ไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน รวมทั้งรายงานข่าวที่ว่าโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ มีแผนที่จะประกาศภาวะฉุกเฉินทางเศรษฐกิจแห่งชาติ เพื่อให้เขามีอำนาจในการใช้นโยบายตั้งกำแพงภาษีนำเข้า

(-) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลบ เนื่องจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวขึ้น หลังจากนักลงทุนคาดว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยน้อยลงในยุโรปและสหรัฐฯ ในปีนี้ ขณะที่ความวิตกเกี่ยวกับการเก็บภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ถ่วงบรรยากาศการซื้อขายลงด้วย

(-) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดลบเป็นส่วนใหญ่ หลังสหรัฐฯรายงานข้อมูลแรงงานที่ไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน

(-) ค่าเงินบาท อ่อนค่า อยู่ที่บริเวณ 34.63 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ 0.18%

(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 93 เซนต์ หรือ 1.25% ปิดที่ 73.32 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยตลาดถูกกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และรายงานสต็อกน้ำมันเบนซินและน้ำมันกลั่นของสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้นมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว ในขณะที่เช้านี้ลดลงอยู่ที่ระดับ 73.25 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ -0.10%

(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 7 ดอลลาร์ หรือ 0.26% ปิดที่ 2,672.40ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากมีรายงานว่าตัวเลขจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐฯ อ่อนแอลงในเดือนธ.ค. ซึ่งทำให้นักลงทุนมองว่าข้อมูลดังกล่าวอาจทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ใช้ความระมัดระวังน้อยลงในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ในขณะที่เช้านี้เพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 2,677.30 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือ 0.18%

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 871.08/-

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

- Advertisement -